"ชอบพัดลมไฟฟ้าหรือเปล่า" เป็นพระดำรัสของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ตรัสกับหญิงสาวชาวรัสเซียนางหนึ่ง เป็นพระดำรัสที่เกิดขึ้นขณะที่มีพระอารมณ์สับสน กับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานั้นและต้องทรงเผชิญหน้า กับหญิงสาวที่ทรงหลงรัก

พระดำรัสนี้เองที่นำไปสู่การขอแต่งงาน กับหญิงสาวชาวรัสเซียนางนั้นและเป็นการเริ่มต้นของความเป็นพระสุณิสา ชาวต่างชาติคนแรกในราชวงศ์จักรี

หญิงสาวชาวรัสเซียนางนั้นคือ นางสาวเอกาเทรินา อิวาโนวา เดสนิตสกี้ (Ekaterina Ivanova Desnitsky) ซึ่งภายหลังก็คือหม่อมคัทริน หรือที่เรียกเป็นสามัญว่า แคทยา นับเป็นพระสุณิสาชาวต่างชาติคนแรกในราชจักรีวงศ์

เพราะสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ทรงอยู่ในฐานะเจ้าฟ้าผู้มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์

ทรงเป็นเจ้าชายที่มีพระสติปัญญาฉลาดเฉลียว มีพระปรีชาสามารถ จึงทรงเป็นความหวังของสมเด็จพระบรมราชชนกชนนี โดยโปรดเลือกให้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารบกที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศมหามิตร

ตามคำทูลขอของจักรพรรดิซาร์นิโคลาสที่ ๒ เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรป พ.ศ. ๒๔๔๐ เพื่อแสดงถึงสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดสนิทสนมจึงออกพระโอษฐ์ ขอพระราชโอรสพระองค์หนึ่งไปทรงศึกษาที่ประเทศรัสเซีย

โดยทรงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ จึงทรงเป็นเสมือนตัวแทนของราชสำนักไทย ในการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่าง ๒ ราชวงศ์ และ ๒ ประเทศ

ระหว่างประทับในรัสเซีย ทรงวางพระองค์อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นที่ชื่นชมทั้งของพระจักรพรรดิรัสเซีย และพระบรมราชชนกชนนี รวมทั้งพระจริยวัตรที่ทรงปฏิบัติพระองค์กับราชวงศ์ ครูบาอาจารย์ และพระสหายก็งดงามเหมาะสม เป็นที่นิยมชมชอบของคนแวดล้อม

ด้วยพระคุณสมบัติที่เพียบพร้อม คือ รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ตลอดจนฐานันดรศักดิ์อันสูงส่ง ทำให้ทรงเป็นที่สนใจของชาวรัสเซียโดยเฉพาะสตรี ทรงไม่อาจหลีกพ้นจากความสัมพันธ์กับสตรีต่างชาติ

สตรีหลายคนทำให้ทรงพอพระทัย ประทับพระทัย แต่ก็ทรงหักพระทัยเมื่อทรงรำลึกถึงพระบรมราชชนกชนนี หน้าที่ที่ทรงมีต่อบ้านเมืองและฐานันดรศักดิ์ของพระองค์ ดังที่ปรากฏในบันทึกถึงสตรีนางหนึ่งว่า ---ฉันคิดว่าถึงเวลาเสียที ที่ฉันควรต้องเลิกติดต่อกับเธอ ในเมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงกรุงเทพฯ แล้ว---Ž

แต่เมื่อทรงได้พบกับ แคทยาŽ ความงดงามน่ารักดังที่ทรงพรรณนาว่า เป็นสุภาพสตรีสาวผมสีทองเกล้าพันรอบศีรษะ ดวงตาสีฟ้าฉายแววซื่อไร้จริตมารยา ท่าทีสง่างาม แคล่วคล่องแต่แฝงไว้ด้วยความนอบน้อมอ่อนโยนและขี้อาย

ยิ่งเมื่อได้ทรงสนทนาด้วยก็ยิ่งทรงรู้สึกว่าพระทัย ของพระองค์ดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความรัก เพราะน้ำเสียงที่สดใสอ่อนหวาน ความฉลาดเฉลียวในการโต้ตอบ ทำให้ทรงถวิลหาจนไม่อาจถอนพระทัยจากเธอได้

ยิ่งเมื่อทรงทราบว่า เธอจะต้องจากไกลในฐานะนางพยาบาล อาสาสมัครที่ต้องเดินทางไปกับกองทัพรัสเซียสู่สนามรบในไซบีเรีย เป็นระยะเวลาที่เจ้าฟ้าชายหนุ่มต้องทรงทุรนทุราย ด้วยความคิดถึงห่วงใย

และได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ลึกซึ้ง ชนิดที่ทรงรู้สึกว่าในพระชนมชีพจะขาดหญิงสาวผู้นี้เสียมิได้

ในส่วนแคทยา แม้จะมีใจต่อเจ้าชายหนุ่มแห่งสยาม แต่เมื่อรำลึกถึงความแตกต่างกันของเชื้อชาติ ศาสนา ความมืดมนของชีวิต และสภาพความเป็นอยู่ในอนาคต หากตกลงปลงใจรับรัก จึงเกิดอาการลังเล

