กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 10

หัวข้อ: หำน้อย ซี่รี่ ตอน ลมหนาวมา...ปลาข่อน 2

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    ครีเอทีพ โปรดิวเซอร์ สัญลักษณ์ของ บ่าวข้าวจี่
    วันที่สมัคร
    Dec 2008
    กระทู้
    1,008
    บล็อก
    7

    ดวงดาว The Star หำน้อย ซี่รี่ ตอน 12 ลมหนาวมา...ปลาข่อน 2

    หำน้อย ซี่รี่  ตอน 12  ลมหนาวมา...ปลาข่อน 2

    คำแนะนำในการอ่าน บทบรรยาย ควรอ่านเป็นภาษากลาง

    บทสนทนา ควรอ่านเป็นภาษาอิสาน



    .ตะวันสาดแสงจ้า ไล่ความหนาวเย็น ช่วงเช้าเป็นไอร้อนสลับลมหนาวเป็นระยะตอนกลางวัน กลางทุ่งนาบ้านแฮด มองเป็นทุ่งสีทองไปทั่ว ครึ่งทางของฤดูเก็บเกี่ยว บางคนเกี่ยวเสร็จเรียบร้อย ตีนวดเอาเมล็ดข้าวเปลือก ขึ้นยุ้งฉางไปก่อนหน้าเพื่อนบ้านเพราะมีที่นาไม่เยอะ

    เสร็จแล้วก็ยังมีน้ำใจไปช่วยเหลือ ลงแขกนวดข้าว(ตีข้าว) เวียนช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องคนอื่นที่ยังไม่เสร็จ แบบน้ำใจเพียวๆไม่หวังค่าแรง หรือ สิ่งตอบแทน เว้นเสียแต่ความสนุกสนาน กับการได้ช่วยเหลือกัน ได้กิน ได้ดื่ม อาหารการกินที่เฝ้ารอมากันเป็นปี กับสาโทรสเด็ด ลาบเป็ด ต้มปลา เมนูฤดูหนาว อันคลาสิค ท่ามกลางไออุ่นกองฟาง อบอวนกลิ่นหอมลานขี้ควายที่ใช้เป็นลานเก็บกองมัดฟ่อนรวงข้าวแล้วตีนวดเป็นเล็ดข้าวเปลือก ก่อนเก็บเข้ายุ้งฉางไว้บริโภคและแบ่งขายเป็นข้าวเปลือกยามขาดแคลนเงินทอง ...

    ภาพลานขี้ควาย ที่แห้งเกาะกันเป็นผืนนิ่ม รองรับกองฟ่อนข้าวกองใหญ่ที่วางซ้อนจัดแนวอย่างเชี่ยงชาญ ทำเป็นฐานลอมข้าวใหญ่ รองรับฟ่อนข้าวหลายสิบฟ่อนต่อเที่ยวเสียบไม้คันหลาว(คานไม้ไผ่ลำเสี้ยมปลายแหลม)มากองสมทบ กลายเป็นลอมข้าวใหญ่รูปทรงระฆังคว่ำที่มีฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปลายโอบเข้าหาเป็นยอดแหลมทั้งสองมุม มองดูคล้ายคฤหาสน์ คลังเมล็ดข้าว อวดโฉมแข่งกัน ลอมข้าวใหญ่เล็กบ่งบอกถึงปริมาณผลผลิตการเก็บเกี่ยวของแต่ละครอบครัวได้เป็นอย่างดี

    ...ถึงคราวลงแขกตีนวดข้าว ก็มากันพร้อมเพรียง ตีนวดข้าวไปด้วยพูดคุยหยอกล้อสนุกสนานกันไปตามวิถี ตกกลางคืนก่อกองไฟสุมฟาง ให้ไออุ่นและแสงสว่าง ก็ยังผลัดกันนวดตีข้าวกันต่ออย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย คลอเคล้าเสียงสนูว่าว ลอยลมมา ก่อเกิดความรักของหนุ่มสาวชาวอิสานบ้านนา คราต้องมนต์เสน่ห์กองฟางลานข้าว เป็นตำนานรักมาแล้วปีต่อปีหลายต่อหลายคู่......

    มนต์เสน่ห์ของซุ้มนอนที่ทำด้วยมัดฟางที่ปกป้องความหนาวได้อย่างดี พื้นซุ้มรองด้วยเศษฟางข้าววางซ้อนหนา ปูด้วยเสื่อกก อีกชั้นเป็นวิมานกลางดินทอดกายลงนอนยามเหนื่อยล้าจากงานตีข้าวนวดข้าวในตอนเย็น บ้างก็กลับเข้าหมู่บ้าน..เตรียมเสบียงเกลือปลาร้า มาเพิ่มเติมในรุ่งเช้าวันใหม่

    ....รุ่งเช้าวันใหม่ หมอกหนาอากาศหนาวเย็น เสียงไก่ขัน บริหารคอเกาะบนคอนกิ่งต้นสะแบงริมเถียงนา แม่ไก่พาลูกน้อยคุ้ยเขี่ยหากิน พวกแมลงและเศษเมล็ดข้าวเปลืกในกองฟาง

    กลิ่นควันไฟจากเตาฟืน ที่ใช้นึ่งข้าวเหนียว ส่งกลิ่นอบอวน แม่ครัวหุงหาอาหาร ส่วนที่เหลือก็พากันลงแปลงนา มัดกำข้าวด้วยตอกไม่ไผ่ บ้างก็ใช้กอฟางข้าวมัดแล้วแต่ความถนัดและเคยทำมา ทำเป็นฟ่อนๆเตรียมเก็บหาบเข้าลานในตอนสาย.........

    ..หลังจากอาหารเช้าตอนสายๆเสร็จสิ้นลงประมาณ10โมงเช้า พวกผู้ใหญ่ก็พากันไปเกี่ยวข้าวกันต่อ วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ มีสาวๆรุ่นพี่ หำน้อย กับ หลอด เป็นญาติของพ่อ หลอดที่อยู่ต่างหมู่บ้านมาช่วยเกี่ยวข้าวปีนี้ 3 คน รวมญาติพี่น้องมาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวที่ นาของหลอดกันอีก 6 คนบวกกับหนุ่มวัยแรกรุ่นในหมู่บ้านที่กำลังตามมาสมทบ อีก 3 คน

    ที่มาช่วยสาวๆเกี่ยวข้าวเจตนาคงไม่มีอะไร นอกจากหวังจะได้สัมพันธ์ที่ดีจากสาวต่างหมู่บ้าน ที่พอชโลมใจหนุ่มๆในหมู่บ้านแฮดให้กระชุ่มกระชวยบ้างในหน้าหนาวแบบนี้ เขาเรียกภารกิจต่อเนื่อง ในการจีบสาวก็ว่าได้เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา นั่งคุยเลียบๆเคียงๆ กันที่บ้านหลอด จนดึกดื่น....

    “..พวกไอ้ทิดดุล..กับหมู่..” หลอด อุทานเสียงดังพร้อมมองออกไปนอกเถียงนา มองเห็นพวก ทิดดุล กับพวก 3 คนเดินเลาะลัดทุ่งตามคันนา มุ่งหน้ามายังที่นาของ หลอด จุดประสงค์คงเป็นภารกิจ ที่นัดแนะกับสาวต่างบ้านเมื่อคืน ที่มาเกี่ยวข้าวช่วยครอบครัวของหลอด

    “ฮ่า..เลาพากันตามมาอีกแล้วเว้ย..มื้อคืนกะคุยกันเกือบแจ้งยังมีแฮงย่างอยู่ติ...” เสียงหำน้อย ยิ้มมุมปากตอบกลับเกลอ พลางหยิบเคียวตัดแต่งปี่กอข้าว ที่เสร็จแล้ววางอยู่สองอัน เผื่อฝากสาวน้อย คำแพง ขาเข้าหมู่บ้านเย็นนี้ ..
    เอ้ย...หลอด..ผุสาวเกี่ยวข้าวอยู่ไห่ได๋หละ..อ้ายคือเหลียวบ่เห็น” ทิดดุล เอ่ยถาม หลอด ปากคาบมวนยาสูบใบตองม่วนเขื่อง “อยู่ทางไฮ่กกจิกพุ้นๆๆ...มาพากันใส่ส่ง สีแสบตาคักแท้..หมู่ข่อยพากันตาลายพอแฮงแล้ว..อ้ายทิด..อิอิ” หลอดตอบคำถาม พร้อมกระเซ้าแหย่ผู้ใหญ่แบบเกินวัย..ฮ่า

