จากข้อความในพระราชพงศาวดารข้างต้นนี้บันทึกเรื่องราว และเหตุการณ์เจ้าสุทัศน์เสวยยาพิษจนสวรรคต เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคๆ ตาบอดข้างหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่งตั้งพระราชบุตร ผู้พี่ขึ้น (เจ้าฟ้าสุทัศน์)เป็นพระมหาอุปราช ซึ่งอยู่มาได้ 4 เดือน พระองค์จึงเข้าเฝ้าพระบิดาและทูลขอพิจารณาคนออก และก็ถูกพระบิดาตรัสกลับมาว่าจะเป็นกบฏหรือ ! และเมื่อเข้าเฝ้าเสด็จพระองค์เสด็จกลับมาวังหน้าพอพลบค่ำก็เสวยยาพิษจนถึงแก่พิราลัย อย่างไรก็ตามถ้าเราจะวิเคราะห์ถึงมูลเหตุที่เจ้าฟ้าสุทัศน์เสวยยาพิษนี้ มีประเด็นที่น่าสงสัยอยู่ว่า คือ :
- การพิจารณาคนออกของเจ้าฟ้าสุทัศน์ คำว่า "คนออก" นี้คืออะไร?
- ทำไมพระเอกาทศรถจึงทรงพิโรธมาก และตรัสออกมาว่าจะเป็นกบฏหรือ?
ประเด็นแรกนี้คำว่าคนออกนี้ ทัศนะของ ต.อมาตยกุล ได้กล่าวไว้ว่า “ คำว่าออกที่ใช้ควบคู่กับคำนามมีในภาษาไทยหลายคำ เช่นคำว่า ทิศตะวันออก หมายถึงทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น เมืองออก หมายถึง เมืองขึ้นหรือเมืองประเทศราช “”คนออก”” ในที่นี้น่าจะหมายความว่า คนขึ้นหรือคนในสังกัด ซึ่งเจ้าฟ้าสุทัศน์คิดจะทำขณะที่ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชได้หลายประการ และเหตุที่พระองค์จะทำนั้น ก็เกี่ยวกับคนที่ขึ้นในสังกัดกรมพระราชวังบวรทั้งสิ้น”
จากทัศนะของ ต.อมาตยกุล ได้กล่าวไว้ว่าที่การที่เจ้าฟ้าสุทัศน์ทูลขอพิจารณาคนออกนี้ เพื่อต้องการกำลังไพร่พลมาอยู่ในสังกัดวังหน้าบ้าง เพราะว่า เมื่อพระองค์ทรงรับตำแหน่งอุปราชได้ 4 เดือนทรงเห็นว่าข้าราชการ ไพร่พลในวังหน้านี้มีมีแต่ขุนศึกเก่าๆ ในครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรที่แก่ชราทุพลภาพมาก หรือบางคนก็ถึงแก่กรรมลงไป เมื่อพระเอกาทศรถได้ครองราชย์สมบัติพระองค์ก็ได้โอนย้ายข้าราชการและไพร่พลจากวังหน้าของพระองค์ให้ไปเป็นราชการของวังหลวง ทำให้คนในสังกัดวังหน้านั้นขาดแคลน และไม่มีคุณภาพดังนั้นพระองค์จึงทรงคิดทูลขอคนกับพระเจ้าอยู่หัวให้มาอยู่ในสังกัดของพระองค์เองบ้างเพียงเท่านั้นเอง
ประเด็นถัดมาเมื่อทราบถึงเจ้าฟ้าสุทัศน์ทูลขอกำลังคนมาอยู่ในสังกัดวังหน้าจากพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งระบบการเมืองการปกครองในสมัยโบราณ (รัฐศักดินา) การควบคุมกำลังคนนี้ถือเป็นปัจจัยหลักของการมีฐานอำนาจทางการเมือง ดังนั้นพระเอกาทศรถจึงคิดหวาดระแวงต่อพระองค์ (พระราชโอรส) ว่าจะส้องสุ่มกำลังไพร่พลเพื่อรัฐประหาร แต่ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเจ้าสุทัศน์คิดจะส้องสุ่มกำลังคน และทำการรัฐประหารจริงพระองค์จะไปขอพิจารณาคนออก หรือขอกำลังคนจากสมเด็จพระเอกาทศรถทำไม ! : ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ผู้ที่จะคิดทำการกบฏจะไปทูลขอคนจากพระเจ้าแผ่นดินเพื่อมาแย่งชิงราชบัลลังก์! ซึ่งพระองค์ทรงหวาดระแวงพระทัยไปเองมากกว่าเท่านั้น!
