ศกุนตลา



[wma]http://www.file2go.com/mrun.php?me=20879s2[/wma]




ศ-กุน ตลา
นางฟ้าแมกฟ้า ฤา ไฉน
เดิน ดิน นางเดียว เปลี่ยวใจ
นางไม้ แมกไม้ มิได้ ปาน
น้ำค้าง ค้าง กลีบกุหลาบอ่อน
คือเนตรบังอรหยาดหวาน
โอษฐ์อิ่มพริ้มรัตน์ ชัช วาล
เพลิงบุญอรุณกาลผ่านทรวง




ศกุนตลา
นางฟ้าแมกฟ้าจากสรวง
คลื่นสมุทรสุดฤทัยไหวปวง
คือทรวงนางสะท้อนถอนใจ
ยอดมณีศรีศิลป์ปิ่นสวรรค์
หล่อหลอมจอมขวัญผ่องใส
คือแก้วแพร้วพร่างกระจ่างใจ
อาบไออมฤตนิจนิรันดร์...





ศกุนตลา




เรื่องศกุนตลา ต้นเรื่องอยู่ในมหาภารตะ คือเป็นเรื่องเกร็ดอันหนึ่งชื่อว่า "ศกุรตโลปาขยาณ" อยู่ในมหาภารตะ เป็นเรื่องราวของกษัตริย์จันทรวงศ์องค์หนึ่ง ที่เป็นชนกแห่งกษัตริย์โกรพและปาณพพ ทำสงครามกันที่ตำบลกุรุเกษตร


ศกุนตลาเป็นบุตรีพระวิศวามิตรมุนี และนางฟ้าเมนกา ที่พระอินทร์ให้ลงมาทำลายพิธีของพระวิศวามิตรมุนี


ต่อมาภายหลัง มีจินตกวีชื่อกาลิทาส เก็บความมานิพนธ์ขึ้นเป็นบทละครที่เรียกว่า "นาฏกะ" คือเป็นคำพากย์และบทเจรจา คล้ายๆ บทโขน แบ่งชุดหรือบริเฉทเป็น 7 ชุด คำที่แต่ง ใช้คำฉันท์ประเภทต่างๆ ตามแต่จะเหมาะแก่ตัวละคร ตัวละครวรรณะสูงพูดสันสกฤต ผู้หญิงพูดปรากฤต (ภาษาสามัญของสันสกฤต) เป็นต้น


ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการแต่งบทละครเรื่องศกุนตลาเป็นภาษาไทย เพื่อให้เหมาะแก่การเล่นละครอย่างไทยได้ และไม่มีการเพิ่มเติมข้อความอันใดลงไปทั้งเนื้อเรื่องและเนื้อความ แต่จะมีที่คลาดเคลื่อนอยู่บ้าง เพราะอาศัยต้นฉบับภาษาอังกฤษของเซอร์วิลเลียม โยนส์และของเซอร์โมเนียร์ วิลเลียมส์





ศกุนตลา




เรื่องย่อ

ศกุนตลา




พระวิศวามิตรเกิดนึกอยากมีฤทธิ์มากๆจึงสละราชสมบัติ ออกบำเพ็ญตบะในป่าจนแก่กล้ายิ่ง ทำให้เหล่าเทวดาพากันเดือดร้อนไปทั่ว พระอินทร์คิดแก้ไข โดยให้นางฟ้าเมนกาลงมาใช้ความงามยั่วยวน เพื่อทำให้พระฤาษีตนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะบำเพ็ญเพียร ทั้งสองจึงครองคู่กัน จนกระทั่งมีธิดามาคนหนึ่ง


พอดีพระวิศวามิตรที่ผ่านพ้นระยะข้าวใหม่ปลามัน เกิดได้คิด จึงบอกนางเมนกากลับสวรรค์ ส่วนพระองค์ก็ออกไปจักรวาล ทิ้งพระธิดาน้อยๆอยู่ในป่าแต่เพียงลำพัง ดีที่ได้พวกนกคอยเลี้ยงดู


เมื่อพระกัณวดาบสมาพบเข้า จึงให้นางนามว่า ศกุนตลา ซึ่งแปลว่านางนกและนำกลับไปเลี้ยงดูอย่างธิดาที่อาศรมของตน ต่อมานางเติบโตเป็นสาวแรกรุ่นที่งดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ ดังคำบรรยายที่ว่า.


ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูดำไปหมดสิ้น สองเนตรงามกว่ามฤคินนางนี้เป็นปิ่นโลกา งามโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งามกรดังลายเลขา งามรูปเลอสรรขวัญฟ้า งามยิ่งบุปผาเบ่งบาน




ศกุนตลา




แล้ววิถีชีวิตของนางได้มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เมื่อได้พบกับท้าวทุษยันต์ กษัตริย์จันทรวงศ์ แห่งนครหัสดิน ซึ่งเสด็จประพาสป่าเพื่อล่าสัตว์ แล้วบังเอิญตามกวางมาถึงบริเวณใกล้เคียง จึงแวะมายังอาศรม หมายพระทัยจะมานมัสการพระกัณวดาบส


แต่ในตอนนั้นพระกัณเวดาบสไม่อยู่ เนื่องจากเดินทางไปบูชาพระเป็นเจ้าที่เทวสถานโสมเตียรถ์ เพื่อสะเดาะเคราะห์


พวกปีศาจมารร้ายได้ถือโอกาสเข้ามาอาละวาดที่อาศรม รังควาญการบำเพ็ญเพียรของเหล่าพราหมณ์ผู้ศิษย์พระกัณเวดาบส ท้าวทุษยันต์เสด็จมาปราบปีศาจได้สำเร็จ


เมื่อท้าวทุษยันต์มีโอกาสอยู่ตามลำพัง ทั้งสองได้รักกัน และเป็นของกันและกัน เมื่อท้าวทุษยันต์จำเป็นต้องเดินทางกลับนครหัสดิน ก็ได้มอบแหวนวงหนึ่งแก่นางแล้วรีบเดินทางกลับบ้านเมือง


เช้าวันหนึ่งพระฤาษีทุรวาสผู้มีปากร้าย ได้มาเรียกนางที่หน้าประตู แต่นางไม่รู้ตัวด้วยกำลังป่วยเป็นไข้ใจ จึงไม่ได้ออกไปต้อนรับ ทำให้พระฤาษีทุรวาสโกรธสาปให้นางถูกคนรักจำไม่ได้


ต่อมาพระฤาษีทุรวาสหายโมโหแล้ว เพราะรู้ว่านางไม่ได้จนใจแสดงอาการไม่เคารพกับตนจึงให้พรกำกับแก่นางว่า หากคนรักของนางได้เห็นของที่ให้ไว้เป็นที่ระลึกก็จะจำนางได้


พระกัณดาบสได้ทราบเรื่องราวต่างๆของนางกับ ท้าวทุษยันต์ จึงส่งนางไปให้ท้าวทุษยันต์จัดพิธีอภิเษก ในระหว่างทางที่ไปนางได้ทำแหวนที่ท้าวทุษยันต์ประทานให้ตกหายไปในแม่น้ำ


เมื่อไปถึงที่หมายท้าวทุษยันต์ทรงจำนางไม่ได้ จนกระทั่งกุมภิลชาวประมงจับได้ปลาที่กลืนแหวนซึ่งนางศกุนตลาทำหาย พอเห็นแหวนท้าวทุษยันต์ก็ได้สติจำเรื่องราวต่างๆได้ จนกระทั่งท้าวทุษยันต์ได้พบกับนางศกุนตลาอีกครั้ง หลังจากพลัดพรากจากกันไปเนิ่นนานด้วยความช่วยเหลือของพระเทพบิดรและพระเทพมารดร


ดังนั้น ท้าวทุษยันต์ทรงรับมเหสีและโอรสกลับสู่นครหัสดินด้วยความปิติยินดี







.............................................................