    ..ฮ่วยบักอันนี้แหม..เขาเอิ้นว่าแฟซั่นเด็กน้อยซำสูบ่ฮู้ดอก..อะห้อย” ทิดดุลทำตาขวางใส่หลอด แต่ยังไว้ลาย หัวหน้าผู้บ่าวแนวประจำหมู่บ้านด้วยการแต่งตัวอินเทรนด์ตามแฟชั่น ด้วยกางเกงขาบานสีฉูดฉาด เสื้อรัดรูป คงนึกว่าเป็นพระเอกในหนังอินทรีแดง ที่มิตร ชัยบัญชาเล่น..ฮ่า

    “อูแม่ลู..อูแม่ลู....ฮูแม่ลู..” เสียงเป่าปี่ลำข้าวของหำน้อย ที่นั่งทดสอบเสียงปี่ลำข้าว หลายต่อหลายอัน อันไหนลิ้นที่ทำ มันแตก หัก ก็โยนทิ้ง พลางใช้ใบข้าวแหย่ทำความสะอาดในปล้องอย่างระมัดระวัง “โอ้ยเซาเป่าก่อนแน หำน้อย หนวกหูวะ เอ้าฝากมีดพร้า ห้อยไว้แกเถียงนี่หละ อย่าพากันเอาไปเล่นเด้อพวกสู ฮั่งพากันดื้อคัก” เสียงทิดจ้ำ เพื่อนทิดดุล สำทับสองเกลอ ก่อนทั้งสามเดินเท้าผิวปากเป็นเพลงบ้างไม่เป็นบ้างตามประสาชายหนุ่มบ้านทุ่ง เลาะตามคันนามุ่งหน้าเป้าหมาย แปลงนาที่สาวๆเขาเกี่ยวข้าวกันอยู่...

    “ หลอดเอ้ย หำ...อยู่ไสหละแนวบอกเตรียมไว้ พ่อสิพาไปเอาปลาข่อน มาๆๆๆ” เสียงพ่อของหลอดตะโกนเรียกสองเกลอที่กำลังนั่งทำปี่ลำข้าวอยู่เถียงนา

    จากนั้น หำน้อย กับ หลอด เดินลงแปลงนากับ พ่อของหลอด ใช้สวิง ใช้สุ่มปลา จับปลา ทีละแปลง แปลงไหนที่น้ำมากหน่อย ก็ใช้มือทำคันดินเล็กๆ และวิดน้ำออกไปก่อน แล้วค่อยจับปลา การจับปลาข่อนในแปลงนา ต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ระวังไม่ให้ข้าวเสียหาย

    หำน้อย กับ หลอด สนุกกับการเก็บปลา ที่เหลือตกค้างจากการแอ้วปลา ทั้งปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอและปลากะดี่ ปลาหลด ปลาหลาด(กระทิง)ก็มี และที่หลายตัวที่สุด ก็คือปลาซิว มีแต่ตัวใหญ่ๆ

    “ปลาเข็ง กับปลากะเดิด สิเอาไปเฮ็ดปลาแดก ปลาซิว สิเอาไปเฮ็ดส้มปลาน้อย คักแท้บาดนิ อิพ่อ” หลอดพูดพลาง เทปลาเล็กที่อยู่ในสวิงใส่ถังสังกะสี ที่นำมาด้วย ส่วนปลาตัวใหญ่ ก็จับใส่ข้อง ด้วยความสนุกสนาน.....
    .
    “ไฮนาแปลงนี้ พ่อว่าสิขุดสระ น้อยไว้จักอันดอก เอาไว้เป็นหม่องที่อยู่ของปลา ตอนยามเกี่ยวข้าวกะสิได้สูบเอาปลา ต้อนพี่ต้อนน้อง ปลากะสิได้มาโฮม มารวมอยู่หม่องเดียวกัน ยามนั้นกะสิง่ายในการหาปู หาปลามาเฮ็ดกิน แล้วพ่อกะสิย้ายเถียงนามาใว้หม่องนี้ ให้บักหล่า นั่งเบิ่งปลามันบ้อน...เด้พ่อว่า “