เรื่องมูลเหตุที่เจ้าฟ้าสุทัศน์เสวยยาพิษนอกจากจะปรากฏในพงศาวดารทุกฉบับแล้วเรื่องนี้ยังปรากฏในจดหมายเหตุชาวฮอลลันดาที่เข้ามาค้าขายในสมัยนั้นชื่อ “คอนิลิอัส วัน ไนเอนโรด ( Cornelius Van Nyenrode) ที่เขียนจดหมายถึง เอส แยนเสน (H. Yansen) ที่เมืองปัตตานีวันที่ 3 พฤษภาคม คศ. 1612 (พศ. 2155)
ว่า “ เมื่อครั้งที่พวกชาวญี่ปุ่นได้ก่อความวุ่นวายในเพชรบุรีแล้วถูขับไล่ออกจากเมือง แทนที่จะกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนขอตนกลับมาคุมกันตั้งมั่นอยู่ที่เมืองบางกอก และตั้งหัวหน้าขึ้นปกครองพวกตนต่างหากโดยไม่ยอมขึ้นกับฝ่ายไทยสมเด็จพระเอกาทศรถก็ทรงไม่กระตือรือร้น ในอันที่จะปราบญี่ปุ่นให้ราบคาบลงไป จนกระทั่งเจ้าฟ้าสุทัศน์ออกอุบายให้พระเจ้ากรุงล้านช้างยกทัพเข้ามาถึงเมืองลพบุรี จึงได้ยกทัพออกไปตีกองทัพล้านช้าง”
เรื่องที่ปรากฏในจดหมายเหตุที่เล่าถึงพวกญี่ปุ่นก่อความวุ่นวายในพระราชอาณาจักรนี้ กับไม่ปรากฏในพระราชพงศาวดาร ซึ่งขณะนั้นเจ้าฟ้าสุทัศน์ได้ขอให้ให้พระเจ้ากรุงล้านช้างยกทัพมาช่วยปราบกบฏญี่ปุ่น เมื่อทัพขอพระองค์มาถึงเมืองละโว้ สมเด็จพระเอกาทศรถทรงทราบข่าวว่าพระเจ้ากรุงล้านช้างได้ยกทัพมาก็ไม่ทรงเชื่อว่าทัพพระเจ้าล้านช้างจะมาโดยสุจริต พระองค์จึงโปรดเกณฑ์ไพร่พลออกเข้าประชิดกองทัพพระเจ้ากรุงล้านช้าง แต่ว่าทัพพระเจ้ากรุงล้านช้างล่าทัพหนีกลับไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา ถ้าประเด็นเรื่องเป็นความจริงแล้วเจ้าฟ้าสุทัศน์ถือว่ามีโทษอย่างมหันต์ที่คบคิด และกระทำการชักศึกเข้าบ้านมีความผิดถึงขั้นประหารชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นต้น
ท้ายสุดนี้ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเราลองเอาเรื่องราวในพงศาวดารกับจดหมายเหตุของชาวฮอลันดามาประติดประต่อเนื้อความกันแล้วกันจะได้ว่า เมื่อเจ้าฟ้าสุทัศน์ทูลพิจารณาคนออกจากพระเจ้าอยู่หัวแล้วไม่ได้ตามพระประสงค์ ก็อาจจะทำให้พระองค์น้อยพระทัยแล้วจึงชักศึกเข้าบ้านก็อาจจะเป็นไปได้ และก็อาจจะเป็นมูลเหตุสำคัญของการเสวยยาพิษจนสวรรคต เพื่อหนีความผิดโทษฐานกบฏ หรือไม่ก็อาจจะโดยพระราชบิดาขอพระองค์เองสำเร็จโทษก็เป็นได้ทั้งนั้น ดังนั้นจ้าฟ้าสุทัศน์ทรงเสวยยาพิษจนถึงแก่สวรรคตนี้มูลเหตุเกิดมาจาก
“อยากได้คน จนเกิดเรื่อง”
ต. อมาตยกุล( 2516)
ของดีในประวัติศาสตร์และโบราณคดี(หน้า 21-29)
จักรพรรดิพงษ์ พระ (มปป.)
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา
Bookmarks