เมื่อวางแผนเป็นมั่นเป็นเหมาะกับน้าสาวว่าเย็นนี้ต้องไปดักรอ
ทิดมา ที่ต้อนฝูง วัว ควายเข้าบ้าน กับน้าสาวแล้ว สาวอ่อนไม่รอช้า จัดแจงอาบน้ำ
แต่งตัวแต่หัววัน เธอนุ่งกางเกงขาบานสีเขียวสด เสื้อลายดอกสีเหลืองสดใส ต่าง
หูดอกทานตะวันอันโตประดับที่ติ่งหู ยิ้มหวานให้ตัวเองในกระจก เธอเป็นสาวนำสมัย
ที่สุดในหนองผือเวลานี้ อ้ายมาต้องหวั่นไหวไปกับความงามของเธอ เธอรู้ดีว่าภายใต้
ท่าทีเงียบขรึมของอ้ายมาจิตใจเขาอ่อนไหว ขี้สงสาร หากเธอพูดคุยด้วยสีหน้าเศร้า
สร้อย เขาต้องสงสารเธอเป็นแน่ เธอหมายมั่นในใจ “ป่ะ อ่อน แดดอ่อนแล้วทิดมา
คือสิไล่งัวอ่วยมาแล้วล่ะ” น้าสาวมาชวนสาวอ่อน “ข่อยเปลี่ยนใจแล้วน้าสาว ข่อยไปผู้
เดียวดอกเจ้าถ่าอยู่นี่ล่ะ” สาวอ่อนหันมาบอกน้าสาวแล้วลงเรือนไป ปล่อยให้น้าสาวมอง
ตามด้วยสีหน้าฉงน เธอเริ่มเป็นห่วงหลานสาว พักนี้ชาวบ้านเริ่มส่าเริ่มลือกันหนาหูแล้ว
ว่าที่เธอกับหลานสาวอยู่หนองผือนานเกือบเดือนนี้มีจุดประสงค์อย่างไร แม้ข่าวลือนั้นมัน
จะมีมูลความจริงอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่อยากได้ยินหากสาวอ่อนทำไม่สำเร็จชาวบ้านมิต้อง
นินทากันข้ามปีหรืออย่างไร เมื่อกลับไปหนองไหล ฝ่ายพ่อแม่ทิดมาจะคิดอย่างไร
หากรู้ว่าอดีตลูกสะใภ้คิดจะมาขอแบ่งมูนแบ่งมังกับลูกชาย เขามิชังน้ำหน้าไปมากกว่า
เดิมหรืออย่างไร เพียงหลานสาวตนหอบลูกหนีจากลูกชายเขาไปเขาก็ไม่คิดที่จะนับถือ
กันเหมือนเก่าเหมือนก่อน น้าสาวครุ่นคิด
สาวเปี่ยงกลับจากทอผ้าที่เรือนใหญ่เตรียมนึ่งข้าวทำอาหารเย็น เห็นสาวอ่อนนั่งแคร่
ใต้ถุนเรือน แล้วนึกสงสัยเธอมามีเหตุธุระหรืออย่างไร “ข่อยมาหาอ้ายมามีแนวเว้านำ
เลา” สาวอ่อนบอกความตั้งใจ “อ้ายทิดบ่ทันมา สินั่งถ่าอยู่นี่หรือขึ้นเทิงเฮือน” แม้จะ
สงสัย ตะงิดในจิตใจแต่สาวเปี่ยงยังคงทำหน้าที่เจ้าของบ้านที่ดี เชื้อเชิญให้แขกขึ้นบน
เรือน “ข่อยนั่งถ่าอยู่ตะล่างนี่กะได้ เจ้ามีหยังเฮ็ดกะเฮ็ดโลดบ่ต้องยากนำข่อยดอก” สาว
อ่อนพูดตัดบท สาวเปี่ยงจึงเดินขึ้นเรือนไป กลับมาพร้อมขันน้ำใบโต สาวอ่อนมอง
ด้วยสายตาดูแคลน “น้ำส่าง” สาวอ่อนพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลนไม่ยอมยกขันน้ำขึ้น
ดื่ม “น้ำเฮือนพ่อจารย์ดนกะน้ำส่างมื่อเช้าข่อยไปตักพ้อกันกับลูกสาวเลา” สาวเปี่ยงตอบ
แล้วเดินขึ้นเรือนไปปล่อยให้สาวอ่อนมองตามตาขวาง เห็นหน้าตาสงบเสงี่ยมไม่พูด
บทจะพูดก็แสบคันได้เช่นกัน สาวอ่อนค่อนขอดในใจ
สักพักเสียงกระดิ่งวัวควายของทิดมาไกล้เข้ามาสาวอ่อนผุดลุกขึ้นยืนทันที ยิ้มหวาน
ทิดมาเมื่อเห็นอดีตเมียก็มีสีหน้าฉงนเธอมาเรือนเขามีเหตุธุระหรืออย่างไร แต่ยังไม่เอ่ย
ปากถาม ไล่วัวควายเข้าคอก ผูกวัวควาย หอบฟางใส่รางหญ้าให้วัวควายกิน
ตอนกลางคืน ก่อกองไฟไล่ยุงริ้นอย่างใจเย็น สาวอ่อนทนรอไม่ไหวจึงเดินมาหาทิดมา
ถึงคอกวัว เรือนทิดมาเป็นหนึ่งในไม่กี่หลังในหนองผือที่ สร้างคอกวัว ควายแยกออก
มาจากใต้ถุนเรือน ข้างคอกวัวควาย ปลูกหมาก พลู เป็นดง “อ้ายมา”สาวอ่อน
เรียกเสียงหวาน ทิดมายังคงหักฟืนก่อกองไฟไม่ขานรับ “อ้ายมา...”สาวอ่อนเรียกเสียง
ดัง ทิดมาหันมามองส่งสายตาบอกให้เธอพูดต่อไป สาวอ่อนยิ้มหวาน มานั่งลงข้าง
ๆ ฉวยด้นฟืนแล้วหักวางลงกองไฟช่วยทิดมา “มาหยัง” ทิดมาถามออกมาคำแรก สาว
อ่อนหน้าเศร้าทันที “ข่อยจักสิหันหน้าไปหาไผ๋ เลยตัดสินใจมาหาเจ้า ใทบ้านสิว่าจั่ง
ได๋ข่อยกะบ่งึด ข่อยบ่ยังไผ๋” สาวอ่อนพูดน้ำตาคลอ สาวเปี่ยงที่กำลังจะเอาข้าวใส่หวด
เตรียมนึ่งอยู่นอกชานมองลงมาเห็นสาวอ่อนกับสามีนั่งคุยกันข้างกองไฟ เจ็บปวดขึ้นมา
ในหัวใจทันที “ซ่างพากันผิงไฟยามเดือนห้า” เธอบ่นเบา ๆ อยากรู้นักหนาว่าสาวอ่อน
กับทิดมาพูดคุยกันด้วยเรื่องใด ครั้นจะลงมาหาก็กลัวว่าสามีจะไม่พอใจ จึงได้แต่
เตรียมอาหารเย็นอย่างเศร้าหมอง
“อ้ายกะอยากถามเจ้าคือกัน เป็นหยังจั่งหอบลูกหนีจากอ้าย” คำถามที่ทิดมาอยากถาม
สาวอ่อนมานานปี เวลานี้เขาได้ถามเธอแล้ว สาวอ่อนได้ฟังแล้วน้ำตาหล่อนหยดอาบ
แก้ม เธอไม่สนใจเช็ดมันยังคงปล่อยให้ไหลริน “ข่อยถืกอีพ่อบังคับ เลาว่าข่อยทุกข์
ข่อยยากอยู่ห่างบ้านเพิ่นคึดนำ” ทิดมาหน้าตึงทันที “แนวบ่ดีทิ่มให้หมู่เน๊าะอ่อน บ่เว้น
ฮอดพ่อเจ้าของบ่ย้านเพิ่นฮ้อนดูกฮ้อนเดี้ยวติ” ทิดมาตำหนิทั้งสีหน้าแววตา ไม่คิดว่าสาว
อ่อนจะใส่ร้ายได้แม้กระทั่งคนตาย สาวอ่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข่อยคึดแล้ว ว่าอ้าย
มาสิบ่เชื่อข่อย” ทิดมาไม่พูดลุกขึ้นยืน สาวอ่อนรีบลุกตามทันที
“เจ้าบ่อิโตนข่อยแหน่บ้ออ้ายมา เฮาเคยทุกข์ยากนำกันเจ้าจื่อบ่ได้บ้อ” สาวอ่อน
อ้อนวอนเสียงเศร้าสร้อย น้ำตาไหลพราก ทิดมามองด้วยสายตาห่างเหินเย็นชา “สิ
ให้อ้ายเฮ็ดจั่งได๋ อ้ายมีเมียแล้วเจ้ากะเห็น” ทิดมาตอบเสียงระอา “แล้วกำลังสิมีลูกนำ”
เสียงสาวเปี่ยงพูดเสียงดัง ทั้งสองหันมามองสาวเปี่ยงเป็นตาเดียว ทิดมามีสีหน้าฉงน
คล้ายกับดีใจในขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อ สาวอ่อนคล้ายกับจะสะอื้นค้างไปทันที ทิดมา
เดินมาใกล้เมียรัก ก้มหน้าถามเสียงเบา “เจ้าว่าหยังหว่างหั่น” ทิดมายังคงสงสัย สาว
เปี่ยงเงยหน้า ตอบเสียงดังกว่าปกติ “ข่อยว่าข่อยถือพา ได้เกือบสามเดือนแล้ว อีพ่อ
บอกข่อย” ทิดมายิ้มเต็มหน้าทั้งปาก นัยน์ตา แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง หากไม่มีคน
อื่นเขาต้องโผเข้ากอดเธอเป็นแน่ แต่ทิดมาเพียงแต่คิดเท่านั้น ฝ่ายสาวอ่อนน้ำตาหล่อน
แห้งไปแล้ว เหลือแค่สายตาเคียดแค้น เธอมาที่หนองผือด้วยได้ยินคนที่หนองไหลส่า
