กำลังแสดงผล 1 ถึง 8 จากทั้งหมด 8

หัวข้อ: หยดน้ำบนกระจกหน้ารถ

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ ทิดจ่อย
    วันที่สมัคร
    Apr 2009
    กระทู้
    773

    หยดน้ำบนกระจกหน้ารถ

    หน้าฝนนี่ช่างมีอะไรหลายๆ อย่าง ให้น่าสังเกตและน่าคิดอยู่เสมอ
    มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งดีทั้งร้ายที่ปะปนอยู่ในฤดูฝน
    ทั้งความมีชีวิตและความสิ้นชีวิตแต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
    เพราะธรรมชาติเสกสรรปั้นแต่งให้เป็นแบบนี้มีเกิดก็ต้องมีดับ
    แต่ในความรู้สึกลึกๆ แล้ว ผมชอบฤดูฝน เป็นฤดูที่แสดงถึงความมีชีวิต
    สีเขียวของพืชพันธุ์ธัญญาหาร แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์
    มีข้าวในนามีปลาในน้ำ(อาจมีคนแย้งว่าในน้ำมะพร้าวทำไมไม่มีปลา
    คำถามนี้ผมต้องขอสงวนคำตอบ อยากรู้ให้ไปถามพี่พลฯ 555)

    แต่เรื่องร้ายๆ ผมไม่อยากพูด รู้สึกหดหู่ใจ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

    บ่อยครั้งที่ผมสังเกตในขณะขับรถยนต์ไปทำงาน สังเกตเห็นน้ำฝนที่เกาะ
    อยู่ตามกระจกหน้ารถยนต์ ทำให้ผมอดคิดเปรียบเทียบกับชีวิตตนเองไม่ได้

    ตามทฤษฎีของน้ำแล้ว ย่อมจะไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ แต่หยดน้ำที่เกาะอยู่ตาม
    กระจกหน้ารถยนต์ จะเคลื่อนตัวหรือใหลขึ้นข้างบนและจะระเหิดแห้งไปในที่สุด
    ซึ่งค้านกับทฤษฎีของน้ำ ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวแปร เช่นแรงต้านของ
    อากาศ และความเร็วหรือการเคลื่นตัวไปข้างหน้าของรถยนต์

    ไม่รู้ผมคิดเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเองได้ยังไง ผมอาจคิดมากไปก็ได้ แต่ก็ช่างเถอะ
    มีความคิดดีกว่าไม่มี (555) ชีวิตเปรียบหยดน้ำ ความคิดจิตใจ เปรียบเสมือนทฤษฎี
    ของน้ำ แรงต้านของอากาศและความเร็วของรถยนต์ เปรียบสังคมหรือบริบทของชีวิต
    เมื่อทฤษฎีของน้ำคือความคิดความฝัน(หมายถึงความคิดความฝันในทางบวก
    คนละความหมายกับคำพระเทศ "ตามใจน้ำสิใหลลงทางหลุ่ม บ่อมีใหลแล่นขึ้น
    เมือฟ้ายอดดอย" ซึ่งหมายถึงการใหลตามกิเลส)
    ต้องการดำเนินไปในรูปแบบที่ใจ
    ต้องการ แต่ทานแรงต้านของอากาศคือบริบทของชีวิต ความเร็วของรถคือการ
    เปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐิกิจ/การเมือง/สังคมไม่ไหว จำต้องฝืนดันทุรังตาม
    แรงต้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    การทำอะไรก็ตามที่เป็นการฝืนจะเหนื่อยและหนักกว่าปกติเสมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
    ตัดทอนกำลังและบั่นทอนชีวิตได้หลายเท่าของปกติ ผมคิดและฝันเสมอที่จะดำเนินชีวิต
    ตามแบบของตัวเอง คือการเป็นชาวไร่ชาวนาธรรมดาอยู่กับธรรมชาติ ไม่ต้องแก่งแย่ง
    แข่งขันกับใคร ไม่ต้องทำงานประสานกับคนทั้งที่ใช้ภาษาเดียวกันแต่ก็ลำบาก
    ในการประสานงาน ในการทำงานมีอะไรให้โต้แย้งอยู่เสมอ ทั้งรูปแบบการบริหารงาน
    ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่างคนต่างคิดต่างจิตต่างใจ แต่ละวันสร้างความเครียด
    อยู่เป็นนิจ ต่อสู้ดิ้นรนปากกัดตีนถีบ (ไม่ใช่ปากกัดรุ่นพี่ตีนถีบรุ่นน้องนะครับ) เพื่อให้งานสำเร็จและมีประสิทธิภาพ

    แต่ก็นั้นหล่ะ ด้วยเหตุปัจจัยหลายหย่างอยากจะพอเพียงแต่ไม่เพียงพอ อีกทั้งตัวแปรอื่น
    ที่เป็นสายโซ่ตวัดรัดรอบลากถูไปบนถนนที่บางแห่งราบเรียบบางแห่งขรุขระทุลักทุเล
    การพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นดูเหมือนยิ่งรัดแน่นทุกขณะ ไม่ต่างอะไรจากปลาติดอวน
    จึงได้แต่ฝืนเพื่อรอเวลาแห้งเหือดเหมือนหยดน้ำที่เกาะอยู่บนกระจกหน้ารถยนต์
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทิดจ่อย; 12-10-2011 at 20:38.

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •