เย็นวันนั้นที่เรือนทิดมากับสาวเปี่ยงมีโอกาสได้ต้อนรับ “สาว
อ่อน” อาคันตุกะจากหนองงัวซอ แม้ในใจจะเศร้าหมอง ที่เห็นอดีตเมียรักของสามีมา
เยี่ยมยามถึงบ้าน เกรงว่าถ่านไฟเก่าจะลุกโชน แต่ภายนอกเปี่ยงทำหน้าที่เจ้าบ้าน
รับรองแขกได้อย่างดี ขันหมากขันพลูหล่อนบรรจงจีบอย่างสวยงามเตรียมรับแขก
ข้าวปลาอาหารจัดเตรียมไว้พร้อมสรรพ ตกเย็น สาวอ่อนพร้อมด้วยน้าสาวเดินขึ้นเรือน
มา “นั่งเซามิแฮงกินน้ำกินท่าก่อน อ้ายทิดไปเฮือนอีพ่อบ่ทันมา” หล่อนเชื้อเชิญด้วยใบ
หน้ายิ้มแย้ม ทิดมาไปเชิญแพทย์ฮงพ่อเฒ่ามาร่วมวงกินข้าวแลงด้วย เขาไม่อยากให้
แพทย์ฮงคิดว่าเขาจะหวนกลับไปหารักเก่า เวลานี้ทั้งชีวิตของเขามีเพียงเปี่ยงเมียรักเท่า
นั้น แม้หล่อนจะยังไม่มีทายาทให้เขา เขาก็ไม่คิดจะมีใครอื่น สาวอ่อนเพียงแต่ปราย
ตามองเปี่ยงเท่านั้นแล้วนั่งลงบนเสื่อที่หล่อนปูไว้ต้อนรับ ยกขันน้ำขึ้นดื่ม
“ว้าย!! น้ำอีหยังคือจางแจ่วแหล่วแนวนี่” หล่อนหันไปถามสาวเปี่ยงเสียงขุ่น “น้ำส่าง
ข่อยไปเฝ้า
ตักแต่เช้าแล้งหลายน้ำออกบ่ทัน” สาวเปี่ยงตอบเสียงเบาตามความเคยชิน “อีหยังยังพา
กันกินน้ำส่างอยู่ อยู่หนองงัวซอมีเฮือนมุงสังกะสีต่งน้ำฝนกินได้กุ้มแล้งแล้ว น้ำใสกิน
แซ่บกั่วน้ำส่าง” ฝ่ายน้าสาวของสาวอ่อนกล่าวด้วยเสียงดูแคลน วันนี้สาวอ่อนนุ่งกาง
แกงขาบานสีเหลืองสดใส เสื้อลายดอกสีส้มสดเข้ารูปสวยงาม ริมฝีปากเคลือบสีแดง
สด ผมยาวสลอยเกล้ายกสูงตามสมัยนิยม ผิวคล้ำหากแต่เกลี้ยงเกลาอย่างคนไม่เคย
กรำงานหนัก “นี่กะอีก ยังเอาขันหมากขันพลูมาให้เคี้ยวอีก บ่ฮู้ติว่าหลวงเพิ่นสั่งบ่ให้
เคี้ยวหมาก” น้าสาวของสาวอ่อนกล่าวเมื่อเห็นขันหมากขันพลูที่ถูกยกมาวาง “หมู่ข่อยบ่
เคี้ยวหมาก แข่วดำหลวงเพิ่นกะสั่งบ่ให้เคี้ยว” สาวอ่อนกล่าวเสริม ฝ่ายสาวเปี่ยงได้ฟัง
สองน้าหลานพูดหล่อนได้แต่ก้มหน้าตอบเสียงเบา “แต่พ่อแต่แม่ แขกไป ไทยมา กะมี
แต่แต่งขันหมากขันพลู พาข้าวพาน้ำท่อนั้น แนวอื่นเฮือนข่อยบ่มี” สาวอ่อนและน้า
สาวรับฟังด้วยสีหน้าดูแคลน “อ้ายมาเป็นนายฮ้อยไปค้าฮอดเมืองไทยเมืองล่าง ส่างบ่
บอกบ่สอนเมียแหน่” สาวอ่อนหันไปพูดกับน้าสาวซึ่งนั่งหน้าเชิดอยู่ สาวเปี่ยงรับฟังด้วย
ความหม่นหมอง ในใจหล่อนคิดว่าหล่อนเป็นคู่ชีวิตที่เหมาะสมกับทิดมาอดีตนายฮ้อยมา
มากน้อยเพียงใดก่อนที่คำพูดเหน็บแนมจากสองน้าหลานจะทำร้ายจิตใจหล่อนไป
มากกว่านี้ทิดมากับแพทย์ฮงก็เดินขึ้นเรือนมาพอดี
