กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4

หัวข้อ: ชีวิต...และความพอเพียง ตอนที่ 1

Hybrid View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    ชีวิต...และความพอเพียง ตอนที่ 1


    ชีวิต...และความพอเพียง





    ชีวิต...และความพอเพียง ตอนที่ 1




    1

    ชีวิตในกรุงเทพ เป็นชีวิตที่น่าบัดซบมาก ในความรู้สึกของสันต์
    เขาต้องเดินทางออกจากบ้านเกิดในถิ่นอีสาน หลังพ่อกับแม่เขาเสียชีวิตไปแล้ว เขาตัดสินใจเดินทางเข้ากรุง และในใจไม่คิดจะกลับไปทำไร่ไถนาอาชีพบรรพบุรุษที่สันต์เคยทำ ตั้งใจเดินทางเข้ากรุงเทพด้วยความมาดมั้น

    “อีกไม่นานแล้ว ที่จะรวยเสียที อยู่บ้านนอกแล้งและลำบากมาก” เขาบอกตัวเองแบบนี้...


    หลังจากจบมัธยมสามแล้ว เขาเดินทางไปทำงานก่อสร้าง ชีวิตก่อสร้างที่ร้องร่อนเร่พเนจร ไปตามโครงงานก่อสร้าง ชีวิตกล่องสี่เหลี่ยมในกรอบสังกะสี เช้าขึ้นมาต้องลุกหุงข้าวกิน รีบไปทำงาน กว่าจะกลับที่พักก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว


    แต่ละวันทำงานไป ในทีแรกค่าแรงงานน้อยมาก แต่เขาก็พออยู่ได้ เพราะเถ้าแก่นำข้าวสารมาให้กิน อยู่ไปอยู่มา ใครไม่รู้เรียกร้องเงินค่าจ้างเพิ่ม เขาผละงานประท้วงเรื่อยมา จนเถ้าแก่ทนไม่ไหว ก็เลยขึ้นเงินค่าจ้างให้


    แต่อะไรหรือ มีข้อแม้ว่า จะไม่จ่ายข้าวสารให้ ห้องพักไม่มี ทุกอย่างต้องออกเอาเอง ตามค่าแรง


    “ลื้อเรียกร้องมากเกินไป เอางี้นะ อั้วจะยอมจ่ายให้ลื้อ แต่อั้วจะไม่จ่ายข้าวสารให้ลื้อนะ อ้อที่พักเหมือนกัน บริเวณบ้านพักคนงานที่พวกลื้ออยู่นี่ อั้วจะนำไปทำบ้านจัดสรร พวกลื้อได้เงินเพิ่มแล้วนี่ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ของพวกลื้อก็คือลื้อไปหาที่อยู่กันเอาเองก็แล้วกัน อั้วเพิ่มเงินให้ลื้อแล้ว หวังว่าลื้อคงเข้าใจ”


    จากนั้นสันต์ก็พบว่า ค่าแรงที่ถูกเพิ่มขึ้นมา เริ่มไม่พอค่าใช้จ่าย ข้าว น้ำ ที่พัก ไฟฟ้า ต้องจ่ายเองทั้งหมด เขาเริ่มรู้สึกว่าความสุขที่เคยมีตามอัตภาพเริ่มสลายลงทีละน้อย ไม่คุ้มกับการเรียกร้องครั้งนี้เลย


    ในชีวิตรอบข้างเริ่ม มีการลักขโมยกัน เริ่มมีการไม่แบ่งปันกัน รอยยิ้มที่ได้รับ เป็นรอยยิ้มที่ฝืนความรู้สึก เริ่มมีการแกร่งแย่งชิงดีกัน


    สันต์ก็ยังคงทำงานในไซร์งานของเขา โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าสังคมภายนอกรอบตัวเขา ยิ่งกว่าสงครามเสียอีก แต่เป็นสงครามชีวิต


    มาวันหนึ่ง ถังปูนที่ทำงานตกลงมาถูกศีรษะเขาอย่างแรง เขาสลบไปสองวันเต็ม เถ้าแก่นำร่างโชกเลือดไปส่งโรงพยาบาล เขาต้องนอนเดียวดาย ไม่มีเงินสักบาทสำหรับจะต่อชีวิต เมื่อกับมาบ้านพักที่เช่าอยู่ เจ้าของบ้านเริ่มยิ้มมาเยือน เจ้สายไม่เข้าใจว่าคนเจ็บไม่ได้ทำงานจะนำเงินที่ไหนมาให้


    “สันต์ถ้าแกไม่จ่ายเงินค่าที่พักเดือนนี้ ฉันจะให้เวลาแกหนึ่งอาทิตย์สำหรับทำการย้ายออก เพราะฉันก็มีรายได้จากส่วนนี้” คำพูดของเจ้สาย เจ้าของห้องเช่ากดดันสันต์มากเหลือเกิน


    เขาจำเป็นต้องลุกจากที่นอน ไปขอเบิกเงินล่วงหน้ากับเถ้าแก่
    “อะไรกัน ลื้อป่วยอยู่ ทำงานก็ไม่ได้ จะมาเบิกล่วงหน้าได้อย่างไร ” เสียงเถ้าแก่ตวาดลั่น


    “เถ้าแก่ครับ ผมหายแล้วก็จะมาทำงานตามปกตินั่นแหละครับ ผมจำเป็นต้องขอเบิกเงินล่วงหน้าไปจ่ายค่าห้องพัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ก่อนครับ” เขาพนมมือไหว้เถ้าแก่