    ภาพเก่า ผุดขึ้นมาพร้อม เสียงพ่อของ หำน้อย พูดกับ หำน้อย ตอนที่ยังอยู่ด้วย ตอนนั้นหำน้อยเองยังไม่เข้าโรงเรียน ยังพอจำความได้ น้ำตามันค่อยไหลอาบแก้มของหำน้อย ความรู้สึกคิดถึงพ่อครั้งหน้าหนาวเกี่ยวข้าวเอาปลาข่อนมันผุดขึ้นมา หลังจากที่พ่อจากไปมีเมียใหม่ต่างหมู่บ้าน ทิ้งไว้แต่เถียงนาเก่า และ บ่อน้ำกลางนาที่มีแต่กอหญ้ากอกก ขึ้นรกเต็มไม่มีใครเหลียวแล ...แต่ หำน้อยไม่ได้โทษพ่อ ที่หนีไปและไม่ได้โทษแม่เพ็ญ แต่รู้สึกน้อยใจตัวเอง ที่อยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว เหมือนครอบครัว หลอด เพื่อนรัก....

    “......หำ..หำ.....บักหำ...เอ้ยนั่งคิดอิหวังวะ..ฟ้าวเอาข้องมาทะแม้...”เสียงตะโกนของ หลอด ที่อยู่อีกฟากของแปลงนา หาปลาข่อนอยู่กับพ่อของหลอด หำน้อยตื่นจากภวังค์ พลางเอามือที่เปื้อนโคลนป้ายเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม หยิบเอาข้องใส่ปลา เดินเข้าไปหาหลอด กับ พ่อของหลอด

    “เป็นหยังอีกหละ..หำ..คึดฮอดพ่อ อีกแล้วบ่..หือ เดี๋ยวมันกะกลับมาดอกเชื่อพ่อ พ่อมึงมันเป็นหมู่ของพ่อ พ่อฮู้จักนิสัยมันดี เดี๋ยวกะกลับมาหา แม่เพ็ญ กับ หำ คือเก่านั่นหละ..มาๆเอาข้องมา แล้วพากันไปเก็บบักกอก มาใส่ต้มปลาเด้อ เหลือปลาข่อนอยู่ไฮเดี่ยว เดี๋ยวพ่อจัดการเอง..ไปๆ”

    เสียง พ่อของหลอดพูดปลอบใจ หำน้อย เพราะรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าตัวดี อย่างน้อยก็พอที่จะเบาบางผ่อนคลายความคิดถึงและน้อยใจของ หำน้อย พอสมควร

    .....ภาพทุ่งรวงทอง หนุ่มสาวเกี่ยวข้าวในหน้าหนาว มิตรภาพหรือความรักถักทอขึ้น กำเนิดของความรักหลายคู่เวียนวน ตามวิถีชนบท เสมือนการถือกำเนิดของเมล็ดพันธ์ข้าวเปลือก ที่ผ่านการปลูกบ่มเพาะ เก็บเกี่ยวด้วยความอดทน ก่อนมาเป็นข้าวสาร นึ่งเป็นข้าวเหนียวใหม่อันหอมนุ่ม ที่เหลือเป็นเมล็ดพันธ์ไว้เพาะปลูกในคราวต่อไป...

    ในบทชีวิตจริงที่เป็นวิถีท้องนา ห่มฟ้าท้าแสงตะวัน เรื่องเล่าขาน บางอย่างบางอย่างค่อยเลือนหายไปตามยุคตามสมัย ทิ้งไว้เพียงอดีตที่น่าจดจำ และให้หวนคิดถึงยามอยู่ห่างไกลบ้านเกิด กลิ่นหอมของข้าวเหนียวใหม่ รสชาติของปิ้งปลาใส่เกลือ ต้มปลา ป่นปลาหมอใส่มะกอกเป็นลูก ผักสด ผักลวก เก็บหาได้ง่าย เห็นแล้วยังชวนกิน อีกทั้งรอยยิ้มอย่างมีความสุขตามวิถี หาใช่พึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ถือเป็นบทชีวิตที่มีค่าและน่าจดจำ ......ยังคิดถึงไม่เสื่อมคลาย............


    ....ขอบคุณที่เสียสละเวลาติดตามอ่านทุกตอน....โปรดติดตามตอนต่อไป
    .....บ่าวข้าวจี่..........
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย บ่าวข้าวจี่; 26-12-2010 at 14:18.

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •