ผู้หญิงไทยเดี๋ยวนี้เก่งนะครับทั้งทำงานบ้านทั้งเลี้ยงลูก ไหนจะดูแลครอบครัวและพ่อแม่ตัวเอง บางคนพ่วงการดูแลครอบครัวของสามีอีก (อันนี้หมายถึงญาติของสามีนะครับ ไม่ใช่ครอบครัวเล็กครอบครัวน้อยของคุณสามี) ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่จะต้องหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง ข้าวของส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหาร ผลไม้ บางคนสะพายเป้หนังสือของลูกไว้ข้างหลัง สะพายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คไว้ไหล่ขวา มือซ้ายจูงลูก มือขวาหิ้วอาหารการกิน...เห็นแล้วก็ลุ้นใจแทบขาดให้เธอไม่หกล้ม...เพราะเธอสวมรองเท้าส้นสูงครับ… 555+++

พูดถึงผู้หญิงแล้วทำให้ผมนึกถึงภาระอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงที่ผู้ชายทำไม่ได้ นั่นก็คือการตั้งครรภ์ มีลูกแล้วก็คลอดลูกครับ ซึ่งภาระหน้าที่ตามธรรมชาตินี้ก็ส่งผลให้กฎหมายเข้าไปคุ้มครองคุณแม่ที่ทำงานให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเพื่อการทำหน้าที่ของแม่นักทำงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541ครับผม

ระหว่างตั้งครรภ์...ห้ามทำงานนอกเวลา
ปกติแล้วงานหนักๆ กฎหมายก็ห้ามไม่ให้นายจ้างใช้ให้คุณผู้หญิงทำอยู่แล้วนะครับ งานพวกนี้ก็คือ งานเหมืองแร่หรืองานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ หรือปล่องในภูเขา งานที่ต้องทำบนนั่งร้านที่สูงกว่าพื้นดินตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป หรืองานผลิตหรือขนส่งวัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ ถ้านายจ้างคนไหนให้ลูกจ้างหญิงทำงานประเภทนี้ถือว่าผิดกฎหมายแรงงานเลยนะครับ

ยิ่งถ้าเป็นคุณผู้หญิงตั้งครรภ์ กฎหมายห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ทำงานในระหว่างเวลา 4 ทุ่ม – 6 โมงเช้า ห้ามทำงานล่วงเวลา ห้ามทำงานในวันหยุดหรือทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ *งานเกี่ยวกับเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ที่มีความสั่นสะเทือน * งานขับเคลื่อนหรือติดไปกับยานพาหนะ *งานยก แบก หาม หาบ ทูน ลาก หรือเข็นของหนักเกิน 15 กิโลกรัม * งานที่ทำในเรือ หรืองานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หากนายจ้างฝ่าฝืนมีโทษขั้นต่ำปรับไม่เกิน 5,000 บาท โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำล่วงเวลาได้...สำหรับบางงานแต่กฎหมายก็ยกเว้นให้สำหรับงานล่วงเวลาที่นายจ้างอาจให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ทำงานได้ อาทิเช่นลูกจ้างที่ทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร งานวิชาการ งานธุรการ รวมทั้งงานเกี่ยวกับการเงินหรือบัญชี สามารถทำงานล่วงเวลาในวันทำงานได้ (ไม่ใช่ล่วงเวลาในช่วงวันหยุดนะครับ) โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง

[SIZE="3"]เปลี่ยนรูปแบบงานได้...ถ้าหมอยืนยัน[/SIZE] ในกรณีที่ลูกจ้างซึ่งตั้งครรภ์ไปหาหมอแล้วมีใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งมาแสดงว่าไม่อาจทำงานในหน้าที่เดิมอีกต่อไป (เพราะอาจส่งผลต่อทารกและสุขภาพของเธอได้) ลูกจ้างคนนั้นมีสิทธิขอให้นายจ้างเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมชั่วคราวในช่วงก่อนหรือหลังคลอด แล้วให้นายจ้างพิจารณาเปลี่ยนงานที่เหมาะสม ถ้าหากลูกจ้างหญิงขอเปลี่ยนงานแล้วนายจ้างไม่ให้ (ทั้งๆ ที่เธอมีใบรับรองแพทย์) แบบนี้นายจ้างมีโทษขั้นต่ำปรับไม่เกิน 5,000 บาท โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ

ปลดออกเพราะเหตุตั้งครรภ์...ไม่ได้ นายจ้างบางคนเกรงว่าหญิงมีครรภ์จะทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิม หรือเมื่อเธอมาขอเปลี่ยนลักษณะงาน เห็นเรื่องมากแบบนี้ก็เลยจัดแจงให้เธอออกจากงานเพราะต้นเหตุมาจากการตั้งครรภ์ แบบนี้กฎหมายก็ไม่ให้สิทธินะครับ จะมาอ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้าแล้วให้ลูกจ้างหญิงตั้งครรภ์ออกจากงาน นายจ้างมีโทษขั้นต่ำปรับไม่เกิน 5,000 บาท โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับครับ

ลาคลอดได้ไม่เกิน...3 เดือน นอกจากได้รับการคุ้มครองระหว่างการทำงานแล้วนะครับ กฎหมายยังคุ้มครองลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ให้มีสิทธิลาคลอด (ในแต่ละครรภ์) ได้ไม่เกิน 3 เดือนครับ โดยมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 45 วัน นอกจากนี้ในบางหน่วยงานก็จะให้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมในเรื่องการลาคลอดอีกนะครับ (แล้วแต่ข้อกำหนดให้สิทธิลูกจ้างของหน่วยงานนั้นๆ)

กฎหมายไทยให้ความสำคัญกับการสร้างครอบครัวดูแลทรัพยากรของชาติและสุขอนามัยแม่ลูก ดังนั้นถ้าคุณผู้หญิง คิดจะมีลูกหรือตั้งครรภ์ แม้ว่าคุณยังทำงานอยู่กฎหมายก็ดูแลคุณครับ...ไม่ต้องเป็นห่วง

ต้องขอโทษพี่น้องสมาชิกด้วยที่หายไปนาน ตอนนี้ผมเน้นศึกษาภาษาอังกฤษ เพราะว่ามันแตกแขนงเหมือนบาลีกับสันสกฤต คือมีอังกฤษแบบอเมริกันกับอังกฤษแบบบริทิชครับ