## ความหลังที่ฝั่งโขง ##

[RADIO]http://dc359.google.co.th/img/612110076/acd401ca/dlink__2Fdownload_2Fg_5FGrLOCa_3Ftsid_3D20110528-141410-3720aa7a/preview.swf[/RADIO]

สาวฝั่งโขง - สมัย อ่อนวงศ์

## ความหลังที่ฝั่งโขง ##


แม่น้ำโขงยามเย็น ยังคงสวยงาม มีมนต์ดลใจให้ใครที่พบเห็น อยากกลับไปชมอีก


## ความหลังที่ฝั่งโขง ##

รูปนี้กลางแม่น้ำโขง เวลาหน้าแล้งหาดูง่ายครับ จะเป็นเกาะหินเป็นหลุมเป็นบ่อสวยงามมาก

ปี2543ผมไปบวชและจำพรรษาอยู่วัดป่าที่ บ้านนาคำ อ.ธาตุพนม จ. นครพนมครับ ชื่อวัดเวินอยู่ติดกับแม่น้ำโขง
ก็ได้มีโอกาสเห็นความเป็นอยู่ ของพี่น้องสองฝั่งโขงผมประทับใจมาก ผู้คนที่นั่นดีมากๆ
เขาจะไปมาหาสู่กัน สมกับเป็นบ้านพี่เมืองน้องจริงๆ บางคนอยู่ฝั่งลาวแต่มาได้เมียอยู่ฝั่งไทย
บางคนปู่ย่าตายายพื้นเพอยู่ฝั่งโน้น แต่แยกมาอยู่ฝั่งไทยนานหลายปี เขาก็จะติดต่อกันอยู่ตลอด
ยิ่งเวลามีงานบุญต่างๆ พี่น้องจากฝั่งลาวก็ข้ามฝั่งมาทำบุญที่วัดไทยด้วยเช่นกัน
ผมยังเคยรับกิจนิมนต์ไปสวดที่ฝั่งโน้นเลย เวลามีงานครับพระไม่พอ ฝั่งโน้นมานิมนต์พระฝั่งนี้ไปเสริม
ผมได้มีโอกาสข้ามไปจำวัดที่ฝั่งโน้นบ่อยมาก ได้เห็นแม่น้ำโขงทุกช่วงฤดูกาล
หน้าแล้ง น้ำแห้งชาวบ้านก็จะปลูกผักเลี้ยงวัวเลี่ยงเป็ดริมน้ำโขง ดินดีมากครับปลูกผักอะไรก็งามขายได้ราคา
พอถึงหน้าฝน น้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวมาก น้ำจะไหลมาเกือบถึงในวัด
เชื่อไหมครับหน้าน้ำหน้าฝน มีไม้ที่ไหลมากับน้ำเยอะมากๆ เป็นไม้ท่อนใหญ่ๆขนาดหลายคนโอบก็มี
ถ้าท่อนไม่ใหญ่มากชาวบ้านจะเอาเรือออกไปหา
แล้วเอาเชื่อมัดลากมาผูกไว้ พอน้ำแห้งก็นำไม้เหล่านั้นมาทำบ้านบ้างขายบ้าง
ช่วงที่ผมข้ามไปฝั่งโน้นบ่อยๆ ก็จะเป็นช่วงหน้าแล้ง ฝั่งโน้นมีงานบุญบ่อย
พาหะนะที่ใช้ข้าม ก็คือเรือหางยาว ค่าเหมาเที่ยวละ 50 บาทเป็นเรือของชาวบ้านแถวนั้นแหล่ะ
มันเหมือนเรือรับจ้างที่คอยรับส่งคนข้ามฝั่ง ใครมีธุระจะไปก็เดินไปบอกที่บ้านเจ้าของเรือ
แม่น้ำโขงถ้าเรามองไกลๆดูเหมือนมันจะสงบนิ่งนะ แต่พอเรือแล่นไปถึงช่วงกลางๆแม่น้ำ โอ้โหคุณครับ
มันน่ากลัวมากน้ำไหลเชี่ยวแรงจริงๆ ครั้งแรกที่ผมเห็น ก็นึกในใจว่าถ้าเรือเกิดล่มลงตรงนี้ตายแน่ๆ
แต่คนขับเรือเขาคงชำนาญเพราะขับมานาน เขาก็หัวเราะแล้วถามผมว่า " ย้านบ่ครับยาครู "
แถวนั้นเขาเรียกพระว่ายาครู ผมก็ไว้เชิงพระไปงั้นแหล่ะครับ ที่จริงในใจกลัวมาก ไปถึงวัดเกาะฝั่งลาวครั้งแรก
ก็ยังแปลกใจกับความเป็นอยู่ของชาวบ้าน มันเหมือนบ้านเราราวๆ 20 ปีที่แล้วครับ
และภาษาพูดก็อ่อนหวานน่าฟัง ไม่พูดลาวสำเนียงกระโชกเหมือนบ้านเรา
อีกทั่งหมู่บ้านคนก็อยู่ไกลกัน และห่างกันมากแต่ละหลังคาเรือน
ผมจำวัดที่ฝั่งโน้นหลายคืน มีวันหนึ่งนึกอยากฉันน้ำขวด เลยบอกหลวงพ่อ
หลวงพ่อบอกว่าเลยจุดที่เราบิณฑบาตไปหน่อยมีร้านค้า
รถจักรที่วัดก็มีถีบไปเลย ว่างั้น ฮะฮ่า....รถจักรคือ รถจักรยานครับ
พระที่ฝั่งโน้นถีบจักรยานได้ และสิ่งที่ผมไปพบไปเห็นที่โน้นที่จำติดตาผมทุกวันนี้อีกอย่างคือ
ป่าไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์มากๆ ชนิดที่ผมเกิดมาไม่เคนเห็น
วันนั้นหลวงพ่อชวนผมไปตัดหวายในป่า เผื่อเอามาไว้ซ่อมเก้าอี้ที่วัด ผมก็ไปด้วย
ผมนึกว่าคงไกล้ๆแถวนี้ ที่ไหนได้ เดินเข้าป่าหลังวัดเกือบ 10 กิโลแหน่ะ เล่นเอาหอบเลย
เชื่อไหมครับต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาด 4 คน 5 คน ถึงขนาด 10 คนโอบยังมีเหลือให้เห็นเยอะมาก จนผมงง
ผมเลยถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับ นี่เป็นที่ดินของใคร ถ้าตัดไม้ขายรวยเลยนะนี่
หลวงพ่อตอบว่า ที่ของชาวบ้านที่นี่เอง แต่เขาไม่สนใจหรอกที่ดินคนแถวนี้เขามีเยอะ
แต่ละบ้านอย่างไม่มี ก็มีที่ดินบ้านละ 3 หลัก 5 หลัก 10 หลัก คำว่าหลักคืออะไรนะหรือครับ " มันคือกิโลครับ "
ชาวบ้านที่นี่มีที่ดินบ้านละ 3 กิโล 5 กิโล ถึง 10 กิโล โอ้โหคุณพระช่วย แต่เขาอยู่อย่างพอเพียงครับไม่อะไรมากมาย
ต้นไม้ใหญ่ๆในที่เขามี แต่ถ้าจะตัดมาทำบ้าน ก็ไม่มีเงินจ้างคนมาเลื่อย และต้องจ้างรถขนออกมาอีก
เขาบอกว่าไม่ไหวหรอก สู้หาไม้ไผ่มาสานทำเป็นฝาบ้านอยู่ดีกว่า ประหยัดดี
วันนั้นผมยังเจอกับอะไร ที่เห็นแล้วผมตื่นเต้นมากๆอีกอย่างหนึ่ง มันเป็นเหมือนลานหินขนาดใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลครับ
อยู่เชิงเขา มีธารน้ำขนาดใหญ่ไหล แต่น้ำไม่ลึกสามารถเดินข้ามได้ ผมมองตรงลานหินเห็นเป็นหลุมเป็นบ่อ
เต็มไปหมดมีน้ำขังด้วย หลุมใหญ่บ้างเล็กบ้าง มากมายเต็มลานหิน
ผมเลยถามหลวงพ่อว่า " แม่นหยังครับนี่ " หลวงพ่อตอบว่าอ๋อ... เป็นรอยเท้าไดโนเสาร์
ไม่เชื่อในสายตาเลยครับ ที่ผมเห็นมันไม่ใช่น้อยๆนะครับ เป็นร้อยๆเห็นเป็นแถวยาว เหมือนวิ่งมาทั้งฝูง
คล้ายๆกับพากัน วิ่งหนีตายตอนภูเขาไฟระเบิดประมาณนั้น และก้อนลานหินก็น่าจะเป็นลาวาจากภูเขาไฟ(อันนี้เดานะ)
บางรอยเหมือนรอยตีนไก่ แต่ใหญ่ขนาดเท่าโต๊ะ นึกภาพออกไหมครับ เวลาไก่หลายๆตัวมันวิ่งแล้วทิ้งรอยไว้
แหมถ้าบ้านเรามีแบบนั้นรวยกันอื้อเลย พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้สบาย เผลอๆขุดลงไปข้างล่าง เจอซากไดโนเสาร์อีกเพียบ
แต่เขาไม่สนใจหรอกนะครับ หลวงพ่อยังบอกว่าเขายังไม่คิดถึงจุดนั้นหรอก แค่เรื่องปากท้องเขาก็หนักแล้ว
สิ่งที่ไปพบเห็นแล้วประทับใจอีกอย่างก็คือ พี่น้องทางฝั่งลาวตอนเช้าๆ จะใส่บาตรแทบทุกหลังคาเรือนครับ
เวลาใส่บาตร เขาจะเอาข้าวหนียว และก็ธนบัตร(เงินกีบ) ใส่บาตรด้วยนะครับ
ผมได้เงินกีบเช้าละ 200 - 300 กีบทุกวัน แต่ขอโทษถึงวัดแล้วมานั่งแกะเอาเงินออกจากข้าวยากมาก
เดินบิณฑบาตตอนเช้าๆ ก็จะเห็นเขาเอาปลาจากแม่นำโขงมาขาย เห็นแล้วสะออนครับ ตัวใหญ่เท่าหมูน้อยก็มีนะปลาที่เขาขายกัน
ก็หยิบยกเอามาเล่าสู่กันฟังให้อ่านเล่นๆประกอบกระทู้เพลงครับ กับความอุดมสมบูรณ์ในน้ำโขง และวิถีชีวิตพี่น้องสองฝั่งที่ผมไปพบเห็นมา

ให้เสียงภาษาไทยปนลาวโดย "พ่อใหญ่คำแสง แดงจ่ายหว่าย "