-
ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
"อยู่ เย็น เป็น สุข" เป้าหมายชีวิตใหม่
"อยู่ เย็น เป็น สุข" เป้าหมายชีวิตใหม่
โดย ท่าน ว.วชิรเมธี
เป้าหมายชีวิตแห่งความพอเพียงอยู่ที่ "อยู่ เย็น เป็น สุข" มิใช่ "มั่ง มีศรี สุข" ตามแนวคิดแบบทุนนิยม ที่คนส่วนใหญ่ฝังใจ !!!
การที่เราจะนำเอาระบบเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตได้ เราจะต้องรู้เท่าทันว่าเป้าหมายของชีวิตคืออะไร เนื่องจากทุกวันนี้มนุษย์แทบไม่รู้จักเป้าหมายของชีวิตเดิมเรานิยามกันว่า เป้าหมายของชีวิต คือ "มั่ง มี ศรี สุข" หมายความว่า "ต้องมีเงินมีทองจึงจะมีความสุข" !!!
แต่จริงๆ แล้วเป้าหมายของชีวิตน่าจะอยู่ที่ "อยู่ เย็น เป็น สุข" นั่นคือ ในทางจิตใจก็อยู่ได้ ในทางเศรษฐกิจก็ไม่ลำบากมากเกินไป สามารถอยู่ เย็น เป็น สุข !
นิยามของความสุขไม่ควรจะแขวนไว้กับเงิน เพราะถ้าเราแขวนนิยามความสุขไว้กับเงิน
มนุษย์จะกลายเป็นหนูถีบจักรที่ทำงานไม่มีวันหยุด ทำงานจนป่วยตาย
แนวโน้มแบบนี้ปัจจุบันอาตมภาพเห็นว่ามีมากขึ้นเรื่อยๆ อาตมภาพอ่านงานวิจัยชิ้นหนึ่งในอเมริกา เขาบอกว่าผู้บริหารทั่วโลกตอนนี้นิยมหัวใจวายตอนวันจันทร์เพราะตลาดหุ้นมันเริ่มทำการ
เพราะฉะนั้น เราต้องนิยามเป้าหมายชีวิตใหม่
1.เป้าหมายต้องไม่ใช่ "มั่ง มี ศรี สุข" แต่คือ "อยู่ เย็น เป็น สุข"
2.ต้องปลูกฝังวิธีคิดชีวิตใหม่ แบบคุณค่าแท้ คุณค่าเทียม
ทุกวันนี้มนุษย์เราดำเนินชีวิตแบบวิ่งตามคุณค่าเทียม คุณค่าเทียมก็หมายถึงว่า คุณค่าเคลือบแฝง คุณค่าจอมปลอม คุณค่าที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วเอาการตลาดมาประชาสัมพันธ์ว่าเป็นสิ่งที่ดี เช่น รถยนต์ คุณค่าที่แท้ของรถยนต์คือเป็นพาหนะ คุณค่าเทียมของมัน
คือ แสดงถึงอัครฐานทางการเงินสะท้อนถึงรสนิยม, คุณค่าแท้ของนาฬิกาคือบอกเวลา คุณค่าเทียมคือแบรนด์เนม รสนิยม วิไล ทันสมัย, คุณค่าแท้ของเสื้อผ้าคือปกปิดอวัยวะไม่ให้เกิดความละอาย เข้าสังคมได้ถูกกาลเทศะ แต่คุณค่าเทียมของมันคือถ้าเป็นเวอร์ซาเช่ก็ถือว่าอินเทรนด์ใช่ไหมล่ะ ถ้าเป็นแบรนด์เนมระดับโลกก็จะถือว่าตัวเองเป็นบุคคลระดับเวิรลด์คลาส รสนิยมดีมีอัครฐานทางการเงิน
เพราะฉะนั้น ถ้าเราวิ่งตามคุณค่าเทียม มนุษย์เราหาเงินเท่าไรก็ไม่พอ !
ดังนั้น เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด ปรัชญาในการดำเนินชีวิตต้องหันกลับมาดำเนินชีวิตด้วยการปลูกฝังวิธีคิดแบบ คุณค่าแท้...
