ทศมาสระยาตรเข้า เนาว์วันเพ็ญสิบห้าค่ำ
ในพระธรรมคำภีร์แจ้ง แถลงเว้ากล่าวมา
ปราชญ์โบราณเพิ่นบอกว่า นรกเปิดฝาฟ้าเปิดป่อง
ญาติเทียวท่องมายามบ้าน รับทานได้ให้แต่งเตรียม
บุพพะชนวนมาเยี่ยม เพียงมื้อหนึ่งวันเดียว
เพิ่นสิเหลียวแลหา ถ่ารับทานในวันนี้
ดวงชีวีที่ดับดิ้น ดวงวิญญาณที่เวียนอยู่
ปานประตูเปิดป่องให้ ได้มาเยี่ยมรับทาน
หลังเที่ยงคืนมื้อนี้นั้น ยมภิบาลประกาศข่าว
ว่าให้รีบฝั่งฟ้าว หาญาติเจ้าที่วัดวา
เทิ่งเมื่อยล้าและหิวข้าว ย่อนฟ้าวมาแต่ทันฮุ่ง
ผ้าแพรนุ่งกะขาดส่อย ฮอยเกาะไม้เกี่ยวหนาม
ฟ้าวมายามอยากเห็นหน้า กินข้าวปลาใบตองห่อ
ลูกสิรอแม่บ่เจ้า หรืองานเข้าธุระหลาย
เห็นฝูงชนย่างซ่ายล่าย เทิ่งหญิงชายแถวท้ายวัด
มากันจัดภาชน์โภชน์พร้อม ตอมไว้ใส่กระทง
หมู่เพิ่นคงมีสุขล้ำ อิ่มหนำสำราญม่วน
อิ่มแล้วยังห่อม้วน เก็บไว้ใส่เสบียง
แม่นี้เพียงอยากเห็นเจ้า ข้าวบ่ห่อกะตามแต่
แม่เข้าใจอยู่ดอกหล่า ว่าทางเจ้ายากงาน
หิวอาหารเลยหวนไห้ ปานว่าใจสิขาดแหล่ง
ทั้งเหมิดแฮงอิดอ่อนล้า แฮงขาหน่อยหล่อยลง
อิงกำแพงเลาะเลียบซ้ง ในดงด้วยแฮงอ่อน
ในอุทรแสบจ้าวๆ หิวข้าวจนตาลาย
มือซาวบายไปพ้อ ใบตองห่อเศษอาหาร
ที่เพิ่นทานปันหยาย เลยบายขึ้นเลียลวบ
หวังประจวบประทังท้อง เทิ่งเหม่อมองหม่องคนผ่าน
แว่วเสียงนายยมภิบาล เพิ่นเอิ้นขานบอกแม่ ให้แวเลี้ยวสู่ถิ่นเดิม
เหมิดเวลาบ่อาจเพิ่ม เสริมตาส่องคอยมองหา
โอ้ลูกจ๋า..เจ้าอยู่ใส แม่สิไปแล้วเด้อท้าว
มื้อสิต่าวมาทางพี้ ปีหน้าเด้อสิมาใหม่
ย่างโซเซซัดไป น้ำตาไหลหลั่งย้อย สิคอยถ่าว่าปีลุน...เด้อคำเอ้ย..


ธุจ้าธุจ้า

พอแต่แต่งฮอดหม่องนี้ น้ำตาปรี่เปียกปอน
สุดสังวรพินิจโต ตีบตันสมองตื้อ
มือที่ถือปากกาแหล่ ผัดมาแวเป็นสั่นๆ
อกหวั่นไหวใจสะบั้น สุดที่กลั้นอัสสุริน
หวนถวิลคิดพ้อหน้า มารดาผู้พาใหญ่
เลยสิจบยุติไว้ ขอไปไหว้..แม่อยู่เฮือน..ก่อนเด้อ พี่น้องเอย..


:,1-