ลือ ว่าทิดมาอยู่กินกับสาวเปี่ยงมานานปีไม่มีทายาท เธอมั่นใจว่าสาวเปี่ยงต้องเป็น
หมัน หากทั้งคู่ไม่มีทายาทด้วยกัน ไม่นานทิดมาคงอยากหาเมียใหม่ หากแต่พอเธอ
เดินทางมาถึงหนองผือ สาวเปี่ยงกลับตั้งครรภ์ “อยู่กันมาหลายปีหากะสิถือพา แม่นลูก
อ้ายมาอีหลีบ่บุ” สาวอ่อนพูดด้วยความเคียดแค้น ทิดมาได้ยินสาวอ่อนพูดก็รู้สึกโกรธขึ้น
มาทันที “คันสิเว้าแนวนี่ หนีเด้อคันสิหนี” ทิดมาพูดด้วยความโกรธสีหน้าเคร่งเครียด
ครั้งแรกที่สาวเปี่ยงเห็นสามีโกรธ สาวอ่อนยังไม่รู้สึกตัว “เจ้าบ่คึดติอ้ายมา เจ้าอยู่กัน
มาหลายปี เมียเจ้าหากะสิถือพา ยามกางเว็นเจ้าไปเลี้ยงงัวอยู่ท่ง เมียเจ้าอยู่บ้านเจ้าบ่
ได้เฝ้าไว้เบิดมื่อเบิดเว็น” เหมือนสาวอ่อนเทน้ำมันราดบนกองเพลิง ทิดมาถลาบีบแขน
สาวอ่อนแน่นกัดฟันพูดเสียงเข้ม “เซาเว้าแนวนี่ เปี่ยงบ่แม่นคนแนวนั้น หรือเจ้าเคย
เฮ็ดแนวนั้นแล้วคึดว่าผู้อื่นสิเป็นนำ แม่นบ่”ทิดมาตะคอกถามเสียงดัง เริ่มสงสัยว่าที่เธอ
หอบลูกหนีเขาไปนั้น จะด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ สาวอ่อนหน้าซีด ตัวสั่น มองทิดมาด้วย
สายตาหวาดกลัว ฝ่ายทิดมาพอรู้สึกตัวรีบปล่อยแขนสาวอ่อน ผละหนีคล้ายจับต้องของ
ร้อนก็ไม่ปาน “นับแต่มื่อนี้ อย่ามาเฮือนอ้ายอีก อย่าเอาความคิดความเว้าแนวนี้มาคิด
มาเว้าอยู่เฮือนอ้าย คันบ่อิโตนเฒ่าพ่อเจ้า อ้ายสิเว้าหลายกว่านี้” ทิดมาพูดเสียงดัง สาว
อ่อนหน้าซีดรู้สึกเหมือนแข้งขาจะรับน้ำหนักตัวเองไม่ไหวขึ้นมาทันที “ป่ะ ขึ้นเทิง
เฮือน” ทิดมาหันไปชวนสาวเปี่ยงเมียรักเดินขึ้นเรือนไป ปล่อยให้สาวอ่อนยืนอยู่เพียง
เดียวดาย อย่างหมดสิ้นความหวัง เธอค่อย ๆ พยุงตัวเดินกลับเรือนจารย์ดนอย่าง
เลื่อยลอย
“อ้ายทิด เจ้าคือเว้านำเพิ่นแฮงแท้” สาวเปี่ยงเอ่ยถามสามี “บ่แฮงดอกบ่ได้ยินมันเว้าซ่ำ
บ้อ ซ่างเป็น” ทิดมายังคงโกรธกรุ่นอยู่ หากพอนึกบางอย่างได้สีหน้าก็เปลี่ยนไป “เจ้า
ว่าเจ้าถือพาแม่นอีหลีบ้อ” ทิดมาถามเบา ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สาวเปี่ยงก้มหน้า
สะเทิ้นอาย ก่อนจะพยักหน้าตอบ “อีพ่อว่าข่อยถือพา เลาสิไปโคกหายาบำรุงมาให้
ข่อยต้ม” สาวเปี่ยงตอบเบา ๆ ทิดมายิ้มเต็มหน้าไม่หุบ “มื่อนี้อ้ายสินึ่งข้าวเฮ็ดแนวกิน
เอง เจ้านั่งถ่ากินเด้อ” ทิดมาพูดพรางกระวีกระวาดเข้าครัวจัดเตรียมอาหารเย็นแทนเมีย
รัก สาวเปี่ยงมองตามสามีที่เดินยิ้มเข้าครัว ด้วยสายตาเปี่ยมรัก ยกมือขึ้นลูบท้องตัว
เองเบา ๆ
น้องเขมฯว่าจะให้จบในตอนนี้..กะยังบ่จบอีกค่ะ บ่ได้ยืดออกคือละครโทรทัศน์เด้อค่ะ แต่มันบ่ทันจบอีหลี ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามเด้อค่ะ อย่าฟ้าวป๋า
ฟ้าวทิ่มกันเด้อค่ะ...
ปล. อยากเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องลำกลอนของหมอลำหมู่เด้ล่ะค่ะ...:l-
Bookmarks