ใกล้วันปีใหม่ อากาศทวีความหนาวเย็น กริ๊ง ๆ
เสียงกระดิ่งจักรยานบุรุษไปรษณีย์ดังจากรั้วหน้าบ้านสีดารีบวิ่งมารับ
เป็นจดหมายจากน้าชายของเธอ ส่งมาหาพ่อ “อีพ่อ ๆ จดหมายน้าหมี” สีดาเรียกพ่อ
อย่างตื่นเต้น แม่มีสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด “ฟ้าวอ่านแหน่พ่อมึง บักหมีมันเขียนมาว่า
จั่งได๋แหน่” น้าหมีเป็นนายตำรวจที่ไปประจำการอยู่ต่างจังหวัด บ้านพ่อใหญ่ไม่มีใคร
อ่านหนังสือออก น้าชายจึงเขียนจดหมายมาหาพ่อของเธอ พ่อรับจดหมายมาเปิดอ่าน
คร่าว ๆ “น้าบ่าวสิมายามบ้านปีใหม่” พ่อบอกกับแม่และสีดา แม่ของสีดาตื่นเต้นดีใจ
เป็นที่สุด หลายปีแล้วที่น้าหมีไม่ได้มายามบ้าน แม่ใหญ่คงดีใจมากหากได้ยินข่าว
นี้ “ข่อยสิไปบอกแม่ใหญ่” สีดาบอกแม่ด้วยความตื่นเต้นแล้ววิ่งลงเรือนไป “แม่ใหญ่
แม่ใหญ่” สีดาเรียกหาแม่ใหญ่ของเธอเสียงดัง “แม่นหยัง” แม่ใหญ่ของสีดากำลังย้อม
ผ้าฝ้ายกับหม้อน้ำครามสีดำอยู่ใต้ถุนเรือน มือของยายเป็นสีดำเพราะสีของคราม “น้า
หมีสิมายามบ้านปีใหม่” สีดาบอกกับแม่ใหญ่ “แม่นอีหลีบ้อนาง มึงคือจัก” แม่ใหญ่ถาม
สีดา “น้าหมีส่งจดหมายมาหาอีพ่อ” สีตอบ
“อีกบ่ดน มันบอกบ่ว่าอยากกินหยังแหน่สิได้ให้เขาหาไว้ให้”
แม่ใหญ่ถามถึงรายละเอียดในจดหมาย
“แฮ่ ๆ ข่อยบ่ทันได้ฟังคักแล่นมาก่อน” สีดาตอบเอียงอาย
“เอ๋า..เมือถามพ่อมึงคัก ๆ” แม่ใหญ่เอ็ดสีดาที่ไม่ยอมฟังรายละเอียดมาให้ครบถ้วนจน
เธอต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างเรือนของตัวเอง กับเรือนของแม่ใหญ่หลายรอบ
ตั้งแต่วันได้รับจดหมาย ทั้งเรือนแม่ใหญ่ เรือนของเธอต่างตั้งตารอคอยให้ถึงวันปีใหม่
เร็ว ๆ นายตำรวจหนุ่มที่สะพายกระเป๋าใบใหญ่ กระโดดลงจากเกวียนพ่อค้าที่มาค้า
ขายและจะแวะพักในวัดคืนนี้
“ขอบใจหลาย ๆ เด้อพ่อลุง” เขากล่าวขอบคุณ ออกเดินดุ่ม ๆ ตรงกลับเรือนตน
เอง เขาเดินมาตามทางเกวียนเล็ก ๆ จากวัดเข้าหมู่บ้าน สายลมหน้าหนาวพัดมาวูบ
หนึ่ง เขากระชับเสื้อหนังเข้าแนบกาย “อยู่บ้านหนาวปานนี้บ้อนี่” เขาพึมพำคนเดียว
ทิวไผ่ข้างทางเอนไหวทางแรงลม เขามองทิวไผ่ทุ่งนาเพลินจนลืมมองทาง
“กรี๊ด...หลบค่ะหลบหน่อย” เสียงผู้หญิงดังจากด้านหลังเขาหันมามองรถจักรยานที่วิ่ง
ลงเนินมาด้วยความเร็วห่างจากเขาเพียงสองวา เขาอาศัยความว่องไวที่ฝึกมาจากวิชา
ตำรวจหลบได้ทันควันแต่จักรยานเคราะห์ร้ายคันนั้นไม่หยุดถลาไปชนกอไผ่อย่างจังจน
ล้มไม่เป็นท่า สาวแน่งน้อยผิวขาวละเอียดนุ่งกางเกงขาบานสีเหลืองสดใส เสื้อแขนยาว
ลายดอกตัวงาม ผมยาวสลวยถูกรวบไว้ด้วยผ้าลายดอกเล็ก ๆ สีสดใส สีหน้าบิด
เบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด นายตำรวจหนุ่มนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ “เจ็บบ่หล่า” เขา
ถามด้วยความหวังดี
“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ แต่จักรยานฉันเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้” เธอก้มหน้าตอบ
ด้วยภาษากลางชัดเจน นายตำรวจหนุ่มแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาจากบ้านไปเกือบ
สิบปีตั้งแต่เป็นนักเรียนตำรวจ หมู่บ้านของเขามีคนย้ายจากต่างถิ่นมาอยู่ใหม่มากมายถึง
เพียงนี้เชียวหรือ แม้แต่คนจากเมืองไทยเมืองล่างก็ถึงกับหอบลูกหลานย้ายมาอยู่หรือ
อย่างไร เขาคิดในใจ แล้วยิ้มขำ อีหล่าน้อยตรงหน้าที่ห่วงจักรยานมากกว่าตน
เอง “ยังจะห่วงจักรยาน” เขาสัพยอกด้วยภาษากลางเช่นกันอย่างเอ็นดู “ก็ฉันยืมเขามา
หัดปั่น ถ้าเกิดพังขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะค่ะ” เธอเงยหน้าสบตาเขาครั้งแรก เพียงสบตา
นายตำรวจหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนทุบลงกลางกระหม่อม สาวน้อยหน้าตาหมดจดจิ้มลิ้ม
ผิวหน้าเกลี้ยงเกลาละเอียดลออ แก้มแดงปลั่งเพราะลมหนาว นายตำรวจหนุ่มจ้องไม่
วางตา แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ไม่ควรจ้องหน้าสุภาพสตรีอย่างเสียมารยาทจึงเสมองดูสภาพ
จักรยานที่ล้มอยู่ข้าง ๆ เธอ “คงไม่เป็นไรหรอกหนู แล้วบ้านหนูอยู่ไหนกลับเองได้
ไหม” เขาถามด้วยความหวังดีแต่สาวน้อยตรงหน้า หน้าตึงด้วยความโกรธ “ฉันไม่ใช่
หนู ฉันอายุ 25 แล้ว” เธอตอบเสียงสะพัด ผู้ชายร่างสูงหน้าตาคมคายไม่เหมือนคน
อีสานทั่วไปในหมู่บ้านที่เธอเห็นจนชินตาชายผู้นี้เป็นใคร ดูลักษณะการแต่งเนื้อแต่ง
ตัว เหมือนคนเดินทางผ่านมา เธอรู้จักเกือบทุกคนในหมู่บ้าน เพราะวันหยุดเธอจะออก
เยี่ยมบ้านทำความรู้จักกับผู้ปกครองเด็กของเธอทุกคน หรือเขาจะเป็นคนร้าย คิดเพียง
เท่านี้เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที มองหาผู้คนที่น่าจะผ่านมาแถวนี้ ไม่เห็นมี ความ
หวาดกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจ นายตำรวจหนุ่ม มองเห็นแววตาหวาดระแวงเปลี่ยนเป็น
หวาดกลัว เขายิ้มอย่างเอ็นดู “ขออภัยครับ ผมคงคาดคะเนอายุคุณผิดไปหลายปี”
นายตำรวจกล่าวขอโทษอย่างสุภาพ แล้วเดินไปจับจักรยานเธอตั้งขึ้น พิจารณาความ
เสียหาย “ผมว่าคุณคงปั่นมันกลับไม่ได้แล้วล่ะครับ เพราะโซ่มันขาดไปแล้ว” เขาหัน
มาบอก เธอพยุงตัวลุงขึ้นปัดเศษทรายเศษใบไม้ที่ติดตามกางเกงออก “ตายจริง ฉันยืม
จักรยานคันใหม่ของพ่อหนูสีดามาด้วยสิ” เธอพึมพำเสียงเบาคล้ายกับบ่นกับตัวเองเสีย
มากกว่า “คุณว่าคุณยืมของใครมาเหรอครับ” นายตำรวจฟังไม่ถนัด “คุณไม่รู้จัก
หรอก ขอบคุณนะคะที่ยกขึ้นมาให้” เธอรับจักรยานมาแล้วจูงเดินกระเผกจากไป ทิ้ง
ให้นายตำรวจหนุ่มมองตามด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ เธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วพ่อ
หนูสีดาที่เธอพูดถึงจะเป็นพี่เขย กับหลานสาวเขาหรือไม่นะ เขาครุ่นคิดตัดสินใจเดิน
ลัดเลาะไปตามป่าละเมาะตรงไปเรือนพี่สาวก่อนไปเรือนแม่ของเขา
“ลุงสมร ลุงสมรคะ” ครูสมพรร้องเรียกพ่อของสีดาอยู่รั้วหน้าบ้าน “คับคู แม่นหยัง
คับ ฮ่วย!! คือเป็นแนวนั่นคับ” พ่อของสีดาประหลาดใจเมื่อเห็นสภาพครูสาวกับจักรยาน
คันใหม่ของเขา “เอ่อ..คือหนูไปหัดปั่นจักรยานตรงทางจากวัด ลงเนินหนูคุมไม่อยู่
เกือบจะชนคนเข้า เขาหลบทัน แต่หนูชนก่อไผ่ล้มไม่เป็นท่าเลย โซ่ขาดด้วยค่ะ” ครู
สมพรกล่าวด้วยสีหน้าเจื่อน พ่อสีดาหัวเราะ “บ่เป็นหยังดอกคับคู มื่ออื่นผู้ใหญ่บ้านสิ
เข้าอำเภอผมฝากเพิ่นซื้อมาเปลี่ยนกะได้คับ” พ่อของสีดาบอกด้วยความใจดี “หนูจะรับ
ผิดชอบเองค่ะ หนูจะเอาเงินไปฝากผู้ใหญ่เองนะคะ” ครูสมพรรีบพูด พ่อสีดายิ้ม “แล้ว
แต่คูคับ แล้วคูเจ็บใสบ่ล่ะคับ” พ่อสีดาถามอาการเจ็บ “เจ็บตรงน่องนิดหน่อยค่ะจักรยาน
ล้มทับ” ครูสมพรถลกขากางเกงขาบานของเธอ เห็นเป็นจ้ำสีเขียวตรงน่องขาวผ่อง
“สีดา ๆ อยู่ใสลูก ไปตัดว่านซนมาข่มให้คูเพิ่นแหน่ไว” พ่อสีดาเรียกสีดาให้ไปตัดใบ
พลับพลึงมาลนไปแล้วนาบตรงรอยฟกช้ำให้ครูสาว สีดาวิ่งออกมาจากสวนหลังบ้าน
พร้อมกับบังอรเพื่อนรัก “คูเป็นหยังค่ะ” บังอรเอ่ยถามครูสาวของเธอ “คูเพิ่นพาจักรยาน
ล้ม พากันไปตัดใบว่านซนมาไว ๆ เข้า” ก่อนที่สีดากับบังอรจะเข้าไปในสวน เธอก็
เหลือบเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา “อีพ่อ น้าหมีมาแล้ว น้าหมีมาเจ้าเห็นบ่” สีดาร้องด้วย
ความดีใจที่เห็นน้าชายเธอเดินเข้ามา ครูสาวหันไปตามเสียงของสีดา ตาคนนั้น เธอ
อุทานในใจ “หวัดดีพี่อ้าย” นายตำรวจหนุ่มยกมือไหว้พี่เขย “หวัดดีน้าบ่าวไปจั่งได๋มา
จั่งได๋บาดนี่ ไปเฮือนใหญ่มาล่ะบ้อ” นายสมรถามน้องชายภรรยา “ยัง.. ได้ยินว่ามีคน
ยืมจักรยานเจ้าไปหัดขี่แล้วล้มข่อยเลยนำมาเบิ่ง” นายตำรวจหนุ่มพูดยิ้ม ๆ มองหน้าครู
สาว เธอก้มหน้าไม่ตอบ “สีดา หวัดดีน้าหมีแหม่ลูก” พ่อหันมาบอกสีดากับบังอร ทั้ง
สองยกมือไหว้น้าหมี “เอ้อ..นี่ครูสมพร ครูประจำชั้นอีสีดา หากะย้ายมาแต่บางกอก
คูคับนี่น้าบ่าวหมี น้องแม่อีสีดา ไปเป็นตำรวจอยู่เมืองเก่าหลายปีแล้ว เลามายามบ้าน”
พ่อสีดาแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน ครูสมพรยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ คุณหมี” เธอกล่าว
ทักทายแต่ไม่ยิ้มแม้แต่น้อย “สวัสดีครับครูสมพร” น้าหมีรับไหว้ ยิ้มเต็มหน้า “ขึ้นเทิง
เฮือนคับคู น้าบ่าวนำ” พ่อสีดาเชื้อเชิญให้ทั้งสองขึ้นเรือน “เอ๋า!! เด็กน้อยสองคนนี่พ่อ
ว่าให้ไปเอาว่านซนมาข่มให้คู คือบ่ไปจักเทื่อ” พ่อหันมาเอ็ดสีดากับบังอร แล้วพาทั้ง
สองเดินขึ้นเรือนไป “สีดาน้าหมีมึงมีเมียล่ะบ้อ” บังอรหันมาถามสีดา “ยัง มึงถามเฮ็ด
หยัง” สีดาสงสัย “มึงว่าน้ามึงสิมักคูสมพรบ่” บังอรถามสีดายิ้ม ๆ สีดาไม่ตอบ
“ฟ้าวไปตัดใบว่านซน พ่อกูสิด่าล่ะมึงนี่” สีดาเอ็ดบังอรยิ้ม ๆ แล้วพากันหัวเราะเดิน
เข้าสวนสมุนไพรของพ่อเธอไป.............
Bookmarks