1. จะทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อเอดส์
ทราบได้โดยการตรวจเลือดและน้ำลาย วัดระดับแอนติบอดีต่อเชื้อเอดส์ ซึ่งถ้าการตรวจเบื้องต้นด้วยวิธีอีไลซ่า ( Elisa : Enzyme-Linked-lmmunosorbent Assay) ซึ่งเป็นวิธีการตรวจหาแอนติบอดีในเลือดว่ามีแอนติบอดีที่ทำปฏิกิริยากับเชื้อเอดส์เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีก็จะทำให้น้ำยาที่ใช้ทดสอบเปลี่ยนสีแดงว่าเลือดมีผลเป็นบวก คือมีการติดเชื้อเอดส์ ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบด้วยวิธีเวสเทิร์นบลอท (Western Blot) ซ้ำอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่ามีแอนติบอดีต่อเชื้อเอดส์จริง ถ้ามีผลเป็นบวกอีกก็แสดงว่ามีการติดเชื้อเอดส์ แต่การตรวจอาจให้ผลเป็นลบ(negative หรือไม่พบแอนติบอดี) ในกรณีที่เพิ่งได้รับเชื้อ และร่างกายยังไม่ได้สร้างแอนติบอดี ดังนั้นในการศึกษาวิจัยนักวิทยาศาสตร์จะใช้วิธีการหาโปรตีนชนิดp24 ซึ่งเป็นแอนติเจนของตัวเชื้อเอดส์วิธีนี้จะให้ผลการตรวจที่แม่นยำและตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะติดเชื้อใหม่ๆ
แอนติบอดี : สารโปรตีนที่ร่างกายผลิตขึ้นเพื่อต่อสู้หรือกำจัดเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย
แอนติเจน : เชื้อโรคหรือโมเลกุลแปลกปลอม ที่เข้ามาในร่างกาย
P24 : โปรตีนในส่วนแกนกลางของไวรัส
2. เมื่อใดจึงสงสัยว่าตนเองติดเชื้อเอดส์
เมื่อตนเองมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ เช่น เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงบริการ หรือคนที่สงสัยว่าจะเป็นเอดส์ หรือเคยใช้เข็มฉีดยาไม่สะอาดร่วมกับผู้อื่น หากไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่กล่าวมาแล้ว แต่มีอาการผิดปกติที่สงสัย ก็ไม่ควรสรุปว่าตนเองติดเชื้อเอดส์ โดยไม่ได้รับการตรวจเลือดยืนยันแน่นอนจากแพทย์ก่อน
3. หลังจากไปมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์แล้ว ใช้เวลานานเท่าใด จึงจะตรวจเลือดหาเชื้อเอดส์ได้
โดยทั่วไปเมื่อได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะต้องใช้เวลาหลังจากนั้นประมาณ 6 สัปดาห์-3 เดือน จึงจะเริ่มตรวจพบหรือทราบได้ว่ามีการติดเชื้อเอดส์ ถ้าตรวจเลือดทันทีหลังสัมผัสโรคแล้วได้ผลเป็นลบอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าไม่ติดโรคมาก็ได้ อย่างไรก็ตามถ้าไม่แน่ใจควรตรวจซ้ำใหม่ภายหลัง 3 เดือน
4. ถ้าผลเลือดเป็นบวกต่อเชื้อเอดส์แล้ว มีโอกาสเปลี่ยนเป็นลบได้หรือไม่
ไม่ได้ เพราะว่าคนที่ผลเลือดเป็นบวกหลังจากการตรวจยืนยันเป็นครั้งที่ 2 แล้วก็จะยังคงมีผลบวกเช่นนั้นไปตลอดชีวิต
5. ทำไมจึงไม่ตรวจเลือดทุกๆคนเพื่อจะได้ทราบว่าใครมีเชื้อเอดส์บ้าง
การตรวจเลือดทุกคนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะมีปัญหาหลายด้านทั้งอุปกรณ์ กำลังคน งบประมาณ นอกจากนี้การบังคับตรวจ อาจทำให้คนที่ไม่เต็มใจพยายามหลบซ่อนตัวอีกด้วยซึ่งอาจจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอยู่แล้ว จึงไม่เป็นผลดีต่อใคร อีกประการหนึ่งสำหรับผู้ที่ตรวจเลือดแล้วได้ผลลบ ถ้าเขายังมีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงอยู่อีกเขาก็จะมีเลือดบวกในที่สุด จึงไม่มีประโยชน์ในการตรวจเลือดทุกคน
6. การตรวจเลือด ไม่ได้หยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์แต่อย่างใดใช่หรือไม่
การตรวจเลือดหาเชื้อเอดส์ ควรใช้หลักความสมัครใจ โดยเจ้าหน้าที่คอยให้ความสะดวก มีการติดตามผล ให้คำปรึกษาแนะนำและช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ ให้มีการป้องกันตนเอง และเลิกพฤติกรรมเสี่ยง จะป้องการแพร่ระบาดของเชื้อได้ดีกว่า
7. จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องตรวจเลือดหาเชื้อเอดส์
ไม่จำเป็น นอกจากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ชอบเที่ยวผู้หญิงหรือเป็นหญิงบริการหรือเคยใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น ก่อนการตรวจเลือดควรจะได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อน ถ้าผลการตรวจเลือดเป็นบวกต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดระมัดระวังตนเองไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น แม้จะตรวจเลือดได้ผลลบ ก็ควรเลิกพฤติกรรมเสี่ยงไม่ประพฤติปฏิบัติต่อไป
8. ถ้าต้องการตรวจเลือดแต่ไม่ต้องการให้ใครทราบจะทำอย่างไร
ไปตรวจตามสถานบริการตรวจเลือดที่เรียกว่า คลินิกนิรนาม หมายความว่า การตรวจเลือดซึ่งไม่ต้องบอกชื่อ และที่อยู่จริงเพียงแต่แจ้งรหัสหรือหมายเลขกับคลินิก ขณะนี้ที่สภากาชาดไทยได้เปิดให้บริการแล้ว
ขอบคุณที่มา
โค้ด PHP:
http://www.srp.ac.th/aids48/web/1/aids_07.htm
Bookmarks