ความรัก ความชัง และความตาย !?!

[sert1964]

ความรัก ความชัง และความตาย
โดย อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช
น.บ. , น.บ.ท. , น.ม. (กฎหมายมหาชน)

ใครๆ ก็แสวงหา...ความรัก
พูดถึงเรื่องความรัก การแต่งงาน ผมเคยอ่านพบจากคอลัมน์หนึ่งใน นสพ.มติชน รู้สึกจะเป็นคอลัมน์เกร็ดต่างแดน ที่มีคุณทวดผู้หญิงอายุ 107 ปีครับ ประกาศหาคุณสามีตอนอายุ 107 ปี เนื้อหาในคอลัมน์บอกว่าไม่ใช่เป็นเพราะว่าแกเพิ่งมาคิดแต่งงานเป็นครั้งแรกเมื่อวัยล่วงเลยมาถึง 107 ปี แต่เป็นเพราะแกคิดมากมาโดยตลอดเกี่ยวกับการแต่งงาน หลังจากที่คุณทวดคนนี้เห็นบรรดาคุณสามีทั้งหลายกระทำความเจ็บช้ำน้ำใจต่อคุณภรรยา (คุ้นๆ เหตุผลนี้ไหมครับคุณสาวๆ)
ในคอลัมน์เขาบอกว่าคุณทวดใช้ชีวิตโสดอย่างมีความสุขที่บ้านนอกจนอายุได้ 74 ปี ก็ย้ายไปอยู่กับหลานชายหลานสาวในเมือง แต่แล้วก็มาถึงจุดหักเหเมื่อคุณทวดอายุได้ 102 ปี (ไม่ได้พบรักหรอกครับ) เมื่อกระดูกขาข้างหนึ่งหัก ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเดิม ก็เลยกลัวว่าจะเป็นภาระของหลานๆ (ซึ่งอายุหลานๆ ก็ปาเข้าไป 60 กว่าปีแล้วครับ) แกก็เลยดำริคิดการใหญ่ว่า เห็นที่ต้องหาสามีเสียทีในวัย 107 ปีนี่แหละ อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนคุย...เอาครับใครที่มีคนแก่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแกก็เชียร์ๆ กันหน่อย...เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าคิดช้านะครับคุณสาวๆ เดี๋ยวจะเหมือนคุณทวดท่านนี้

รัก...ข้ามขอบฟ้า ความรักอีกรูปแบบหนึ่งที่ฮิตเหลือหลายของหญิงสาวชาวไทยก็คือมีสามีต่างชาติครับ อันนี้เป็นกระแสที่มาแรงมากของหญิงสาวชาวไทย (ใช่หล่ะสิ ควงกับผู้ชายไทยมันไม่เท่ห์เหมือนควงฝรั่ง ได้ฟุตฟิตฟอรไฟ ไอเลิฟยู ไม่ใช่ไอกระด๊อกกระแด๊กแบบหนุ่มไทย) ซึ่งไม่ว่ากันครับของแบบนี้แล้วแต่รสนิยม แต่ผมก็อยากฝากให้คุณสาวๆ ทราบไว้ว่าจะคบหาชาวต่างชาติคนไหนก็ต้องสืบให้ทราบชัดเจนนะครับว่าพี่เดวิด น้องแอนโทนี่ นายมาร์ค ฯลฯ เขามีใบอนุญาตเข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า ?
ถ้าเขาเข้ามาอยู่ในเมืองไทยโดยไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องกฎหมาย คุณควรตั้งข้อสังเกตนะครับว่าไอ้หมอนี่เป็นอาชญากรแล้วหลบหนีเข้ามากบดานในเมืองไทยหรือเปล่า ? หรือเขามีเหตุผลอะไรที่หลบเข้ามาประเทศเราแบบเถื่อนๆ ไม่แน่คุณอาจเป็นผู้ที่แจ้งเบาะแสแก่ทางการในการจับกุมอาชญากรข้ามแดนก็ได้นะครับหากคุณรักชายต่างชาติที่เข้าประเทศโดยไม่มีใบอนุญาตเข้าเมือง ถึงขนาดพามาพักอาศัยที่บ้าน คุณก็อาจมีความผิดโทษฐานให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโทษถึงจำคุกเลยนะครับ

