ขอขมาอัญญาถ่อนป่อนผญามายอยก
อุบาสกกำลังฮนได้ผ่อนปรนทุกข์ฮ้อน
ใสบวรเคยคุ้นผลาบุญน้อได้คุ้นแก่น
ยังเป็นแฟนแต่เค้าพระคุณเจ้าโผดผาย
สาธุ..กราบนมัสการพระอาจารย์เขมะจิตต์
ธุจ้าธุจ้าธุจ้า
ขอขมาอัญญาถ่อนป่อนผญามายอยก
อุบาสกกำลังฮนได้ผ่อนปรนทุกข์ฮ้อน
ใสบวรเคยคุ้นผลาบุญน้อได้คุ้นแก่น
ยังเป็นแฟนแต่เค้าพระคุณเจ้าโผดผาย
สาธุ..กราบนมัสการพระอาจารย์เขมะจิตต์
ธุจ้าธุจ้าธุจ้า
เจริญพรในตอนต้น สาธุชนผู้มาอ่าน
ตอบพร้อมกันเทื่อเดียวไว้ หลายคนแล้วผู้กล่าวถึง
ความในใจแสนซาบซึ้ง คนึงอยู่มีคนถาม
อยากเว้านำกะอดจา แต่งผญามาฝากไว้
กำนัลให้เป็นของต้อน เทิงเป็นพรฝากคืนส่ง
ผญาแผ่เผยประสงค์ คงปัญญาค่าคุ้น ผลบุญท้ายเป็นบ่อนหวัง...สั่นดอกโยม ฯ
อนุโมทนาทุกท่านที่ตอบมาเนาะ
เขียนผญาบ่ทัน ก็ลองเปรียบเทียบให้อ่านเล่น ๆ
2485 น้ำท่วม สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ กรมอุตุนิยมยังไม่เก่ง กรมชลประทานยังไม่เก่ง หน่วยงานต่าง ๆ ก็ยังไม่เก่ง
2554 น้ำท่วมกรุงเทพฯ สมัยนี้ มีโทรศัพท์มือถือทุกคน มีคอมพิวเตอร์เกือบทุกบ้าน กรมอุตินยมวิทยามีเครื่องมือทันสมัยมากขึ้น มีนักวิชาการเก่งๆ หลายคนสอนตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่รู้ว่าน้ำจะท่วม
มีกรมชลประทานที่อยู่ในยุครู้ข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลก รู้เรื่องทางระบายน้ำ แม่น้ำ จำนวนน้ำมากมาย หน่วยงานต่าง ๆ ล้วนมีข้อมูลในมือแทบทั้งสิ้น
แต่....น้ำก็ท่วมเหมือนกัน
2485 ยุคที่ยังใช้เกวียนอยู่ในชนบท กับ 2554 ยุคที่มีเครื่องบินและรถทันสมัยจอดค้างไว้บนทางด่วน
2485 ยุคที่คนเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ มากกว่านี้ ไม่ค่อยตัดไม้ ทำลายป่าสักเท่าใด มีน้ำท่วมเหมือนกัน และไม่โด่งดัง ไม่น่ากลัว เพราะมาและผ่านไปเร็ว
2554 ยุคที่คนเชื่อเรื่องประเทศพัฒนา ต้องตัดป่าไม้ทำรีสอร์ท สัมปทานป่าเพื่อหาเงิน น้ำท่วมมาก และวุ่นวายอยู่กับข่าวสารการป้องกันทิศทางน้ำไหล วุ่นอยู่กับจุดใดท่วมมากท่วมน้อย วุ่นอยู่กับตัวเลขการพัฒนาประเทศ (จำพวกรถแทนเกวียน และอุปกรณ์เครื่องใช้ทันสมัย) วุ่นอยู่กับตัวเลขสูญเสีย วุ่นอยู่กับการแข่งขันในเชิงข่าวสาร และวุ่นอยู่กับการแย่งกันชี้ว่าใครผิดใครถูก
2485 ยุคที่ประชาชนในกรุงเทพฯ พายเรือชมพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมรูปทรงม้า พายเรือล่องชมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
2454 ยุคที่ประชาชนตื่นตระหนกกับข่าวสาร และการยัดเยียดความสูญเสีย ตัวเลขทางเศรษฐกิจ
2485 ไทยที่เคยเป็นเมืองหลังคาทรงจั่ว กับ2554 ไทยที่เป็นยุคทรงตึก แข่งขันกันขายของหาเงินฝากธนาคาร
2485 ยุคที่คนไทยมีอาชีพเกษตรกรรม อยู่กับน้ำท่านาไร่
2554 ยุคที่คนไทย พยายามเปลี่ยนอาชีพเป็น อุตสาหกรรม มีชีวิตหลีกหนีน้ำ หนีโคลนตม
2485 ยุคที่บางกอก ขุดคลองไว้เพื่อรับน้ำมาก ๆ และระบายน้ำลงสู่ทะเล ยุคที่ประชาชนในบางกอกยังมีบ้านสวน และบ้านริมน้ำอยู่มากกมาย
2554 ยุคที่คนไทย หันหลังบ้านให้คลองในบางกอก
น้ำ.........กำลังจะถามคนไทยว่า แน่ใจหรือว่า จะเปลี่ยนจากบางกอก เป็นไทยได้สำเร็จ