นั่นคือเวลาจะบริโภคปัจจัยสี่ต้องถามตัวเองว่า "สิ่งนี้จำเป็นหรือไม่"
อย่าถามตัวเองว่า "สิ่งนี้ทันสมัยหรือไม่"
ถ้าเราถามว่าทันสมัยหรือไม่ เราจะวิ่งไม่จบไม่สิ้นเพราะคนที่วิ่งตามความอยาก ตามกระแสของทุนนิยมบริโภคที่เน้นการยั่วให้อยากแล้วกระตุ้นให้ซื้อเปรียบเสมือนคนที่ตักน้ำไปเติมทะเล เติมไปจนตายทะเลก็ไม่เต็ม แต่คนที่ดำเนินชีวิตด้วยวิธีคิดแบบคุณค่าแท้ เปรียบเสมือนคนที่ไปว่ายน้ำในทะเล พอชื่นใจแล้วก็เดินขึ้นมาใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบ ร่มเย็น เป็น สุข
ดังนั้น เราจะเลือกเป็นคนที่ตักน้ำไปเติมทะเล หรือจะเป็นคนที่ว่ายอยู่ในทะเลให้พอชุ่มเย็นแล้วขึ้นมา ดำเนินชีวิตต่อไปอย่างปกติ
อาตมาอยากฝากถึงนักธุรกิจด้วยว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ปฏิเสธความรวย
เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้บอกว่า เรามาเป็นคนจนกันเถิดแต่เศรษฐกิจพอเพียงบอกว่า เรามาเป็นคนที่ รู้จักพอกันเถิด...
เรารวยได้ แต่มีข้อแม้ว่าความรวยนั้นต้องเป็นความรวยที่สุจริต ต้องไม่ใช่ความรวยที่เกิดขึ้นจากการเบียดบังส่วนรวมมาเป็นส่วนตน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นมาทุกหัวระแหง !!!
มหาตมะ คานธี เคยพูดตรงกับพระพุทธเจ้าอย่างหนึ่ง โดยพระพุทธเจ้าบอกว่า
"ต่อให้เงินทองลงมาเป็นห่าฝนก็ไม่สามารถเติมเต็มความอยากของมนุษย์คนหนึ่งได้" แล้วมหาตมะ คานธี บอกว่า "ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งโลกตอนนี้เพียงพอสำหรับที่จะหล่อเลี้ยงคนทั้งโลก แต่ไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงความโลภของคนเพียงคนเดียว"
เห็นไหม ตรงกัน เพราะฉะนั้นที่บอกให้รู้จักพอ ต้องเข้าใจความจริง 2 อย่าง คือ
1.ต้องเข้าใจความจริงของโลกว่าทรัพยากรของโลกมีจำกัด
2.ต้องเข้าใจความจริงของกิเลสในใจเรา ถ้าความต้องการนั้นไร้ขีดจำกัดถ้าเราวิ่งตามความต้องการทรัพยากรของโลกมีเท่าไรก็ไม่พอ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักตัวเองด้วยการปลูกฝังวิธีคิดแบบคุณค่าแท้ ไม่ใช่วิธีคิดแบบคุณค่าเทียม
เวลามีใครมายั่วให้อยาก แล้วกระตุ้นให้ซื้อเราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามเขาไป
แต่เราบอกว่า "เราพอดีกับความอยากแล้วเราก็อยู่ได้"
กระตุ้นให้เราซื้อ...ก็ซื้อได้ แต่ซื้อ...สิ่งที่จำเป็น
ไม่ใช่ซื้อ...สิ่งที่อินเทรนด์
เพราะอินเทรนด์เมื่อไร อินทุกข์เมื่อนั้น..
-
Banned
อย่า อยู่ อย่าง อยาก...คนเราถ้าไม่มีความรู้สึกอยากได้นั่นนี่มากก็คงไม่ต้องดิ้นรนไคว่ขว้าอะไรมากมายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...สภาพสิ่งแวดล้อมสังคมที่เปลี่ยนไป จิตใจคนก็เปลี่ยนไปด้วย การที่ตัวเองเฉยๆกับสิ่งของสิ่งเร้าทั้งภายนอก ภายในไม่รู้ว่าเป็นการเพียงพอ หรือไม่สนใจไม่ใส่ใจไม่แยแสกันแน่ อิอิ งงกะตัวเอง
-
ศึกษาหาความรู้
เป็นไปคุแนวแหลวจารย์เอ้ยคนทุกมื่อนี่ มีแต่สิ่งหลอกล่อเย้ายวนใจ
ให้กิเลสมันพองตัวขึ่นมา...มันกะคันคะเยอเห่อด้วยความยากซะแหลว
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks