ภัยจากโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นระเบิดปล่อยสารกัมมันตรังสี 2
อะไรจะเกิดขึ้นมาบ้าง......
จากข่าวที่ว่า....
เมื่อทิศทางกัมมันตภาพรังสีจากญี่ปุ่นลอยข้ามแปซิฟิกมุ่งสู่สหรัฐฯถึงเช้าวันนี้ 18 มีนาคม 2554
ต่อคำถามที่ว่า.... จะเกิดอะไรกับโลกใบนี้....
จากความประมาทอย่างไม่น่าอภัย ทั้งทีมีสัญญานเตือนภัยว่า....
ประเทศญ๊่ปุ่น มีแนวโน้มที่ ....จะเกิดรอยเลื่อนของแนวหินหนืดใต้พื้นโลกแห่งนี้
และ เมื่อรอยแยกของแนวหินใต้พิภพ ได้เลื่อนเข้าหากัน
แน่นอนว่า จะต้องเกิดสึนามิแน่นอน
ทำไมไม่คิดว่า....
จะป้องกัน โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ จากภัยพิบัติแห่งธรรมชาติ
ที่มีแนวโน้มรุนแรง ถึงรุนแรงมากที่สุด.....
และป้องกันระบบป้องกันความเย็น ของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ดีกว่านี้ ...
ผลที่ตามมาซึ่งการระเหยของสารกัมมันตรังสีที่แน่นอน
แม้จะควบคุมบางส่วนได้ ก็ต้องขยายผลไปทั่ว
สุดแต่สถานการณ์ สภาพการณ์ จะพาไป...
ดีที่ว่า ในช่วงนี้ ไม่มีกระแสลมที่พัดมาบริเวณ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(แต่อย่าเพิ่งหวังผลอะไรนะคะ... เพราะข่าวคือข่าวเสมอ ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรที่แน่ชัดลงไปค่ะ)
และ ขอสดุดี ผู้กล้าหาญ ทั้ง 50 คน ของญี่ปุ่น ที่กล้าอุทิศชีวิต
ในการเข้าไปกู้สถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ของสารกัมมันตรังสี
ขณะนี้ 2 ใน 50 ได้เสียชีวิตไปแล้ว
และ 5 ใน 50 คน เริ่มป่วย จากการได้รับสารกัมมันตรังสีแล้ว
อ่านข่าวนี้....ข่าวจาก เอเอฟพี
ผู้เชี่ยวชาญแห่งไอเออีเอเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2554
สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะของญี่ปุ่นช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ในภาวะเสถียร ….
แต่ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงแสงแห่งความหวัง
ขณะที่ฝ่ายวิศวกรทำงานตลอดทั้งคืนในความพยายามวางสายเคเบิลไปยังเตาปฏิกรณ์เพื่อกู้ระบบหล่อเย็น
สถานการณ์ ณ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะยังคงน่าวิตกอย่างมาก ทว่านับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2554 เมื่อสถานการณ์ก็ไม่ได้เลวร้ายลง"
เกรแฮม แอนดรูว์ ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคของประธานทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศแถลงสรุปรายวันต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย
แอนดรูว์ กล่าวต่อว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ณ เตาปฏิกรณ์หมายเลข 1 , 2 และ3 ของโรงงาน ซึ่งแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดและไฟไหม้หลายครั้งนับตั้งแต่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2554 ปรากฏชัด ว่าอยู่ในภาวะเสถียร…..
ถ้อยแถลงของผู้เชี่ยวชาญแห่งไอเออีเอ มีขึ้นตามหลังการทำงานอย่างกระวนกระวายของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในความพยายามลดอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์ด้วยการฉีดน้ำทะเลเข้าใส่เพื่อป้องกันแกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลายอันเป็นกรณีเลวร้ายที่สุดที่ทุกฝ่ายต้องการหลีกเลี่ยง
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้เขาประเมินถึงความหวังในหายนะทางนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่กรณีเชอร์โนบิลเมื่อปี 1986
ทางแอนดรูว์ ตอบว่า
"ผมคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนั้น มันไม่ได้เลวร้ายลง ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางบวก แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความเป็นไปได้ที่มันจะเลวร้ายลงในอนาคต ดังนั้นผมจึงไม่ขอคาดเดา ผมบอกได้แต่เพียงว่าตอนนี้สถานการณ์มันเสถียรเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวานนี้ หมายถึง วันที่ 16 มีนาคม 2554 "
วิศวกรของญี่ปุ่น เร่งมือทำงานตลอดทั้งคืนสำหรับวางสายเคเบิลระยะทางราว 1 กิโลเมตร ไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อหวังกู้ระบบไฟฟ้าและระบบหล่อเย็นสำหรับสูบน้ำเข้าไปลดอุณหภูมิของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์
แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่และมีความจำเป็นต้องหยุดปฏิบัติการในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2554
เพื่อเปิดทางให้เฮลิคอปเตอร์และรถดับเพลิงกลับเข้าไปฉีดน้ำเลี้ยงเตาปฏิกรณ์ของโรงงานที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวเพียง 240 กิโลเมตร
"งานไม่คืบหน้าเร็วตามที่เราคาดหวังไว้"
นี่คือเทปคำพูดของ โฆษกของเทปโก บริษัทผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กล่าว พร้อมบอกต่อว่าอากาศที่หนาวเย็นยังกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
ด้านสำนักข่าวเอ็นเอชเครายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระดับกัมมันตรังสี ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิม่าไดอิชิลดลงเล็กน้อย หลังการฉีดน้ำด้วยรถฉีดน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมงไปที่เอาคารเตาปฏิกรณ์ที่ 3
บริษัทโตเกียวอิเลคทริคเพาเวอร์ เปิดเผยว่าระดับกัมมันตรังสีที่ประตูด้านตะวันตกของโรงไฟฟ้าได้ลดลงประมาณ 20 หน่วย มาอยู่ที่ 292 ไมโครซีเวิร์ทส ต่อชั่วโมง เมื่อเวลา 20.40 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2554
และเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 17 มีนาคม 2554 ระดับกัมมันตรังสีลดลงต่อเนื่องเหลือ 289 ไมโครซีเวิร์ทส ต่อ ชั่วโมง
ก็เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับโลกขึ้นมาบ้างนะคะ
เมื่อผู้รับผิดชอบ ได้อุทิศเวลากอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายได้ในระดับหนึ่ง
ขอบคุณบทความจาก
เอเอสทีวีผู้จัดการ
INN News
.....................................................
Bookmarks