    “เอาละสันต์ อั้วจะให้ลื้อนะ เอาไปพันหนึ่งนะ มากกว่านี้อั้วก็ไม่มีให้ลื้อ แต่อั้วว่าลื้อควรกลับบ้านไปนา อย่าอยู่อย่างนี้เลย ไว้หายดีแล้วค่อยมาทำงานกับอั้วใหม่ อั้วเห็นลื้อทำงานดีไม่มีปากมีเสียง ถือว่าอั้วให้ลื้อก็แล้วกันนะ” เถ้าแก่พูดพร้อมหยิบเงินพันบาทให้


    อาเงินพันบาท สำหรับชีวิตที่ต่อสู้ดิ้นรนจะอยู่ได้ตลอดหรือ เขาคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที คิดถึงที่ดินที่ป่านนี้คงรกร้างว่างเปล่าไม่มีคนเหลียวแล


    บ้าน...จริงซินะ เขายังมีบ้าน มีที่ดินทำกิน มีญาติพี่น้องคอยอยู่ เงินพันหนึ่งสำหรับการกลับบ้าน คงไม่ยากที่จะเดินทางกลับ มีสองมือ สองเท้า ทุกอย่างต้องทำได้ ...สันต์คิดแบบนี้


    วันกลับบ้าน เขานำสมบัติที่สะสมไว้ในกรุงเทพ แจกคนงานด้วยกัน เหลือเพียงเสื้อผ้า ที่สามารถนำติดตัวไปได้สะดวก ...ลาแล้วกรุงเทพ สำหรับชีวิตนี้ จะไม่ขอกลับคืนมาอีกเลย





    2


    สันต์กลับมาบ้านแล้ว เขาสำรวจบ้านพบว่าผุพัง ทรุดโทรมลงไปมาก แต่อ้ายทิดทองสีแกเข้ามาทักทาย ถามข่าวคราวต่างๆนานา เขาเล่าให้อ้ายทิดสีฟังเรื่องราวในเมืองกรุง อ้ายทิดสีแกน้ำตารินไปด้วยกับสันต์ แกเดินสำรวจบ้านและบริเวณบ้านให้ และก็ไปเกณฑ์พี่น้องมาซ่อมแซมบ้านให้ ทุกคนยิ้มแย้ม ไม่มีใครว่าอะไร


    เอื้อยบัวลี มาเยี่ยมบ้าง เห็นข้าวสารไม่มี หม้อหุงข้าวก็ไม่มี แกก็เลยให้หม้อหุงข้าว แบ่งถ้วยชามมาให้ สีข้าวสารมาให้ หาเกลือ ปลาแห้งมาให้


    “สันต์เอ้ย เอานี่ไป พอได้ประทังชีวิต เจ้าก็บ่ต้องพเนจรไปไสอีก อยู่นี่แหละ อยู่บ้านเฮาบ่มีอดตายดอกหล่า” ว่าพลางกะล้วงกระเป๋า เอาเงินมาให้ห้าร้อยบาท


    “เอาเงินนี่ไปสา พอได้เลื้ยงพี่น้องยามเพิ่นมาซ่อยเฮ็ดงานเด้อ เอื้อยกะบ่มีเงินคำ มากนักดอก แต่ก็พอช่วยได้ ข้าวสารถ้าหมดเอื้อยกะสิสีมาส่งให้อีกดอก”


    เขายกมือไหว้เอื้อยบัวลี น้ำตาลูกผู้ชายซึม คิดว่า

    “ถ้าเป็นกรุงเทพ คงไม่มีใครเมตตาปราณีคนแบบนี้”


    “พวกเฮาบ้านเดียวกัน พี่น้องกัน บ่ ถิ่มกันดอกหล่า ขนาดหมากะยังเลี้ยงเลย แล้วคนละ จะถิ่มได้จังได๋” เอื้อยบัวลีพูดตบท้าย



    “เอื้อยบัวลี ข้อยสิบ่ลืมบุญคุณเอื้อยเลย” …สันต์คิดเช่นนี้




    .............................................................



    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    ฝ่ายเทคนิค และถ่ายทอดสด สัญลักษณ์ของ อาวอ้วนเมืองยศ
    วันที่สมัคร
    Apr 2010
    ที่อยู่
    เมืองบั้งไฟ
    กระทู้
    1,513
    บอกว่าตอนที่ๅ ติครับ แสดงว่ามีตอนต่อๆ ไปเนาะครับ นั่งอ่านไปแอบน้ำตาซึมแมะพี่น้องเอ้ย
    นี่ละคนบ้านเฮา น้ำใจไมตรีมีให้กันได้เสมอ
    ขอบคุณผลงานดีๆ ที่มีออกมาให้อ่านเสมอมาครับผม ขอบคณ และขอบคุณอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

  3. #3
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ wundee2513
    วันที่สมัคร
    Aug 2006
    ที่อยู่
    ตามภารกิจ
    กระทู้
    1,108
    บล็อก
    11
    ... ชีวิตอ้ายสันต์ เพิ้นสิเป็นจังใด๋น้อ... ฟ้าวเด้อต่อตอนต่อไปแหน่ครับ
    ถ่าอ่านอยู่เด้อครับ...
    เสรีภาพ เสมอภาค ยุติธรรม

  4. #4
    สมาชิกที่ยังไม่ยืนยันอีเมล์
    วันที่สมัคร
    Jan 2009
    ที่อยู่
    บ้านละเอาะ ต.จีกแดก จ.สุรินทร์
    กระทู้
    446
    บล็อก
    1
    โดนใจคักเนาะ......ทำงานเพื่อคนอื่น เขาเช่าชีวิตเราให้ทำงานให้เขา........อิสรภาพในชีวิตกะบ่มี ไปไสมาไสกะต้องไปขออนุญาตเขา..

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •