ผมนับว่าโชคดีที่พ่อแม่ผมยังมีชีวิตอยู่ทั้งสองท่าน พ่อยังสุขภาพดี แต่แม่สุขภาพเมื่อสองสามปีที่ผ่านมาค่อนข้างแย่ 3 วันดี 4 วันไข้ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ส่วนพ่อตั้งแต่ผมจำความได้จนถึงปัจจุบัน ผมไม่เคยเห็นพ่อป่วยถึงขนาดต้องนอนโรงพยาบาลเลย
ภาพที่ผมเคยเห็นในอดีต แม่จะเป็นคนขยันมาก ๆ และไม่เคยปล่อยเวลาว่างให้ไร้ประโยชน์ หน้าฤดูกาลทำนา แม่จะขยันขันแข็ง ถอนกล้า ดำนาได้รวดเร็วหาตัวจับยาก เสร็จจากหน้านา แม่ก็ปลูกพืชผักสวนครัว เอาไว้ดองขายให้เพื่อนบ้าน ทำปลาร้าใส่โอ่งมังกรเอาไว้แลกข้าว คนในละแวกใกล้เคียงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักแม่ของผม
ส่วนพ่อรัศมีการหากินไกล พ่อเป็นนายฮ้อยค้าควาย ลักษณะเด่นของพ่อคือเดิน ๆ ๆ และก็เดิน ท่านไม่ชอบขึ้นรถ รองเท้าที่ทำด้วยล้อรถยนต์ ตรงส้นเท้าทะลุเป็นรู ไปถอดไว้ที่ไหนผมก็จำได้ ต้องเป็นรองเท้าของพ่อแน่ ๆ
ถ้าเปรียบเสมือนการวิ่งเข้าเส้นชัย ทั้งสองท่านถือว่าเข้าทางตรงแล้ว สิ่งที่ท่านได้สร้างไว้คือให้การศึกษากับลูก ๆ ทุกคน อานิสงส์นี้ถ่ายทอดไปถึงหลาน ๆ ซึ่งส่วนใหญ่รับราชการเกือบจะทุกคน เพราะท่านบอกว่าไม่อยากให้ลูกต้องลำบากเหมือนกับตัวท่าน
เมื่อผมกลับไปเยี่ยมบ้าน ท่านจะหาอาหารที่ผมชอบมาให้ผมรับประทาน และจะนั่งดูผมจนผมอิ่ม หาเสื้อผ้ามาให้ผมผลัดเปลี่ยน และให้พี่สาวจัดการปูที่หลับที่นอนให้เรียบร้อย
ขากลับแม่ก็จะหาข่า หาตะไคร้ ใบมะกรูด พริก เขือ เกลือ ปลาร้า ห่อข้าวห่อน้ำให้เรียบร้อยจะได้ไม่ต้องซื้อเขากิน ผมก็ไม่กล้าเอาออกมากินระหว่างทางเพราะอาย ต้องซื้อกินระหว่างทางอยู่ดี พอถึงบ้านพัก จึงจะเอาออกมากิน
ผมว่าพวกเราที่พ่อแม่ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา นับว่าโชคดีมาก ๆ ฉะนั้นก็ควรจะหาโอกาสในช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่แสดงมุทิตาจิตต่อท่านบ้าง เช่นฉลองงานวันเกิดให้ท่าน พาท่านไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ หรือหาอาหารที่ท่านชอบให้ท่านรับประทาน ฯลฯ
แต่หากไม่มีเวลาก็โทรถามข่าวคราวสารทุกข์สุกดิบ หรือประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นลูกที่ดี คือทำให้พ่อแม่สบายใจ ไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่ท่าน ก็ถือว่าพวกเราได้ทำหน้าที่ของลูกที่ประเสริฐแล้ว
ขออวยพรให้พ่อแม่ของพวกเราทุกคน จงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และจิตใจที่กล้าแกร่ง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานตลอดไปครับ ธุจ้า
ภาพจากแฟ้มภาพ
Bookmarks