กลับบ้านไปหานาไร่ตัวเองซะเถอะ ชาวสยามเอ๋ย................ฯลฯ
จ.เขมจิตต์
ยุค พ.ศ. 2554
อ่านให้เบาสมองนะ ขอเตือน
---
2485 เขาใช้วิธีการปรับตัว และอยู่กับน้ำที่ท่วมมาอย่างเข้าใจน้ำ ไม่กั้นทางน้ำ ไม่โวยวาย ไม่ตั้งแง่กัน ไม่ขึ้นราคาสินค้า ไม่ตำหนิฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่มีรถเป็นจำนวนพันจำนวนหมื่นขึ้นไปจอดบนสะพาน ไม่ต้องซื้อทรายมากั้น ไม่ต้องซื้อปูน ไม่ต้องซื้ออิฐบล็อก(แต่อาจกั้นด้วยอย่างอื่น) ไม่ต้องวิตกกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่ต้องรอดูข่าวสารจากทีวี ไม่ต้องตั้งศูนย์ ศปภ. ไม่ต้องมีผู้ว่าฯ ไม่ต้องมีส.ส.มาหาคะแนน ไม่ต้องออกทีวีเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โต ไปทั่วโลก ไม่ต้องนั่งเรือออกไปรายงานข่าวที่อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี (เพราะท่วมเหมือนกัน) ไม่ต้องบอกว่าที่นั่นที่นี่กระสอบทราย คันกั้นน้ำแตก และไม่ต้องบอกว่าน้ำจะไหลไปทางไหน ไปลงที่ใด ทะเลไหน ต่างคนต่างช่วยเหลือตนเอง และช่วยเหลือกันและกัน พายเรือกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
ประชาชนใช้ชีวิตอย่างรู้ว่า น้ำก็คือน้ำ ท่วมได้ก็ลดได้ ไหลมาได้ก็ไหลไปได้ สิ่งก่อสร้างยังไม่มาก จึงสูญเสียเท่าที่มี ไม่มีตึกรามบ้านช่องมาก ทั้งที่คลองมาก
2554 ครบ 70 ปีพอดี น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯอีก แต่คนไม่อยากให้ท่วม ไม่อยากปรับตัว กั้น โวยวายว่าคนนั้นผิด คนนี้ผิด คนนั้นปกปิดข่าวสาร คนนี้เล่นการเมือง พรรคนี้ไม่ช่วยพรรคนี้ เสื้อสีนี้ไม่มีของแจก เสื้อสีนี้มีของแจก ตั้งแง่กันคนละมุม บ้างก็ช่วยกันขนกระสอบ บ้างก็ช่วยกันรื้อกระสอบ สถานที่สำคัญต้องป้องกันไว้
กลัวความสูญเสียเพิ่มขึ้น เพราะสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้น ใหญ่โตขึ้น มากมายขึ้น ตึกรามบ้านช่องล้วนแต่สร้างมาด้วยทรัพย์สินจำนวนมาก ก็แน่นอนว่าย่อมห่วงเป็นธรรมดา
แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏผ่านมาแล้ว และที่กำลังปรากฏ ก็ช่างน่าคิดโดยธรรมชาติบังคับเหลือเกินว่า
บางอย่าง มนุษย์อย่าคิดเกินธรรมชาตินะ...จะบอกให้ ฯ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khemajitta; 09-11-2011 at 12:02.
ให้อยู่อย่างเข้าใจในธรรมชาติ
อย่าริอาจฝืนกฎคิดคตหลัก
ธรรมชาติมาเยือนเตือนให้ตะหนัก
ถ้าฝืนจักพินาจอาจวายชีวา
สูงสุดสู่สามัญหันหลังกลับ
แม้ยังขับเคลื่อนต่อรอเวลา
ธรรมชาติจะตามกลับให้ย้อนมา
ขืนก้าวหน้าพาจมระทมเอยยย
ธุจ้าธุจ้าคนสมัยนี้ตอนนี้ก็มีแต่คนเก่งๆการศึกษาสูงแต่ก็ยังไม่เห็นทำได้
เพราะไม่พากันทำ ตามพระราดำรัช ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ท่านก็แนะนำพาทำชี้แนะทุกอย่าง แต่ก็ไม่เห็นนายกสมัยไหนจะสนใจพากันทำ
ก็ต้องเจอกันแบบนี้ แล้วก็มานึกถึงพานึกคิดได้ เขาเรียกว่าวัวหายแล้วล้อมคอก
ท่านอาจารย์ เขมจิตต์ ท่านเทศมาถูกไปหมดทุกข้อทุกอย่างจริงๆเลยเจ้าค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=rsQAlpmA48Q
ขอบคุณน้องเซียง ที่อ่านผญาให้คนได้ฟังครับ
Bookmarks