ชื่อ "มะตูม"
วงศ์ "RUTACEAE"
ชื่อวิทยาศาสตร์ "Aegle marmelos (Linn) Corr"
ชื่อพื้นเมือง "มะปิน(เหนือ) กะทันตาเถร ตูม ตุ่มตัง(ใต้) มะตูม(กลาง,ใต้) บัวตูม (ยโสธร-อิสาน)หมากตูม(อุดรธานี มหาสารคาม อิสาน) พะเนิว(เขมร)"
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
มะตูมเป็นไม้ขนาดกลางสูงถึง 15 เมตรตามลำด้นและกิ่งมีหนามแข็งแหลมคมอยู่มากมายเรือนยอดกลม
เปลือกลำต้นเรียบ สีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบชนิด มีใบย่อย 3 ใบ ออกเวียนเป็นเกลียวรอบกิ่ง ใบย่อย
รูปไข่หรือรูปหอกแกมรูปไข่ปลายเรียวแหลมกว้าง1.75-7.5 ซม.ยาว4-13.5 ซม.ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย
ฐานใบมน ก้านใบยาว ใบมีกลิ่นหอม หากนำใบส่องแดดจะเห็นเนื้อใบมีต่อมน้ำมันจุดใส่ๆ กระจายอยู่ดอก
เป็นดอกช่อ ออกตรงปลายกิ่งหรือซอกใบ ดอกย่อยสีขาวหรือขาวปนเขียว มีกลิ่นหอมไกล กลีบเลี้ยง 5
กลีบ กลีบดอก 4-5 กลีบ เกสรตัวผู้มีหลายอัน เกสรตัวเมีย 1 อันผลเป็นรูปไข่หรือรูปกลม เปลือกผลจะหนาแข็งผลอ่อนจะมีเปลือกสีเขียว
เมื่อแก่จะกลายเป็นสีเขียวอมเหลือง ภายในผลมีเนื้อนสีส้ม
ปนเหลือง ภายในผลมีเนื้อนิ่มมีเมล็ดจำนวนมากแทรกอยู่ในเนื้อผล
การปลูก
มะตูมขยายพันธ์ได้โดยการเพาะเมล็ดและการตอนกิ่ง มะตูมเป็นไม้ปลูกกลางแจ้งและทนต่อความร้อนได้ดี
ประโยชน์ทางยา
รากมะตูมรสปร่าชาขื่นเล็กน้อยแก้พิษฝีแก้ไข้แก้ลมหืดหอบไอช่วยบำบาัดเสมหะรักษาน้ำดีใบรสฝาดเป็นยา
บำรุงธาตุทำให้เจริญอาหาร แก้โรคลำไส้ แก้ท้องเดินน้ำที่คั้นจากใบใช้แก้หวัดแก้หลอดลมอักเสบผลมะตูมสุก
รสหวาน สรรพคุณ แก้ลม แก้เสมหะ แก้มูกเลือด บำรุงไฟธาตุ แก้กระหายน้ำ ขับลมผาย
ประโยชน์ทางอาหาร
ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาลยอดอ่อนผลดิบใช้รับประทานเป็นผักยอดอ่อนออกตลอดปีลูกอ่อนพบในช่วงฤดูฝน
(ผลสุกมีในช่วงกลางฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง)การปรุงอาหารคนไทยทุกภาครับประทานยอดอ่อนใบอ่อนของมะตูม
เป็นผักสด ในตลาดท้องถิ่นมักพบใบมะตูมอ่อนจำหน่ายเป็นผักในหลายแห่ง ชาวเหนือรับประทานแกล้มลาบ ก้อยหรือแจ่วป่นชาวใต้รับประทานร่วมกับน้ำพริกและแกงรสจัดสำหรับชาวภาคกลางไม่นิยมรับประทานยอด
อ่อนแต่พบว่ามีการใช้มะตูมดิบมาปรุงเป็นยำมะตูม
รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ
ยอดอ่อนและใบอ่อนของมะตูมมีรสเผ็ดร้อน อมฝาด กลิ่นหอม เป็นยาบำรุงธาตุทำให้เจริญอาหารแก้ท้องเดิน
ผลมะตูมอ่อน เป็นยาบำรุงธาตุทำให้เจริญอาหาร แก้ลม แก้เสมหะผลมะตูมแก้สรรพคุณปิดธาตุบำบัดเสลด
ขับลม เจริญไฟธาตุ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ
http://www.fortunecity.com/campus/springbank/677/std1/P28.html
Bookmarks