Toy Story 3 ภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม
Toy Story 3
ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=Bw7ZjO-Nf5Q
จากการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 83 ภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม
Toy Story 3 – แอนิเมชั่นที่ดีที่สุดประจำปี 2010
โดย...ทอม แฮนเซ่น
ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=JcpWXaA2qeg
ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=TNMpa5yBf5o
จากเรื่องที่เข้าชิง
- Toy Story 3
- How to Train Your Dragon
- L'illusionniste
ขอใช้คำว่า “ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ” สุดยอดภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น
ซึ่งเป็นหนังแอนิเมชั่นลำดับที่ 11 ของพิกซาร์เรื่องนี้
ผลงานของพิกซาร์ 10 เรื่องที่ผ่านมา ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับคนดูเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่คราวนี้มันอาจจะพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ อยู่สักหน่อยตรงที่ว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังภาคต่อและเป็นภาคที่ 3 แล้วด้วย แต่มันก็ยังทำให้เรารู้สึกตราตรึงหัวใจได้ไม่แพ้กับหนังสองภาคแรก หนำซ้ำ
ถ้าหากว่า Toy Story 3 เป็น บทสรุป หรือเป็น ภาคจบ แล้วล่ะก็ นี่คงเป็นการปิดตำนานสุดยอดหนังการ์ตูนเรื่องนี้ลงอย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่งของ Toy Story 3 ก็คือ การที่ผู้สร้างสามารถยึดโยงเรื่องราวจากสองภาคแรกนำมาเชื่อมต่อกับเรื่องราวในหนังภาค 3 ได้อย่างลงตัว ถึงแม้จะว่างเว้นจากหนังภาคก่อนไปนานถึง 11 ปีก็ตาม
แน่นอนว่าหนังสองภาคที่ผ่านมา มีของ ให้นำมาเล่นต่อมากมาย แต่ทีมงานพิกซาร์ก็พยายามบ่มเพาะให้สุกงอมเต็มที่ ถึงจะยอมปล่อยของที่เจ๋งที่สุดออกมาสู่สายตาแฟนๆ
ผู้คนดูทั่วโลกก็รู้จัก Toy Story รู้จัก นายอำเภอ วู้ดดี้ รู้จักนักบินอวกาศ บัซ ไลท์เยียร์ และรู้จัก แอนดี้ เด็กหน้าตกกระผู้เป็นเจ้าของของเล่น สุดป่วนทั้งหลาย เป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ถ้าจะทำหนังภาคต่อก็ไม่ใช่เรื่องที่ลำบากอะไร ซึ่งคงไม่ผิดถ้าใครจะคิดแบบนั้น แต่ถึงยังไงก็เถอะ ถ้าเกิดไม่ได้คนที่มีความรัก ความผูกพัน รวมถึงมีความเข้าใจในโปรเจ็กต์นี้อย่างถ่องแท้มาสานเรื่องราวต่อล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่เลอเลิศอย่างที่เราได้เห็นกัน
Toy Story 3 เปิดเรื่องด้วยภาพของ แอนดี้ ที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว และต้องจัดการแพ็คข้าวของในห้องให้เรียบร้อยเพราะกำลังจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย
ปัญหาของ แอนดี้ ก็คือ เขาจะเอายังไงดีกับของเล่นกองใหญ่ที่เป็นเพื่อนกับเขามาตั้งแต่เด็กๆ ความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีเหตุให้เหล่าของเล่นต้องออกผจญภัยอีกครั้ง เพราะดันถูกส่งไปบริจาคให้สถานรับเลี้ยงเด็กอย่างไม่ตั้งใจ
จน วู้ดดี้ (ของเล่นชิ้นเดียวที่ แอนดี้ คิดจะพาไปที่มหาวิทยาลัยด้วย) ต้องพยายามโน้มน้าวให้เพื่อนๆ ของเล่นชิ้นอื่นๆกลับบ้าน พร้อมอธิบายว่า แอนดี้ ไม่ได้คิดจะเอาพวกเขามาทิ้งอย่างที่เข้าใจกัน
งานภาพ พิกซาร์ คือเบอร์หนึ่งทางด้านนี้ และที่เยี่ยมยอดเหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาก็คือ เนื้อหาของหนัง ที่ยังคงทำออกมาได้ซาบซึ้ง ประทับใจ ได้สาระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของการผูกเชื่อมโยงเรื่องอันชาญฉลาด ที่ไม่จำเป็นต้องอารัมภบทอะไรกันมากมาย ก็สามารถทำให้ผู้ชม (ที่ทั้ง เคยดู และ ไม่เคยดู ภาค 1-2 มาก่อน) ได้สัมผัสถึงความผูกพันอันแสนลึกซึ้งระหว่างแอนดี้ และ เหล่าของเล่นของเขา ถึงขนาดที่ว่าเมื่อดูจบแล้วน่าจะทำให้ใครหลายคนหวนอดีตนึกไปถึงของเล่นสุดโปรดสมัยเด็กๆ ของตัวเองเลยทีเดียว
รวมไปถึงเรื่องราวการผจญภัยอันแสนสนุกหรรษา อลวน อลเวง ของเหล่ากองทัพของเล่น นี่ยังไม่นับรวมมุขตลกระดับขำก๊ากที่มีแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ โดยเฉพาะตอนที่ บัซ ไลท์เยียร์ โดนเปลี่ยนโหมดให้กลายเป็นสแปนิช และตอนที่โปเตโต้เฮ้ด ต้องสวมบทฮีโร่ทั้งๆ ที่สังขารไม่เอื้ออำนวย
สิ่งที่ชอบที่สุดใน Toy Story 3 ก็คือ ฉากจบ
ซึ่งสามารถคลี่คลายได้อย่างเหมาะสม ลงตัว และน่าประทับใจ ยอมรับว่า ช่วงท้ายเรื่องยังแอบคิดเลยว่าหนังอาจจะจบตรงที่ ของเล่นทุกชิ้นกลับมาอยู่บ้านอย่างปลอดภัยครบทุกตัว หรือไม่ก็แอนดี้ อาจจะทนคิดถึงของเล่นไม่ไหว เลยตัดสินใจขนไปอยู่ด้วยกันที่มหาลัยฯให้หมดทุกตัวซะเลย
แต่ก็ต้องเซอร์ไพรส์กับฉากจบ ก็คือ แอนดี้ และของเล่นทุกตัว ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ ได้เป็นในสิ่งที่ควรเป็น และได้อยู่ในที่ที่สมควรอยู่ ทางผู้สร้างคงมีความจงใจที่จะให้หนังจบแบบนี้ เพื่อเป็นการปิดตำนาน Toy Story ลงอย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง
เมื่อพิจารณาจากทุกองค์ประกอบแล้ว โปรดอย่าแปลกใจ ถ้า Toy Story 3 สามารถคว้าออสการ์สาขาหนังแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมไปครองชนิดไร้คู่แข่ง แถมดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่มีชื่อติดโผหนังยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ (เหมือนกับที่ Up คุณปู่ซู่ซ่า เคยทำได้เมื่อครั้งที่ผ่านมา)
รวมถึงน่าจะติดอยู่ในลิสต์หนังยอดเยี่ยมประจำปีของนักวิจารณ์จากสำนักต่างๆ ทั่วโลกด้วย
…………………………………………………
Bookmarks