หลังจากที่นายเข้าสู่กองร้อยแล้ว เราก็นึกภาพออกว่านายจะโดนอะไรไปบ้าง เพราะเราเคยโดนมาก่อนตอนเราเป็นทหารเกณฑ์ ถึงตอนนี้นายจะต้องบ่นคิดถึงเราแน่เลย อิอิ :l- เพราะต่อไปนี้นายจะทำอะไรตามใจตัวเองคงไม่ได้แล้ว....ปี๊ด ตื่น...ปี๊ดให้เวลา 5 นาทีทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ...ปี๊ด... ช้า ๆ ...ม้วนหน้ามา...ทำหน้าเหมือนไม่พอใจ...แถกปลาหมอมา...คลานศอกมา ..กลิ้งมา
อาทิตย์แรกที่ไม่เห็นหน้านายเราคิดถึงนายมาก "มันจะรอดไหมเนี่ย" เราคิดในใจ เราคุยกับแม่นายว่า "กลัวครูฝึกโทรมาหาแล้วบอกให้ไปรับลูกคืน"
ผ่านไปอาทิตย์ที่ 2 กริ๊ง ๆ ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น"หวัดดีครับ ผมเป็นจ่ากองร้อยครับ คุณเป็นบิดาของนักเรียนนายสิบ.....(ชื่อ-สกุล)...ใช่หรือไม่ครับ" เรารวบรวมสมาธิ ในใจก็คิดไปต่าง ๆ นานาว่าเขาจะพูดอะไรต่อไปน้อ...
"เรื่องใบ ร.บ. ที่ผิดพลาดนั้นไม่ทราบว่าดำเนินการไปถึงไหนครับ พอดีผมจะรายงานไปตามสายงาน ผมกลัวว่าจะไม่ทันครับ" อ๋อ ทวงถามเรื่องใบ ร.บ. ที่วันเดือนปีเกิดผิด
"เดี๋ยวพูดกับนักเรียนนายสิบ....(ชื่อ-สกุล) นะครับ" จ่ากองร้อยให้นายพูดกับเรา
"หวัดดีครับพ่อ พ่อสบายดีหรือครับ ใบ ร.บ.ที่ให้ไปแก้วันที่วันเกิดผมเสร็จหรือยัง ส่งมาให้ผมด้วยครับ" เสียงนายพูดไม่ค่อยเต็มเสียงมากนัก
"ลูกสบายดีนะ" เราถามด้วยความห่วงใจ "สบายดีครับ แค่นี้นะครับพ่อ" ตุ๊ด ๆ ๆ เสียงวางสาย....หลังจากที่นายพูดกับเรา เราทราบภายหลังว่านายแอบไปร้องไห้ในห้องน้ำด้วยความคิดถึงเรา...ความรู้สึกนี้เราเข้าใจดี เพราะเราเคยผ่านมาก่อน
นายเขียนจดหมายมาหาเรา 2 ฉบับ ฉบับแรกนายเขียนซะทำให้เราน้ำตาซึมเลย "ผมดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่...ผมจะทำให้ได้...จะไม่ทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจ...ผมให้สัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งพ่อและแม่..." เราอยากจะตอบจดหมายของนายนะ แต่อยากให้นายรู้จักการรอคอย และความผิดหวังที่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านไปเกือบสองเดือน ประมาณบ่ายสามโมงกว่า ๆ วันที่ 27 ธ.ค.53 เราได้ยินเสียงนาย “หวัดดีครับพ่อ พ่อสบายดีหรือ” เบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ 02 แสดงว่านายต้องอยู่ในกรุงเทพฯ แน่ ๆ “อ้าวลูกอยู่ไหนเนี่ย” เราแกล้งฟอร์ม
“อยู่ที่กองร้อยครับพ่อ” น้าน...
“อ้าวเหรอ แล้วกลับเมื่อไหร่ล่ะลูก” เราถาม
“คงหลังปีใหม่ล่ะพ่อ ... เขายังไม่ปล่อย” น้าน...จะเซอร์ไพร้ส์
“โอ้..เหรอ...ทำไมเสียงเจี๊ยวจ้าวอย่างงั้นล่ะลูก” เรารับมุข
“อ๋อ..พอดีเขาพามาทำกิจกรรมข้างนอกครับพ่อ” น้าน...ลื่น ๆ
เราทราบว่านายจะเดินทางกลับในวันที่ 28 ธ.ค.53 แต่ในตอนเช้าวันที่ 27 ธ.ค.53แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของเรา รายงานว่าขณะนี้กลุ่มของนายได้เดินทางออกมาแล้ว และจะถึงหมอชิตไม่เกินบ่าย 3 โมงเย็น เราดีใจที่จะได้พบกับนาย
ประมาณสี่โมงเย็นขณะที่เรากำลังนั่งพิมพ์งาน เพื่อนที่ทำงานบอก “พล มีคนต้องการพบอยู่ข้างนอกห้อง” เราไม่คิดว่าจะเป็นนาย นึกว่าแฟนเพลงจะมาขอลายเซ็นต์ หรือไม่ก็เจ้าหนี้ไปทวงหนี้
“สวัสดีครับพ่อ” นายตะเบ๊ะเราด้วยความแข็งแรง เสียงชิดเท้าแน่น
“โอ้...หวัดดีลูก กลับมาแล้วหรือ” เราสำรวจดูตัวนาย ดูบึกบึนขึ้น และรู้สึกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เรารู้สึกภูมิใจในตัวนาย แต่ไม่แสดงออกมากมายนักกลัวว่านายจะได้ใจ อิอิ ได้แต่ยื่นกุญแจให้ “เอ้านี่กุญแจเปิดบ้าน ไปพักผ่อนนะลูกนะ”
เราปิดเป็นความลับไม่บอกให้แม่ของนายรู้ว่านายกลับก่อนกำหนด 1 วัน จนกระทั่งตอนเย็นหลังจากที่นายไปกินหมูกระทะกับเพื่อน กลับมาเคาะประตู แม่ของนายก็ยังไม่รู้ว่าเป็นนาย
“อ้าย ๆ เสียงใครเคาะประตู” แม่ของนายถามเรา “ไปเปิดให้เขาหน่อย”
ทันทีที่นายเดินเข้าบ้าน “ว้าย...ลูกมาเมื่อไหร่เนี่ย มาให้แม่กอดหน่อยซิ คิดถึง ๆ ๆ”
เราไม่เห็นภาพที่แม่กอดและหอมแก้มนายอย่างนี้มานานแล้ว และสักพักเมื่ออยู่กันพร้อมหน้า พ่อ-แม่-ลูก นายก็ทำให้เราพูดอะไรไม่ออก เมื่อเราเห็นภาพนายก้มหมอบกราบลงที่เท้าของเรา
“พ่อครับ แม่ครับ ผมขอกราบเท้าพ่อกับแม่ครับ”
เราเสียดายและเสียใจมาก ที่คุณตาของนาย ไม่ได้อยู่เห็นภาพความสำเร็จของนายในวันนี้
Bookmarks