นางแม่หม้าย
อันเนื่องจากว่าช่วงนี้เครียดๆ กับอุทกภัยเนาะพี่น้อง ปีนี้น้ำท่วมคักหลายตามที่ผุข้าเกิดได้ใหญ่มา กะเห็นปีนี้ล่ะท่วมหลายคัก แต่ว่ามันกะสิท่วมไปอีกอยู่ล่ะ เรื่อยๆตามนักวิทยาศาสตร์เพิ่นว่า เพื่อเป็นการบรรเทาเนาะผุข้ากะได้นำนิทานเก่ามาเล่าสู่ฟัง แต่ว่ากะห่วงนำเรื่องที่สิเว้าไปอยู่ดอก นึงกะย่านว่าไปในทำนองบ่ดี กะให้ผุดูแลบร์อดดูแลกระทู้เพิ่นพิจารณาเบิ่งเอา พอลงได้กะลง ลงบ่ได้กะถือว่าผุข้าเอามาฝากให้เจ้าอ่านผุเดียวกะแล้วกัน อันสองกะเป็นห่วงนำผุที่สิเอาไปเล่าต่อให้ลูกฟังก่อนนอน บาดลูกถามย่านยากตอบยากอธิบายให้ลูกเข้าใจสะดอก นิทานนี่ ผุข้าซอกหาเลยไปพ้อกะเลยนำมาเล่าสู่พี่น้องฟัง คลายเครียด เชิญ ข้าน้อย....

ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีเมืองแห่งนึง ตั้งอยู่พู้น...ละติดกับภูเขา ในภูเขาหน่วยดังกล่าวกะมีพระยายักษ์ที่ซื่อว่า กุมพันธ์กับบริวารอยู่เฝ้า
ในแต่ละปียักษ์กุมพันธ์นี่ กะแต่งให้ลูกน้องไปจับเอาคนในเมืองดังกล่าวนั้น เพื่อหยังกะเพื่อมาเป็นอาหารปีละคน ๆ เป็นเวลาช้านานพอสมควรและชาวเมืองกะบ่มีปัญญาสิหาคนมีฝีมือ มีความสามารถมาปราบพระยายักษ์กุมพันธ์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ฮอดมื้อนัดหมายก็ต้องจัดคนไปที่ลานประหารหน้าประตูเมืองเพื่อรอให้ยักษ์มาจับเอา
ดังนั้นพระยาผู้ปกครองเมืองจึงออกระเบียบว่าแต่ละครอบครัว ถ้าตกมาถืกครัวเฮือนไผก็ให้จัดเอาคน คนนึงในครอบครัวไปรอถ่ายักษ์โลดโดยบ่มีข้อต่อรอง แต่ว่าให้หมุนเวียนกันไปในแต่ละปี

ตกมาในปีนี้ ผัดมาถืกครอบครัวของนางแม่หม้าย ผัวตายป๋าจาก ได้ 2-3 ปีแล้ว ลูกเต้ากะบ่มี อยู่คนเดียว พอมาฮอดวันเวลานัดหมายของพระยายักษ์กุมพันธ์นางกะต้องไปรอที่ลานประหารหน้าประตูเมืองเหมือนกับคนที่ผ่านมา(นางแม่หม้ายคนนี้กะสิอายุประมาณ 30 กว่าปีขึ้นนี้ล่ะ)
พอฮอดเวลาปั๊ป พระยายักษ์พร้อมสมุนผู้ใกล้ชิด หรือว่าเลขายักษ์หั่นล่ะกะพากันเหาะวือๆลงมาแต่ปราสาทเทิงภูเขาพู้นล่ะ พอมาฮอดลานประหารปั๊ป ก็แนมเห็นนางแม่หม้ายรอถ่าเพื่อให้ตนจับไปเป็นอาหาร
จากนั้นพระยายักษ์ก็สั่งให้เลขายักษ์ว่า “ไปจับเอาตัวนางมาให้เราเดี๋ยวนี้” ทานเลขากะก้าวขึ้นไปที่ลานประหารทันที พอไปเถิงสิจับเอานางแม่หม้าย

