รู้จัก “อัยมาน ซอวาฮิรี” ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ “บิน ลาดิน”
คนที่จะก้าวขึ้นสู่ฐานะการเป็นผู้ถูกหมายหัวต้องการตัวเป็นอันดับหนึ่งของโลก สืบต่อจากอุซามะห์ บิน ลาดิน คงจะเป็นบุรุษหมายเลขสองของอัลกออิดะห์ในเวลานี้ ซึ่งก็คือ อัยมาน อัล ซอวาฮิรี (Ayman al-Zawahiri) ศัลยแพทย์ชาวอียิปต์ผู้ได้รับการจับตามองว่าเป็นจอมบงการตัวจริงของเครือข่ายก่อการร้ายเขย่าโลกกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ
ซอวาฮิรี Ayman al-Zawahiri
ต้องหลบเร้นซ่อนตัวนับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ ประกาศทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ภายหลังเหตุวินาศกรรมในวันที่ 11 กันยายน 2001
ขณะที่สหายชาวซาอุดีอาระเบียของซอวาฮิรีถูกหน่วย “ซีลส์” หน่วยทหารปฏิบัติการพิเศษแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ จู่โจมปลิดชีพไปแล้วในช่วงคืนวันอาทิตย์ (1 พฤษภาคม 2554) ต่อกับก่อนเช้ามืดวันจันทร์ (2 พฤษภาคม 2554) ซอวาฮิรียังดูเหมือนจะสามารถหลบหนีลอยนวล ด้วยทักษะทางด้านการจัดตั้งองค์การ, ความเจ้าเล่ห์หลักแหลม และการข่าวที่ว่ากันว่าเหนือกว่าบิน ลาดิน เสียอีก
เคยมีผู้พบเห็นซอวาฮิริตัวเป็นๆ ก็คือในเดือนตุลาคม 2001 ที่บริเวณภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน ใกล้ๆ กับพรมแดนปากีสถาน แต่หลังจากนั้นมาซอวาฮิรีก็ได้ปล่อยวิดีโอหลายต่อหลายชุดจากที่ซ่อนตัวของซอวาฮิรี โดยมีเนื้อหาปลุกระดมให้ทำสงครามกับฝ่ายตะวันตก
ขณะที่ บิน ลาดิน ถูกมองว่าเป็นแรงบันดาลใจของอัลกออิดะห์ ซอวาฮิรีก็ถูกจับตาว่าเป็นมันสมองตัวจริงในการชี้นำการปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งรวมทั้งการโจมตีสหรัฐฯ ในเหตุการณ์ 11 กันยายนด้วย และดังนั้นจึงมีผู้เสนอความเห็นว่า บุคคลผู้นี้เป็นผู้มีอันตรายมากกว่า
อดีตศัลยแพทย์ผ่าตัดตาวัย 59 ปีผู้นี้ ถูกตั้งค่าหัวเอาไว้ 25 ล้านดอลลาร์ ซอวาฮิรีมีตำแหน่งเป็นนักยุทธศาสตร์ตัวหลักและที่ปรึกษาแนะนำคนสำคัญของ บิน ลาดิน โดยที่ในบัญชีผู้ก่อการร้ายซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ยังระบุด้วยว่า ซอวาฮิรีเป็นหมอส่วนตัวที่คอยดูแลรักษา บิน ลาดิน อีกด้วย
ขณะที่ บิน ลาดิน หายไปจากสายตาของสาธารณชนภายหลังปี 2004 ก็มักจะเป็น ซอวาฮิรี นี่เองซึ่งเป็นผู้ออกมาปลุกเร้าเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่สาวกผู้ติดตาม ด้วยการปรากฏตัวในวิดีโอชุดแล้วชุดเล่า
ซอวาฮิรี น่าจะได้พบกับบิน ลาดินเป็นครั้งแรก เมื่อตอนที่นักรบอิสลามจำนวนนับพันนับหมื่นจากทั่วโลกพากันหลั่งไหลเข้าไปยังอัฟกานิสถานในช่วงทศวรรษ 1980 เพื่อทำ “ญิฮัด” หรือสงครามศักดิ์สิทธิ์กับกองทหารสหภาพโซเวียต
ตัวซอวาฮิรีก็มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีเหมือนๆ บิน ลาดิน แตกต่างกันตรงที่ครอบครัวบิน ลาดิน คือนักธุรกิจเต็มขั้น แต่บิดาของซอวาฮิรีเป็นแพทย์ชาวอียิปต์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง นอกจากนั้น ญาติผู้ใหญ่ในชั้นปู่ของซอวาฮิรีคนหนึ่งยังเป็นหัวหน้าอิหม่ามคนหนึ่งในสถาบันอัล อัซฮาร์ (Al-Azhar) แห่งกรุงไคโร ซึ่งถือเป็นสถาบันการศึกษาฝ่ายอิสลามที่ได้รับความเคารพยอมรับมากที่สุดของพวกมุสลิมนิกายสุหนี่
Ayman al-Zawahiri เข้าไปเกี่ยวข้องกับชุมชนมุสลิมหัวรุนแรงของอียิปต์ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ และมีรายงานว่าเคยถูกจับกุมตั้งแต่อายุ 15 ปี ด้วยข้อหาเป็นสมาชิกของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามเคร่งจารีตที่เก่าแก่ที่สุดของโลกอาหรับ แต่ได้ถูกทางการอียิปต์ตีตราเป็นองค์กรนอกกฎหมาย