ตัวแทนจัดหา...ชายต่างชาติ
ผมเคยไปเป็นวิทยากรแถวจังหวัดทางภาคอีสาน แล้วมีคุณผู้หญิงคนหนึ่งมาปรึกษาถึงเรื่องตัวแทนนายหน้าหาชายชาวต่างชาติเพื่อเรียกเอาทรัพย์ครับ เรื่องมันมีอยู่ว่าคุณผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารกับหนุ่มๆ ต่างชาติได้ แต่อยากมีสามีฝรั่ง ก็มีตัวแทนบริษัทนายหน้าจัดหาผู้ชายต่างชาติเข้ามาติดต่อถึงหมู่บ้านเลยครับ แล้วกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ก็จะเป็นคนดำเนินเรื่องทุกสิ่งอย่าง ทั้งตอบจดหมาย เขียนจดหมาย พาชายชาวต่างชาติมาดูตัว จนได้แต่งงานแต่งการ
ฟังดูไม่น่าเป็นปัญหาใช่ไหมครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ แม้ว่าจะมีการตกลงกันก่อนหน้านี้ว่าค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินการเพื่อความสะดวก รวมทั้งค่าจ้างทุกสิ่งอย่างนั้นผู้หญิงไทยที่อยากได้สามีต่างชาติจะเป็นคนจ่าย แต่หลังจากนั้นปรากฏว่าคนกลุ่มนี้ยังไปเรียกร้องเงินก้อนนี้จากฝรั่งที่เข้ามาแต่งงานกับสาวไทยอีกครับ เท่านั้นยังไม่พอแม้จะแต่งงานไปแล้ว คนกลุ่มนี้ก็ยังรีดไถเป็นประจำ พวกเขาเลยอึดอัดใจว่าจะใช้กฎหมายข้อใดจัดการกับคนกลุ่มนี้ได้บ้าง
ผมก็เลยตอบไปว่า ประการแรกต้องหยุดจ่ายเงินให้กับคนพวกนี้ทันที เพราะความรักต้องขึ้นอยู่กับจิตใจของคนสองคนเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนหากต่อมามีการบังคับขู่เข็ญให้เราต้องยอมตามที่เขาสั่งหรือรีดไถเงินเรา กลุ่มคนพวกนี้ก็ย่อมมีความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ จำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท โดยสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจได้ครับ

ยามรัก&ยามชัง...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ในช่วงเดือนมกราคม ผมได้อ่านข่าวอยู่ข่าวหนึ่งครับ เป็นข่าวที่คุณหมอชาวอเมริกันวัย 49 ปี ซึ่งเคยแต่งงานอยู่กินกับภรรยาท่านหนึ่งจนมีลูก 3 คน (ลูกก็วัยรุ่นแล้วนะครับ) หลังจากแต่งงานอยู่กินกับภรรยา วันหนึ่งฝ่ายภรรยาเป็นโรคไต คุณหมอท่านนี้ก็ทำหน้าที่สามีที่ดียอมสละไตอีกข้างหนึ่งให้ภรรยาในปี พ.ศ.2544 แต่แล้ววันดีคืนร้ายก็ปรากฏว่าเมื่อความรักและการแต่งงานของคู่นี้เริ่มไปกันไม่ได้ ชีวิตคู่เริ่มมีปัญหา ฝ่ายภรรยาจึงลุกขึ้นมาฟ้องหย่าขาดจากคุณหมอเมื่อปี พ.ศ.2548
หลังหย่าขาดจากกันแล้วก็น่าจะจบๆ กันไปครับ แต่ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งคู่ก็ต้องหันหน้าปรึกษาทนายอีกรอบเมื่อคุณหมอเกิดรู้สึกเสียดายไตที่เสียสละให้อดีตภรรยาไปตั้งหลายปี เลยให้ทนายยื่นฟ้องขอเรียกร้องให้อดีตภรรยาจ่ายเงินค่าไตให้เขามาเสียดีๆ ในราคา 52.6 ล้านบาท !!!
อย่างไรก็ตามครับเมื่อคดีนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล คณะอัยการเห็นว่า ขณะที่บริจาคไตนั้นอัยการเห็นว่าทั้งคู่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน จึงถือเป็นมนุษยธรรมที่คนในครอบครัวเดียวกันอย่างคุณหมออดีตสามีผู้นี้พึงแสดงน้ำใจต่อคนในครอบครัวเดียวกันด้วยการสละไตครับ ดังนั้นอดีตภรรยาผู้รับไตจากอดีตสามีจึงไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าบริจาคไตแต่อย่างใดครับ แม้ว่าเธอจะเป็นคนขอหย่าขาดจากเขาก็ตาม