นางแม่หม้าย “โอ้ย ท่านพระยายักษ์เอ้ย คันสิเอาผุข้าไปกินอิหลี ขอให้แก้ปัญหาให้ผุข้าก่อนได้บ่ ข้าน้อย?”
เลขายักษ์ “เอ๊! ปัญหาของเจ้าแม่นหยัง?”
“ปัญหาของผุข้ากะบ่มีหยังหลายด๊อกเพียงแต่ฝากของนี่ไปให้พระยายักษ์เพิ่นแน”พร้อมเว้ากะพร้อมจกมือเข้าไปในใต้ง่ามขาของเลาแล้วดึง... อึ.. มานึงเส้น งอ ๆๆๆ แล้วยื่นให้เลขายักษ์ พร้อมเว้าว่า “เอ๊า เอาไปให้พระยายักษ์กุมพันธ์เพิ่น รีด...ให้มันซื่อๆๆๆ เด้อ ถ้ารีดซือมื้อใด๋จั่งกลับมาจับเอาข้าน้อยไปกิน โดยสิบ่มีข้อต่อรองอีกเล๊ย”
เลขายักษ์จับเอาเส้นดังกล่าวนำนางแม่หม้ายแล้วเดินไปยื่นให้พระยายักษ์ทันทีพร้อมทั้งนำคำเว้าของนางแม่หม้ายไปบอกพระยายักษ์
พระยายักษ์รับเอาเส้นดังกล่าวแล้วเว้าว่า “O.K. ตกลงตามนี่” แล้วกะพาลูกน้องเหาะวือกลับคืนปราสาท

3 ปีผ่านไป บ่เห็นยักษ์ลงมาจับคนในเมืองไปกินอีกเลย ชาวเมืองกะพากันแปลกใจกันไปทั่วเมืองว่าเป็นย้อนหยัง?
*** กล่าวเถิงพระยายักษ์ นับแต่ยักษ์น้อย ยักษ์กลาง ยักษ์ใหญ่ จนฮอดพระยากุมพันธ์พากันนั่งรีดขนเส้นเดียวที่นางแม่หม้ายเอาให้ กะบ่มีวี่แววว่ามันสิซือ เวทย์มนต์กลคาถา กะพากันใซ้จนบ่เหลือ มันกะยังคือเก่า ยักษ์ทังหลายนั่งแกว่งหัวเบิดปัญญาบ่มีความสามารถยืดเส้นขนนางแม่หม้ายได้
พระยายักษ์กุมพันธ์ “ปาดโท มันแม่นเส้นอิหยังเกาะสูของมนุษย์นี่ มันคือมาศักดิ์สิทธิ์กะด้อแท้ เฮ็ดแนวใด๋มันกะยังคือเก่า ไป ไปสูไปหามนุษย์คนดังกล่าวนี่เบิ่ง กะกินนับหัวมาบ่ได้แล้ว มันสิมาเสียเที่ยวกับมนุษย์คนนี่” เว้าแล้วยักษ์ทั้งหลายก็พากันเหาะลงมายังเมืองดังกล่าวแล้วกะขอให้เอามนุษย์คนนั้นมาเพื่อสิเฉลยปัญหา

พอนางแม่หม้ายมาฮอดลานประหารก็แนมเห็นพระยายักษ์และลูกน้องยืนเรียงแถวคือหลักฮั่วนี่ล่ะ จึงถามว่า
“เป็นแนวใด๋น้อ ทานพระยายักษ์ ..รีดซือ..รึยังน้อ คันซือแล้วกะจับข้าน้อยไปกินซะ คันยังบ่ทันซือ กะเอาไปรีดตืมอีกคนละเส้นๆ โลดยังมีอีกหลายอยู่” พร้อมเว้านางกะพร้อมฮื้อซิ่นขึ้นเพียงแอวทันที

พระยายักษ์พร้อมด้วยลูกน้องทั้งหลาย “ปาดสสสโท้ ขนาดเส้นเดียวยังนั่งรีดตั้ง 3 ปี คันซัวเอาไปเบิดหั่น สิใซ้เวลารีดอีกจักปี โอ้ย บ่ไหว ยักษ์ยอม บ่เอาล่ะ ขอลาก่อนบ่กงบ่กินพวกเจ้าแล้ว บาย บ่ายยยยยยยย”
กะติสอนใจ การใดคันยังบ่ทันสำเร็จ กะจงพยายามๆ ต่อไป ฮ่าๆๆๆๆนางแม่หม้ายนางแม่หม้าย