รุ่งเช้าข่าวนายดาบหมีจับสมุนโจร

ได้แพร่สะพัดทั่วหมู่บ้าน ครูสมพรเด็กหญิงสีดากับบังอรเพื่อนรักมาดูเหตุการณ์แต่

เช้าตรู่ สีดาชะเง้อคอมองทางเกวียนเข้าหมู่บ้านเป็นระยะ รอคอยการกลับมาของน้า

ชายอย่างใจจดใจจ่อ ครูสมพรมีสีหน้ากังวลอยู่ตลอดเวลา นึกเป็นห่วงความปลอดภัย

ของตำรวจหนุ่ม สักพักมีเสียงรถยนต์ดังกระหึ่มมาแต่ไกล เด็กหญิงสีดากับครูสมพรมีสี

หน้าแช่มชื่นทันที ฝุ่นทรายปลิวคลุ้งตามหลังมา รถยนต์ที่มีตราโล่ของตำรวจจอดลง

รั้วหน้าเรือนกำนันเชื่อม น้าหมีลงรถมาพร้อมกับนายตำรวจที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศ

เขาหันมายิ้มให้ครูสมพรอย่างสุภาพ แล้วช่วยนายตำรวจอีกสามนายแก้มัดคุมตัวสมุน

โจรทั้งสามขึ้นรถตราโล่ ก่อนที่รถจะพาสมุนโจรทั้งสามจากไป นายตำรวจที่ติดดาวบน

บ่าสามดวงหันมากล่าวกับ น้าหมีว่า “ดาบสมทอง ความดีความชอบครั้งนี้ของคุณผม

จะรายงานให้ผู้ใหญ่ทราบทันที อีกสองสามวันอาจมีโทรเลขมาถึงคุณแล้วผมจะให้ลูก

น้องนำมาส่ง” พูดจบแล้วเขารีบขึ้นรถพาผู้ต้องหาจากไป ชาวบ้านที่มาเฝ้าสมุนโจรตั้งแต่

เมื่อคืนทยอยกลับเรือนตนเอง “มื่อแลงผมย้านเสือมอญหลบมาอีกอยู่พ่อกำนัน” ดาบหมี

พูดกับกำนันเชื่อม “ซั่นเฮากะแต่งคนเฝ้ายามไว้ล่ะดาบ” กำนันตอบในเชิงหารือ “เอา

ซั่นกะได้ ตีกอลอเอิ้นใทบ้านมาจัดยามกันแต่หัวค่ำโลดพ่อกำนัน” ดาบหมีตอบแล้วหัน

ไปหาครูสาวและลูกศิษย์ตัวน้อยที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ “ครูมาบ้านกำนันตั้งแต่เมื่อไหร่

ครับ” ดาบหมีถามขึ้นแววตาไม่พราวระยับเหมือนทุกครั้ง มันแฝงด้วยความเครียดและ

ห่วงใยจนแยกกันไม่ออก แต่แววตาอย่างนี้ทำให้ครูสาวรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในใจมากกว่า

จะรู้สึกหวาดหวั่นเหมือนกับทุกครั้งที่พบหน้ากัน เป็นความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นในจิต

ก่อนจะแผ่เป็นวงกว้างไปทั่วกาย เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าประสานสายตากับเขา หารู้ไม่

ว่าแววตาที่ส่งไปนั้นแฝงด้วยความห่วงใย จนความเหมื่อยล้าที่เกาะกินอยู่ทั่วกายของ

ตำรวจหนุ่มหายไปจนหมดสิ้น “ตั้งแต่เช้ามืดค่ะ ลุงภารโรงกลับไปโรงเรียนเล่าให้ดิฉัน

ฟัง ดิฉันก็รีบมาทันทีพบหนูสีดากับหนูบังอรเลยชวนมาเป็นเพื่อนกัน” ครูสมพรตอบ

เสียงดังเป็นครั้งแรก นายตำรวจหนุ่มหันไปมองหลานสาวที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้าง ๆ ครู