“อ้ายมา มาแล้ว” สาวอ่อนกล่าวส่งยิ้มหวานตาเป็นประกาย ทิดมานั่งลงข้าง ๆ
เมียรักโดยมีพ่อเฒ่ามานั่งข้าง ๆ รับไหว้อ่อน แล้วยกมือไหว้น้าสาวของ
หล่อน “แพทย์ฮงพ่อสาวเปี่ยง” สองน้าหลานยกมือไหว้ “อืม...งามสมกับไปอยู่เมืองอยู่
นาเน๊าะ”แพทย์ฮงกล่าวชมสองน้าหลาน แล้วหันไปมองลูกสาวด้วยสายตาห่วงใย สาว
เปี่ยงยังคงนุ่งผ้าซิ่นมัดหมี่ เสื้อผ้าฝ้ายย้อมครามเย็บมือเช่นเดิม หากแต่ผิวพรรณขาว
ละเอียดเปล่งปลั่งกว่า แพทย์ฮงได้แต่อธิฐานในใจของให้ความดีของหล่อน ใจรักของ
ทิดมา นำพาให้ชีวิตคู่ของทั้งสองผ่านบททดสอบครั้งนี้ไปด้วยดี “แนวกินแล้วล่ะบ้อ”
ทิดมาเอ่ยถามเมีย “แล้วล่ะให้ยกมาโลดบ้อ” เปี่ยงตอบ “อย่าฟ้าวเถาะข่อยบ่ทันอยาก
นั่งคุยกันก่อนบ่ได้พ้อกันดน” น้าสาวของสาวอ่อนกล่าวยิ้ม ๆ หากส่งสายตาหวานเชื่อม
มาให้แพทย์ฮง ข้างฝ่ายแพทย์ฮงเมื่อเห็นท่าทีของเจ้าหล่อนแล้ว “ไปยกมาโลดนางกิน
เดิกพ่อสินอนบ่หลับ” แพทย์ฮงกล่าวตัดบด เกรงว่าสาวใหญ่ผู้ไม่ระวังกิริยาผู้นี้จะแสดง
ท่าทีไม่งามกับตนไปมากกว่านี้ สาวเปี่ยงลุกไปยกสำรับกับข้าวพร้อมกระติ๊บข้าวเหนียว
มาวางกลางวงสนทนา ขันน้ำใบใหญ่วางข้าง ๆ “ลืมบอกอ้ายมาว่าซุมข้อยบ่กินข้าว
เหนียวมาดนแล้วลิ้นมันบ่ลึ่งแล้ว แต่บ่เป็นหยังดอกล่ะ บอกไว้เทื่อข่อยมาเทื่อหน้าเมีย
เจ้าสิได้หุงข้าวเจ้าไว้ถ่า” อ่อนกล่าวยิ้ม ๆ ฝ่ายทิดมาได้ยินดังนั้น ก็หน้าตึง
ทันที “เฮือนอ้ายบ่มีข้าวเจ้าดอกบ่ได้ใส่ข้าวเจ้าจักเทื่อ คันอยากกินถือข้าวเจ้ามาเอง
เด้อ” ทิดมาตอบแล้วลงมือล้วงข้าวเหนียวในกระติ๊บ จิ้มน้ำพริกส่งเข้าปาก สาวอ่อนเมื่อ
ได้ยินคำตอบหล่อนหน้าเง้าขึ้นมาทันที อ้ายมามีท่าทีห่างเหินหล่อนอย่างเห็นได้ชัด
หล่อนต้องหาวิธีเข้าใกล้พูดคุยกับอ้ายมาให้ได้ ด้วยฐานะที่เขาสร้างเป็นปึกแผ่น ใน
ขณะที่หล่อนต้องกลับมาหนองไหลเมื่อสามีครูได้เลิกลาไป หล่อนไม่ได้หวังจะมาอยู่ที่
หนองผือกับอ้ายมา แต่เป็นที่ดินในตัวเมืองอุบลฯต่างหากที่เป็นเป้าหมายของหล่อน
หล่อนไม่ชอบงานหนักและบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่หล่อนหอบลูกจากอ้ายมาไปเพราะหล่อน
ไม่คุ้นเคยกับการกรำงานหนัก เมื่อหวนกลับมาหวังว่าทิดมาจะยังเฝ้ารอหล่อน หากแต่
เขาได้แต่งงานสร้างครอบครัวใหม่ไปแล้ว แล้วหล่อนจะมีวิธีใดที่จะได้ไกล้ชิดเขา หาก
สมหวังดังที่หล่อนคิดหล่อนจะชวนเขาไปค้าขายตั้งรกรากในเมือง ไม่ต้องตรากตรำ
ซ่าวไฮ่ซาวนาให้ต้องทุกข์ยาก.....
Bookmarks