เมื่อรัก...เป็นพิษ คดีหนึ่งที่เกี่ยวกับความรักความเสน่หา จนเป็นโจษจันกันทั่วประเทศ ก็คือคดียิงแสกหน้าแฟนสาวที่ จ.ปราจีนบุรีเมื่อวันที่ 8 ม.ค.52 คนร้ายอายุประมาณ 30-35 ปี ลากตัว น.ส.สุกานดา กองคำ อายุ 26 ปี พนักงานโรงงานฮิตาชิ นิคมอุตสาหกรรม 304 ออกมาจากหอพักบ้านฟ้าใหม่ ซอยบุยายใบ ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อนายสมบูรณ์ สมจิตร อายุ 55 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของหอพักเห็นเข้า ก็พยายามเข้าห้ามปรามตามหน้าที่ แต่กลับถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงจนเสียชีวิต หลังจากนั้นคนร้ายลากตัว น.ส.สุกานดา ออกมาหน้าหอพัก แล้วจึงใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงกลางหน้าผากเสียชีวิต ส่วนสาเหตุนั้นตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากเรื่องชู้สาว เมื่อฝ่ายหญิงพยายามตีตัวออกห่าง ฝ่ายชายตามมาง้อ แต่ไม่สำเร็จ จึงลงมือก่อเหตุ

ยุยงให้เขาเลิกกัน...ก็ต้องระวัง
อีกคดีหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับชู้สาวความรักและก็โหดไม่แพ้กัน (แต่คดีนี้ตำรวจจับตัวผู้ร้ายได้) นอกจากนี้ยังทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวแถวเกาะพงันต้องซบเซาไปด้วยเนื่องจากผู้ตายเป็นผู้หญิงชาวเยอรมนีวัย 45 ปี และผู้ต้องหาคือหนุ่มช่างสักตามตัว (Tattoo) วัย 29 ปีที่ให้บริการบนเกาะนั่นแหละครับ
จากคำให้การของผู้ต้องหานั้น เรื่องมันมีอยู่ว่าผู้ต้องหา รู้จักกับผู้ตายหลังเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะพะงันหลายครั้ง โดยผู้ตายไปเรียนสักยันต์ร้านที่เขาทำงานด้วย กระทั่งคบหาจนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน ภายหลังผู้ต้องหาพยายามตีตัวออกห่าง เนื่องจากผู้ตายแสดงอาการหึงหวงอย่างออกหน้าออกตา และมักไม่พอใจทุกครั้งที่ผู้ต้องหาไปพูดคุยกับหญิงสาวชาวต่างชาติคนอื่น ที่สำคัญไอ้เจ้าช่างสักคนนี้แค้นที่ถูกแหม่มแฟนเก่าพูดใส่ร้ายหนุ่มช่างสักกับชาวต่างชาติคนอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อผู้ตายพูดกรอกหูแฟนสาวคนใหม่ของหนุ่มช่างสัก จนทำให้แฟนสาวคนใหม่บอกเลิกกับผู้ต้องหามาแล้วครับ คดีนี้ในเบื้องต้นตำรวจก็แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาไว้ก่อนมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิตครับ
เรื่องเกี่ยวกับความรักในแง่มุมต่างๆสอนให้รู้ว่า ความรักแต่พอเหมาะพอดีเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่สำคัญอย่ารักคนอื่นมากกว่าการเมตตาตัวเองนะครับ เพราะรักมากก็หวังมาก เมื่อไม่สมหวังถ้าไม่เศร้าโศกเสียใจก็อาจจะแค้นอกแค้นใจจนก่อให้เกิดปัญหาตามมา ดังนั้น “รักแบบทางสายกลาง” “รักแบบพอเพียง” ดีที่สุดครับผม

ขอบคุณ อ.ประมาณฯเจ้าของกระทู้ครับ

[พล พระยาแล]

ขอบคุณที่เตือนเด้อเพื่อน 55555 ก๊ากกกกกก