ของเธอ “ตื่นเช้าเทิงครูเทิงนักเรียน” เขาพูดสัพยอกยิ้ม ๆ “ข่อยนอนบ่หลับแต่มื่อคืน

แล้วน้าหมี อีพ่อพาลงไปลี่อยู่เตาถ่านไผ๋สินอนหลับ เสียงปืนกะดังเอาฮ้าย” เด็กหญิง


สีดาตอบพาซื่อ ผู้ใหญ่ทั้งสองเมื่อได้ยินเด็กหญิงตอบก็ยิ้มเต็มหน้า “สายแล้วเรากลับ

บ้านเตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้วค่ะเด็ก ๆ” ครูสมพรพูดขึ้นบ้าง “ผมจะเดินไปส่งครูที่

บ้านพักครู” นายดาบรีบขันอาสาทันที ซึ่งครูสมพรไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด บังอรสะกิด

เพื่อนรักทันที “กูว่ามึงกับกูแล่นแข่งกันบ่ว่าไผ๋สิฮอดเฮือนก่อนกัน” เด็กหญิงบังอรท้าวิ่ง

แข่งกับเพื่อนรัก สีดาไม่รอช้าวิ่งออกก่อนบังอรทันที “อีขี้โกง” บังอรตะโกนยิ้ม ๆ

แล้ววิ่งตามเพื่อนรักออกไป ไม่วายส่งสายตาทะเล้นให้ครูของเธอ ครูสมพร เรียกไว้

ไม่ทันได้แต่ก้มหน้าเอียงอาย นายดาบตำรวจนึกขอบคุณหลานสาวและเพื่อนรักในใจ

เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธออีกครั้งแล้ว ทั้งสองเดินเคียงกันมาตามทางเกวียนเล็ก ๆ

จากเรือนกำนันมาที่โรงเรียน “อีกสองวันผมจะกลับกรุงเก่าแล้วคงอีกนานกว่าจะได้กลับ

มาเยี่ยมบ้านอีก” นายดาบกล่าวทำลายความเงียบ เหมือนครูสมพรจะสะดุดเท้าตัวเอง

ในใจนั้นอยากจะถามเหลือเกินว่าเขาจะลืมครูที่เกือบจะขี่จักรยานชนเขาได้หรือ

ไม่ “คุณกลับไป แล้วเรื่องเสีอมอญละคะ ทางการจะจัดการอย่างไรต่อไป” เธอเอ่ย

ถามเรืองเสือมอญซ่อนแววตาอาวรณ์ไว้อย่างมิดชิด “ถ้าครบกำหนดสองวันแล้วไม่มี

โทรเลขด่วนถึงผม ผมคงต้องกลับไป” เขาตอบเบา ๆ แล้วไม่มีใครกล่าวสิ่งใดอีกจน

มาถึงบ้านพักครู “ขอบคุณมากนะคะที่กรุณามาส่ง” ครูสาวกล่าวขอบคุณ “ไม่เป็นไร

ครับ คุณต้องระวังตัวด้วยนะครับอยู่คนเดียว ผมว่าให้ภรรยาภารโรงมาอยู่เป็นเพื่อนดี

ไหมครับตอนกลางคืนผมว่าเสือมอญไม่ปล่อย หมู่บ้านเราง่าย ๆ แน่มันเสียสมุนไปตั้ง

สามคนมันต้องหาทางเอาคืนเป็นแน่” เขาเตือนเธอด้วยความห่วงใย “ค่ะ แล้วฉันจะขอ

ให้ภรรยาลุงภารโรงมาอยู่เป็นเพื่อน คุณก็ระวังตัวให้มาก ๆ นะคะ เสือมอญคงรู้แล้ว

ว่าใครยิงสมุนของมัน” เธอแสดงความห่วงใยเขาเช่นกันก่อนจะเดินขึ้นเรือนไป ทิ้งให้

นายตำรวจหนุ่ม มองตามด้วยสายตา อาทรห่วงใย ในใจภาวนาขอให้ผู้บังคับ

บัญชา ให้เขาอยู่ช่วยราชการจับเสือมอญด้วยเถิด

เพื่อที่เขาจะได้สานสัมพันธ์กับเธอต่อไป..