แต่อานุภาพของความรักนั้นยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่ใครจะคาดถึง ทำให้ความคิดอ่านไตร่ตรองและความลังเลสูญสลายไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นการจากกันไกล ยิ่งทำให้ความรักของหนุ่มสาวทั้งคู่ ยิ่งทวีคุณค่าและรู้สึกตรงกันว่า ชีวิตที่จะดำเนินต่อไปนั้นจะขาดซึ่งกันและกันเสียมิได้

เจ้าฟ้าชายชาวสยามทรงคิดถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่จะต้องทรงพบ เมื่อเสด็จกลับถึงบ้านเมืองพร้อมกับหม่อมแหม่ม ความรักและความปรารถนาในตัวหญิงสาวทำให้ทรงมองข้ามอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพระบรมราชชนกชนนี หรือฐานันดรศักดิ์

มีพระดำริว่าน่าจะทรงสามารถแก้ไขได้ แต่ปัญหาความแตกต่างกันของชีวิตความเป็นอยู่ โดยเฉพาะอากาศซึ่งแตกต่างอย่างตรงข้าม และไม่อาจทรงแก้ไขได้ ทำให้ทรงพระวิตกถึงเรื่องนี้

มีพระดำริวนเวียนสับสนในระหว่างที่หนุ่มสาวห่างไกลกัน จนเมื่อทั้งสองได้มีโอกาสพบกัน แม้ใจจะตรงกัน แต่ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่ในใจทำให้หนุ่มสาวมิอาจกล่าวสิ่งใด ประโยคหนึ่งที่เจ้าชายหนุ่มทรงเอ่ยออกมาก็คือ สิ่งที่มีพระดำริว่าจะสามารถแก้ปัญหาที่ค้างคาในพระทัยได้ นั่นคือ ---ชอบพัดลมไฟฟ้าหรือเปล่า---Ž

ท่ามกลางอากาศหนาวจัดที่ต้องเผชิญมาตลอดชีวิต ทำให้หญิงสาวไม่น่าจะมักคุ้นกับพัดลมไฟฟ้าได้ แต่เพราะใจที่เอนเอียงอยู่แล้ว ประกอบกับความที่ไม่อยากแสดงตนว่า ไม่รู้จักกับเรื่องราวหรือสิ่งของในบ้านเมืองของคนที่เธอพอใจ จึงทูลตอบว่า ชอบมากŽ

คำตอบของหญิงสาวเป็นเสมือนฟ้าที่เปิดหมอกมัว ในพระทัยสลายจนหมดสิ้น ด้วยทรงรู้สึกว่าทรงสามารถแก้ไขปัญหาสุดท้ายได้ลุล่วง พระองค์จึงตรัสขอหญิงสาวแต่งงาน และขอให้เธอติดตามไปใช้ชีวิตคู่ที่เมืองสยามด้วยกัน

แม้ปลงใจที่จะแต่งงานและติดตามเจ้าชายสยาม มาใช้ชีวิตคู่กันที่บ้านเมืองของพระองค์ แต่ปัญหาเรื่องอากาศร้อนของเอเชียและเรื่องพัดลมไฟฟ้า ก็ยังคงติดอยู่ในความคิดและในใจของเธอ

ดังจะเห็นได้จากจดหมายที่เธอเขียนถึงพี่ชาย ขณะอยู่ในระหว่างเดินทางมายังสยาม ความตอนหนึ่งว่า ---มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าฉันจะต้องเผชิญกับอะไร ฉันจะมีชีวิตรอดจากสภาพอากาศแบบนั้นไหม

บางครั้งฉันเองก็รู้สึกหวาดกลัวกับอนาคตของตัวเองจริง---Ž และ ---เล็กหวาดวิตกมากว่าฉันจะไม่สามารถทนกับอากาศ ที่ร้อนอบอ้าวในเมืองไทยได้---Ž

แต่ความที่เธอเคยแต่เผชิญกับความหนาวเหน็บ รุนแรงมาตลอดชีวิต จึงมิอาจคาดเดาถึงความร้อนอบอ้าวของภาคพื้นตะวันออกได้ เธอจึงมีความคิดเพียงว่า ---แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะทนกับอากาศร้อนได้ดีกว่าความหนาวเหน็บ---Ž

และยังคิดถึงการแก้ปัญหาความร้อนของอากาศ ตามที่เจ้าชายหนุ่มตรัสบอกด้วยการ ---นอนแช่น้ำเย็นในอ่างทั้งวันและตอนกลางคืนจะนอนใต้พัดลมวิเศษตั้วนั้น---Ž

จึงอาจกล่าวได้ว่าประโยคของเจ้าชายหนุ่มที่ตรัสว่า ---ชอบพัดลมไฟฟ้าหรือเปล่า---Ž และคำตอบจากหญิงสาวชาวรัสเซียที่ว่า ชอบมากŽ นั้นจึงเป็นเสมือนการขจัดปัญหาสุดท้ายที่ค้างคาในพระทัยของเจ้าฟ้าชายแห่งกรุงสยาม

เพื่อเดินหน้าสานสัมพันธ์จนพบกับความสำเร็จ ได้อภิเษกสมรสกันอย่างลับๆ ในโบสถ์นิกายกรีกเล็กๆ ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล ก่อนที่จะพากันเดินทางกลับมาพบอุปสรรคอีกมากมายในกรุงสยาม




ขอขอบคุณ มติชนออนไลน์