ภูเขาเหลือแหล่ล้วน........................ศิลา
หามณีจินดา.................................ยากได้
ฝูงชนเกิดนานา..............................ในโลก
หานักปราชญ์นั้นไซร้........................เลือกแล้วฤามี
ภูเขาแม้เต็มไปด้วยหิน แต่จะหาแก้วมีค่านั้นแสนยาก เหมือนคนมากมายในโลกนี้
จะหาคนมีปัญญารอบรู้นั้นช่างยากนัก
ป่าหลวงหลายโยชน์พร้อม....พฤกษา
หาแก่นจันทร์กฤษณา..........ยากไซร้
ฝูงคนเกิดมีมา...................เหลือแหล่
หาปราชญ์ฤๅจักได้..............ยากแท้ควรสงวน
ในป่ามีไม้นานาพรรณ แต่จะหาไม้หอมนั้นยากนัก เปรียบเช่นโลกนี้ แม้มีคนมากมาย
ก็หาผู้มีปัญญารอบรู้ได้ยาก จึงถนอมปราชญ์ผู้รู้เอาไว้
มัจฉามีทั่วท้อง...................ชโลธร
หาเงือกงูมังกร....................ยากได้
ทั่วด้าวพระนคร...................คนมาก มีนา
จักเสาะสัตบุรุษไซร้...............ยากแท้จักมี
ในท้องทะเลมีปลานานาชนิด แต่จะหาเงือกหามังกรนั้นไม่ง่าย ดังเช่นในโลกมีคนมากมาย แต่จะหาคนที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมดีงามนั้นกลับหาได้ยากนัก
ดารามีมากร้อย......................ถึงพัน
บ่เปรียบกับดวงจันทร์...............หนึ่งได้
คนพาลมากอนันต์...................ในโลก
จะเปรีบยเท่าปราชญ์ไซร้............ยากแท้ฤๅถึง
ดวงดาวมากมายบนฟ้าใช่ว่าจะเปรียบดวงจันทร์ดวงเดียวได้ เปรียบเช่นคนชั่วช้าจำนวนมากมายในโลกมิอาจเทียบคนดีเพียงคนเดียวได้
เหมหงส์เลี้ยงชีพด้วย..................สาคร
ช้างพึ่งพนาดร...........................ป่าไหม้(ไม้)
ภุมราบุษบากร...........................ครองร่าง ตนนา
นักปราชญ์เลี้ยงตัวได้...................เพื่ิอด้วยปัญญา
หงส์ทองดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยน้ำ ช้างอยู่ได้เพราะป่า ผึ้งอยู่ได้ด้วยดอกไม้ ผู้รอบรู้อยู่ได้ด้วยปัญญา
นกแร้งบินได้เพื่อ.......................เวหา
หมู่จระเข้เต่าปลา.......................พึ่งน้ำ
เข็ญใจพึ่งราชา.........................จอมราช
ลูกอ่อนอ้อนกลืนกล้ำ...................เพื่อน้ำนมแรง
เหล่านกกาต้องอาศัยฟ้า สัตว์น้ำอาศัยน้ำ คนยากจนต้องพึ่งพาอาศัยพระราชา ทารกน้อยต้องอาศัยน้ำนมแม่
ป่าพึ่งพาลพยัคฆ์ร้าย.......................ราวี
เสือพึ่งไพรพงพี.............................เถื่อนถ้ำ
ความชั่วพึ่งความดี...........................เท็จพึ่ง จริงนา
เรือพึ่งแรงน้ำน้ำ..............................หากรู้คุณเรือ
ตีนงูงูไซร้หาก........................เห็นกัน
นมไก่ไก่สำคัญ.......................ไก่รู้
หมู่โจรต่อโจรหัน.......................เห็นเล่ห์ กันนา
เชิงปราชญ์ฉลาดกล่าวผู้...............ปราชญ์รู้เชิงกัน
มีอายุร้อยหนึ่ง.......................นานนัก
ศีลบ่ปัญจางค์จัก......................ไป่รู้
ขวบเดียวเด็กรู้จัก......................ษานิจ ศีลนา
พระตรัสสรรเสริญผู้....................เด็กนั้นเกิดศรี
คนใดยืนอยู่ร้อย......................พรรษา
ใจบ่มีปรีชา.............................โหดไร้
วันเดียวเด็กเกิดมา.....................ใจปราชญ์
สรรเพชญ์บัณฑูรไว้....................เด็กนั้นควรยอ
คนใดยืนเหยียบร้อย....................ขวบปี
ความอุตสาห์ฤๅมี.........................เท่าก้อย
เด็กเกิดขวบหนึ่งดี........................เพียรพาก
พระตรัสว่าเด็กน้อย.......................นี่เนื้อเวไนย
อายุถึงร้อยขวบ.............................เจียรกาล
ธัมโมชอันโอฬาร............................บ่รู้
เด็กน้อยเกิดประมาณ.......................วันหนึ่ง
เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้............................แก่ร้อยพรรษา
มีอายุอยู่ร้อย................................ปีปลาย
ความเกิดและความตาย....................ไป่รู้
วันเดียวเด็กหญิงชาย........................เห็นเกิด ตายนา
ลูกอ่อนนั้นยิ่งผู้................................แก่ร้อยปีปลาย
ธิรางค์รู้ธรรมแม้.........................มากหลาย
บ่กล่าวให้หญิงชาย.....................ทั่วรู้
ดุจหญิงสกลกาย........................งามเลิศ
อยู่ร่วมเรือนผัวผู้.........................โหดแท้ขันที
นักปราชญ์รอบรู้ในหลักธรรมมากมาย แต่ถ้าไม่สั่งสอนแนะนำให้คนทั่วไปได้รอบรู้ด้วยก็เปรียบเหมือนสาวงามที่อยู่ร่วมกับสามีผู้ไร้สมรรถภาพ
Bookmarks