เตือนภัยมหันตภัยภาวะโลกร้อน 2 (พายุถล่มที่บราซิล)
คำว่า “ปรากฏการณ์โลกร้อน”
เป็นคำจำเพาะคำหนึ่งของอุบัติการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก โดยที่ "การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ"
มีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในทุกช่วงเวลาของโลก
รวมทั้งเหตุการณ์ปรากฏการณ์โลกเย็นด้วย
โดยทั่วไป คำว่า "ปรากฏการณ์โลกร้อน" จะใช้ในการอ้างถึงสภาวะที่อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และมีความเกี่ยวข้องกระทบต่อมนุษย์
ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC)
ใช้คำว่า “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ” (Climate Change) สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และใช้คำว่า "การผันแปรของภูมิอากาศ" (Climate Variability) สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเหตุอื่น[8] ส่วนคำว่า “ปรากฏการณ์โลกร้อนจากกิจกรรมมนุษย์” (anthropogenic global warming) มีที่ใช้ในบางคราวเพื่อเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเหตุอันเนื่องมาจากมนุษย์
เราจะพบว่า ภาวะโลกร้อน ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกได้เพิ่มขึ้นมากถึง 0.6 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) ปีที่อุณหภูมิโลกขึ้นสูงที่สุด ได้แก่ปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) และ พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997)
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(Intergovernmental Panel on Climate Change - IPCC) ซึ่งก่อตั้งโดย
โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environmental Programme - UNEP)และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organisation - WMO) รายงานว่า ภายในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้ามีแนวโน้มว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ถึง 1.4 - 5.8 องศาเซลเซียส กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ โลกเรากำลังร้อนขึ้นทุกวัน
ภาวะโลกร้อน ผลกระทบและทางแก้
สาเหตุของภาวะโลกร้อน: ปรากฏการณ์เรื่อนกระจก ชั้นบรรยากาศของโลกประกอบไปด้วยก๊าซต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนหลังคากระจกของโลก ป้องกันมิให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังพื้นโลกสะท้อนกลับออกไปได้หมด และทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกค่อนข้างคงที่ หากปราศจากหลังคากระจกธรรมชาตินี้แล้ว พื้นผิวโลกจะเย็นกว่าปรกติถึง 30 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่อบอุ่นพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่และเจริญเติบโตได้
ในศตวรรษที่ผ่านมา มนุษย์หันไปพึ่งการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน
และก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตพลังงาน และในกระบวนการการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล
จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกตัวสำคัญที่สุดออกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมหาศาล
ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นนี้จะสะสมอยู่ที่ชั้นบรรยากาศ
ส่งผลให้หลังคากระจกดังกล่าวหนาขึ้น และเก็บความร้อนในบริเวณพื้นผิวโลกไว้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ที่ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก กล่าวว่า
ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ในบรรยากาศของโลก เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 30 , 145 และ 15 ตามลำดับจากยุคก่อนการขยายตัวของอุตสาหกรรม ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเผาผลาญเชื้อเพลิงสกปรก โดยเฉพาะน้ำมัน และถ่านหิน
หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงดำเนินต่อไปในอัตราที่เป็นอยู่ดังเช่นปัจจุบันนี้ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมในชั้นบรรยากาศจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มีก่อนการปฎิวัติอุตสาหกรรม และมีแนวโน้มว่า
ภายในช่วง 100 ปีข้างหน้า การสะสมของก๊าซเหล่านั้นจะเพิ่มเป็น 3 เท่า
และอุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นอีก 4 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิปัจจุบัน
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบต่างๆที่รุนแรงตามมามากมาย
ตัวอย่างของการเตือนภัย เกิดที่บราซิล
โคลนถล่มที่บราซิล เมื่อต้นเดือน มกราคม 2554
ในหลายพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล
ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมและโคลนถล่มครั้งใหญ่
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 626 คน
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในพื้นที่เชิงเขาใกล้กับนครริโอ เดอ จาเนโร
ทำให้เกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มหลายจุด โดยเฉพาะ ที่เมือง Teresopolis ทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังมีรายงานเกิดแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 130 คน และสูญหายอีกหลายสิบคน ขณะที่ประชาชนกว่าพันคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย
เช่นเดียวกับที่เมือง Nova Friburgo ได้เกิดโคลนถล่มในพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 107 คน
ทั้งนี้ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังไม่คงที่และอาจพุ่งสูงขึ้นอีก เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้เคราะห์ร้ายที่อาจติดอยู่ใต้ดินโคลนที่พังถล่มลงมา นอกจากนี้ยังมีรายงานความเสียหาของระบบโทรศัพท์และไฟฟ้าใช้การไม่ได้ในเมือง 3 แห่ง ขณะที่บ้างพื้นที่ไม่มีน้ำดื่มบริโภค
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโคลนถล่มในรัฐรีโอเดจาเนโร ของบราซิล น้อย 626 คน
ขณะที่บรรดาผู้รอดชีวิตอาจต้องเผชิญพายุฝนซ้ำ ช่วยกันขนอาหาร น้ำ และ ผ้าห่ม ไปให้เพื่อนบ้าน และญาติสนิท ที่ยังติดอยู่ตามหมู่บ้านที่ยากจนและห่างไกล
ขอบคุณ
krobkruakao
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
hilight.kapook.com
ข่าว AP
สกายนิวส์
.............................................................................
Bookmarks