ซอวาฮิรีได้จัดพิมพ์หนังสือหลายๆ เล่ม และการศึกษาหลายๆ ชิ้นว่าด้วยแนวความคิดแบบอิสลามเคร่งจารีต ซึ่งสำหรับผู้คนจำนวนมากแล้ว แนวความคิดเช่นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการชาวอิสลามหัวรุนแรง
ซอวาฮิรี แต่งงานมีครอบครัวในปี 1979 และก็เข้าศึกษาทางการแพทย์ในกรุงไคโร จนสำเร็จเป็นศัลยแพทย์
ซอวาฮิรีถุกจำคุกเป็นเวลา 3 ปีในอียิปต์ด้วยข้อหาเป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรง และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนลอบสังหารประธานาธิบดีอันวาร์ ซาดัต ในปี 1981
ภายหลังพ้นโทษ ซอวาฮิรีได้เดินทางออกจากอียิปต์ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 โดยในช่วงแรกไปอยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก ซอวาฮิรีก็บ่ายหน้าไปยังเมืองเปชวาร์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน และก็เป็นฐานใหญ่ของฝ่ายต่อต้านสหภาพโซเวียตที่ส่งทหารเข้าไปยึดครองอัฟกานิสถาน
ซอวาฮิรีทำงานเป็นแพทย์ที่คอยรักษานักรบที่บาดเจ็บ และเข้าพัวพันคบหากับพวกอิสลามหัวรุนแรงชาวอาหรับซึ่งหลั่งไหลมาเข้าร่วมสงคราม “ญิฮัด” คราวนี้ โดยที่หนึ่งในจำนวนนี้ก็คือ บิน ลาดิน
ช่วงต้นทศวรรษ 1990 เชื่อกันว่าซอวาฮิรีไปพำนักอยู่ในยุโรป ก่อนที่จะมีการเชื่อมโยงอีกครั้งกับ บิน ลาดิน ในซูดาน หรือไม่ก็ในอัฟกานิสถาน
ซอวาฮิรี ถูกจับในปี 1996 ขณะอยู่ในรัสเซีย โดยที่ดูเหมือนว่าซอวาฮิรีกำลังพยายามที่จะระดมหานักรบญิฮัดเพื่อทำศึกช่วยเชชเนียแยกตัวจากรัสเซีย
ในปี 1998 ซอวาฮิรีเป็น 1 ใน 5 ผู้ร่วมลงนามในข้อบัญญัติทางศาสนา (ฟัตวา) ของ บิน ลาดิน ที่เรียกร้องให้ทำการโจมตีพลเรือนอเมริกัน จากนั้นซอวาฮิรีก็เริ่มปรากฏตัวเคียงข้างผู้นำอัลกออิดะห์ผู้นี้อย่างสม่ำเสมอ
ซอวาฮิรีถูกระบุเป็นจำเลยผู้หนึ่งในคำฟ้องของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าด้วยเหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐฯในเคนเยาและในแทนซาเนียเมื่อปี 1998 นอกจากนั้นในอีก 1 ปีต่อมา ซอวาฮิรียังถูกศาลอียิปต์ตัดสินลงโทษประหารชีวิตโดยที่มิได้ไปปรากฏตัวในระหว่างการพิจารณาคดี
เมื่อกำลังทหารที่นำโดยสหรัฐฯ เข้าโค่นล้มระบอบปกครองตอลิบานในอัฟกานิสถานตอนเช่วงปลายปี 2001 ซอวาฮิรีก็เป็นผู้นำอัลกออิดะห์ผู้หนึ่งที่ต้องหลบซ่อนเร้นกาย
ซอวาฮิรี กับ บิน ลาดิน ได้ออกวิดีโอเผยแพร่สู่โลกภายนอกจำนวนหนึ่ง หลายครั้งที่แสดงให้เห็นทั้งคู่นั่งอยู่เคียงข้างกัน โดยที่มีอยู่ชุดหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกซอวาฮิรีกำลังเดินไปบนภูซอวาฮิรีอันรกร้างห่างไกล
ในเดือนมกราคม 2006 มีรายงานว่าซอวาฮิรีสามารถหลบรอดการโจมตีด้วยขีปนาวุธของสหรัฐฯที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ชาวชนเผ่าอันห่างไกลของปากีสถาน การโจมตีคราวนั้นทำให้มีคนอื่นๆ เสียชีวิตไป 18 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ปฏิบัติการของอัลกออิดะห์ 4 คน และเป็นพลเรือนจำนวนมาก
เมื่อเดือนธันวาคม 2001 มีรายงานหลายกระแสระบุว่า ภรรยา, บุตรชายคนหนึ่ง และบุตรสาวอีก 2 คน ของซอวาฮิรี ได้ถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯต่อเมืองกันดาฮาร์ ในอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ในขณะนั้นสหรัฐฯกำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติการทางทหารเพื่อโค่นล้มระบอบตอลิบาน
ฮามิด มีร์ นักหนังสือพิมพ์และนักวิเคราะห์ชาวปากีสถาน ผู้ซึ่งได้พบกับซอวาฮิรีในปี 1998 และ 2001 ระบุว่า ต่อมาซอวาฮิรีได้แต่งงานใหม่ และได้บุตรสาวจากภรรยาใหม่ของซอวาฮิรีเมื่อตอนปลายปี 2005
ขอบคุณ
เอเอสทีวีผู้จัดการ
...............................................................................
Bookmarks