สาระประโยชน์จากข้าวหอมมะลิ

คนไทยรับประทานข้าวเป็นอาหารหลักมาช้านานข้าวไทยมีมากมายหลายชนิดให้เลือกรับประทานตามความชอบของแต่ละบุคคลแต่มีข้าวไทยชนิดหนึ่งที่หลายคนอาจจะคิดว่าหารับประทานได้ยากเพราะเนื่องด้วยราคาข้าวหอมมะลิมักจะถูกมองว่าจะอยู่ในกลุ่มผู้มีฐานะและร้านอาหารหรูหราเท่านั้น

ซึ่งข้าวชนิดนี้ถูกขนามนามว่าข้าวหอมมะลิ ที่ถือได้ว่ามีคุณค่าทางสารอาหารและคุณค่าทางเมล็ดข้าวโดยเฉพาะข้าวที่มีชื่อว่าข้าวสีนิลเป็นข้าวที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างลูกของข้าวเจ้าหอมนิล กับ ข้าวขาวดอกมะลิ 105

โดยการบริโภคข้าวไทยในปัจจุบันคนไทยอาจไม่รู้และไม่เคยทราบว่าคนไทยบริโภคข้าวโดยเฉลี่ย 100 กิโลกรัมต่อปีต่อคนถ้าเราซื้อข้าวทั่วไปกิโลกรัมละ 15 บาท เราก็บริโภคข้าว 1,500 บาทต่อปี ซึ่งน้อยมากถ้าเรามาบริโภคข้าวหอมมะลิ กิโลกรัมละ 24 บาท ก็ 2,400 บาทต่อปี เพิ่มขึ้นมาเพียง 1,000 บาท หนึ่งพันนี้ไปอยู่กับชาวนาที่ได้ราคาข้าวที่ดีขึ้น"

ดังนั้น"ข้าวไทยถือเป็นสุดยอดของคุณภาพระดับโลกไม่มีประเทศไหนที่มีข้าวหอมมะลิเหมือนอย่างประเทศไทยไม่มีประเทศไหนที่มีข้าวเมล็ดยาวที่มีกลิ่นหอม ซึ่งเราตั้งชื่อว่าข้าวหอมมะลิถ้าพวกเราคนไทยร่วมกันบริโภคข้าวหอมมะลิมากขึ้น เกษตรกรก็จะปลูกข้าวหอมมะลิมากขึ้นเขาก็จะมีรายได้สูงขึ้น และจะรักษาคุณภาพของข้าวได้ในระยะยาวถ้าเราพึ่งแต่ตลาดส่งออก แล้วคนไทยในประเทศไม่บริโภคข้าวหอมมะลิเกิดตลาดส่งออกมีปัญหา ข้าวก็ขายไม่ออกแต่ถ้าคนไทยบริโภคข้าวหอมมะลิเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ส่งออกมากส่งออกน้อยตลาดของผู้ผลิตก็ไม่มีปัญหา

ซึ่งปัจจุบันข้าวหอมมะลิที่นิยมปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายคือพันธุ์ ขาวดอกมะลิ 105 และพันธุ์ กข.15 แต่ราคาข้าวหอมมะลิค่อนข้างตกต่ำลงมาเรื่อยๆ เนื่องจากข้าวพันธุ์ปทุมธานี1 ให้ผลผลิตสูงกว่าข้าวหอมมะลิ 105 โดยให้ผลผลิตเฉลี่ย 80-100 ถังต่อไร่ปลูกได้หลายครั้งต่อปี และสามารถปลูกได้ดีในที่ลุ่มบริเวณที่ราบภาคกลางขณะที่ข้าวหอมมะลิ 105 ให้ผลผลิตต่อไร่เพียง 30-40 ถังและปลูกได้ดีในบางพื้นที่เท่านั้นทางรัฐบาลจึงส่งเสริมให้ชาวนาเน้นการปลูกข้าวพันธุ์ ปทุมธานี 1 มากกว่า

ซึ่งข้าวพันธุ์ 'ปทุมธานี 1' แม้ว่าจะมีความหอมคล้ายข้าวหอมมะลิ แต่ 'ไม่ใช่' ข้าวหอมมะลิ

นอกจากนี้เกรดในการจำหน่ายข้าวหอมมะลิที่ได้รับอนุญาตจาก กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ ยังแบ่งชั้นข้าวหอมมะลิออกเป็น ข้าวหอมมะลิชั้น 1 (ดีพิเศษ)มีข้าวชนิดอื่นปนได้ไม่เกิน 5% ข้าวหอมมะลิชั้น 2 (ดี) มีข้าวชนิดอื่นปนได้ไม่เกิน 15% ข้าวหอมมะลิชั้น 3 (ธรรมดา) มีข้าวชนิดอื่นปนได้ไม่เกิน 30% ผู้บริโภคซึ่งต้องการข้าวหอมมะลิแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์จึงยังอาจไม่ถูกใจเมื่อซื้อไปหุงรับประทาน


สาระประโยชน์จากข้าวหอมมะลิ

ข้าวหอมมะลิถือได้ว่ามีคุณค่าทางสารอาหารและคุณค่าทางเมล็ดข้าวโดยเฉพาะข้าวเมล็ดสีม่วงเข้มจนเกือบดำที่กำลังมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆมีชื่อว่าข้าวสีนิล เป็นข้าวที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างลูกของข้าวเจ้าหอมนิล กับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ทำให้ได้ข้าวพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเป็นเมล็ดเรียวยาว สีม่วงเข้มกลิ่นหอม เรียกว่าข้าวสีนิลและเป็นข้าวหอมมะลิ เมื่อหุงสุกมีสีม่วงอ่อนเมล็ดข้าวมีความนุ่มและมีกลิ่นหอมคุณสมบัติพิเศษคือมีโปรตีนสูงเป็นสองเท่าของข้าวขาวดอกมะลิ 105 และยังประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง แคลเซียม โพแทสเซียมและวิตามินบีหลายชนิด

ซึ่งการวิเคราะห์สีม่วงดำของข้าวสีนิล พบว่าเป็นสีที่มีสารกลุ่ม ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่เรียกว่า สารแอนไทไซยานินซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในปริมาณที่สูงกว่าที่พบในองุ่นแดง ลูกพรุน

โดยคุณค่าทางอาหารของข้าวอยู่ที่เยื่อหุ้มเมล็ดและสีของข้าวการบริโภคข้าวสีนิลจึงเป็นวิถีทางหนึ่งของการบริโภคเพื่อสุขภาพเยื่อใยของเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหารช่วยป้องกันการดูดซึมไขมันชนิดอิ่มตัวเข้าสู่กระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดีสารแอนไทไซยานินช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ลดไขมันอุดตันในเส้นเลือดบรรเทาโรคเบาหวาน บำรุงสายตายับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม-ปอด-กระเพาะอาหาร-เม็ดเลือดขาว

ข้าวนับว่ายังเป็นอาหารที่สำคัญสำหรับการบริโภคอาหารของคนไทยที่ทานข้าวเป็นอาหารหลัก


ขอบคุณที่มา
เวบหอมมะลิดอทเนท