กลับมาถึงเมืองหลวงปักกิ่งได้ไม่นาน วันหนึ่ง รั่วซีกำลังคุยอยู่กับสิบสี่ ถามว่าองค์ชายสิบกับพระชายาเขาเป็นไงบ้าง เพราะวันก่อนได้ยินว่าป่วย แล้วเวลาองค์ชายสิบป่วยทีไร เหมือนจะมีเรื่องกับพระชายาทุกที สิบสี่ก็แซวว่านี่ถ้าไม่ใช่เพราะโตมาด้วยกันจนรู้ไส้รู้พุงกันดี มาโดนถามแบบนี้นี่ข้ามีหวังได้เข้าใจเจ้าผิดแหงๆ มีอย่างที่ไหนมาสนใจถามไถ่เรื่องส่วนตัวของผัวเมียเขาขนาดนี้ ? พูดจบก็เล่าให้ฟัง เล่าไปสองคนก็หัวเราะฮากันไป เพราะคู่องค์ชายสิบนี่นิสัยใจร้อนเอาเรื่องด้วยกันทั้งคู่ จึงทะเลาะกันบ่อยมาก


ระหว่างที่กำลังคุยกันไปหัวเราะกันไป อวี้ถานก็วิ่งหน้าซีดมาบอกข่าวร้ายว่า...องค์ชายรัชทายาทขอฮ่องเต้ให้ยกรั่วซีให้เขา
เมื่อได้รู้ข่าวนี้ รั่วซีก็เป็นลมล้มพับไปทันที สิ่งที่นางกลัวได้เกิดขึ้นแล้ว การแต่งงานที่หัวใจไม่อาจเลือกได้แล้วชีวิตที่เหลือล่ะ จะอยู่เพื่ออะไร องค์ชายสิบสี่รีบวิ่งเข้าวังหลวงไปสืบข่าวให้แน่ชัด
แม้องค์ชายรัชทายาทจะขอรั่วซี แต่ฮ่องเต้ยังไม่ได้รับปาก ระหว่างที่รอฟังข่าว รั่วซีกังวลมากจนนอนไม่หลับ จึงออกไปยืนตากน้ำค้างจนวันรุ่งขึ้นล้มป่วยหนักถึงขั้นไม่ได้สติ

ระหว่างที่รู้สึกตัวแบบเบลอๆ ร้องจะดื่มน้ำ ก็เห็นว่าองค์ชายสี่นั่งอยู่ข้างเตียง เทน้ำใส่ถ้วยป้อนให้แล้วบอกว่า ตอนนี้ฮ่องเต้ยังไม่รับปาก ยังไม่ต้องใจเสีย เรื่องยังไม่แน่นอน มีโอกาสพลิกผันอยู่ รั่วซีร้องไห้ทันทีนึกถึงคำที่องค์ชายสี่พูดเมื่อตอนอยู่มองโกล และบอกว่า สิ่งที่กลัวที่สุดคือการไม่ได้เลือกหัวใจให้กับตัวเอง นางควรจะทำอย่างไร องค์ชายสี่จับมือรั่วซีไว้แน่นดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนจนหัวใจของนางอ่อนไหววูบ
ก็เจ้าดื้อเหลือเกินนี่ ไม่ยอมเลือกทั้งที่มีคน...เหมือนจะเก็บถ้อยคำนั้นไว้องค์ชายสี่ปล่อยมือก่อนที่บอกว่าอย่ากังวลเขาจะหาทางช่วยนางเองก่อนจะจากไป

หลังจากองค์ชายสี่กลับไป สิบสี่ก็มาเยี่ยม ย่อตัวลงกระซิบบอกที่ข้างหูว่า รู้ไหมว่าทำไมรัชทายาทถึงขอเจ้าแต่งงาน ? เพราะหยกชิ้นนั้นกับที่เจ้าสนิทกับหมินหมิ่นนั่นแหละ ! วันนี้ฎีกาขอให้เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งองค์หญิงหมินหมิ่นกับเจ้าชายมองโกลเพิ่งมาถึง การข่าวของรัชทายาทไวมาก เพราะแสดงว่าเขารู้เรื่องนี้อยู่ก่อน ถึงได้รีบขอเจ้าแต่งงาน ตอนนี้รัชทายาทถูกคนมองโกลเหม็นขี้หน้าอยู่ เขาจึงคิดจะใช้การแต่งงานกับเจ้าทำคะแนนกลับมา จากนั้นถามรั่วซีว่า เจ้าอยากแต่งงานกับรัชทายาทหรือเปล่า ? รั่วซีส่ายหน้า สิบสี่จึงบอกว่า ตอนนี้พี่แปดไม่สะดวกจะมาพบเจ้า ได้แต่ฝากข้ามาบอกว่า ให้พยายามถ่วงเวลาให้ได้สักสิบวัน เรื่องก็จะมีการพลิกผันเอง

หลังจากสิบสี่กลับไปแล้ว องค์ชายสี่ก็ส่งคนมาบอกให้รั่วซีพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเช่นกัน รั่วซีนึกวิธีถ่วงเวลาอย่างอื่นไม่ออก นอกจากทำให้ตัวเองล้มป่วยนานที่สุด จึงจงใจออกไปตากน้ำค้างและเอาน้ำรดตัวเองทั้งคืน

ได้ผลสมใจ วันรุ่งขึ้นเจอไข้กลับทั้งที่ไข้ยังไม่หายดี เลยป่วยหนักมากไปเลย และเพื่อถ่วงเวลาให้หายช้าที่สุด จึงรับยาหมอมาแต่ไม่กิน ผลคือป่วยหนนี้นอนแบบอยู่กับเตียงรวมเวลาได้เดือนครึ่ง คำสรุปของคังซีคือ เขายังอยากจะเก็บรั่วซีเอาไว้รับใช้ใกล้ตัวอีกสักพัก ยังไม่อยากให้แต่งงานตอนนี้

รั่วซีเริ่มมาคิดว่า ตัวเองไม่มีทางหนีพ้นชะตากรรมโดนราชโองการสั่งให้แต่งงานจริงๆ จึงคิดจะหาทางออกที่ดีทีสุดให้ตัวเองด้วยการเป็นฝ่ายเลือกดีกว่าเป็นฝ่ายถูกเลือก จึงมาไล่ดูพวกองค์ชายที่สนิทด้วยทั้งหมดว่าจะเลือกแต่งกับใครดี องค์ชายแปดตัดทิ้งไปได้เลย เพราะยังมีชนักปักหลังอยู่ ฮ่องเต้ไม่มีทางยกนางให้แต่งงานด้วยแน่ ต่อมาองค์ชายสิบสามก็ไม่ได้ เพราะหมินหมิ่นได้โมโหแน่ว่านางปากว่าอย่างการกระทำเป็นอีกอย่าง ส่วนสิบสี่ก็ไม่ได้ เพราะนอกจากจะเป็นคนของกลุ่มองค์ชายแปดแล้ว สิบสี่เองก็คงไม่อยากแต่งกับนางเหมือนกัน สุดท้ายรั่วซีตัดสินใจว่า ในเมื่อจะเลือกแต่งทั้งที ก็เลือกคนที่ปลอดภัยและมั่นคงที่สุดไปเลยสิ คือองค์ชายสี่ ว่าที่ยงเจิ้ง
วันหนึ่งรั่วซีปักปิ่นที่องค์ชายสี่ให้มา พอเห็นองค์ชายสี่เดินมากับสิบสาม นางก็เดินเข้าไปหา องค์ชายสี่สังเกตเห็นปิ่นทันที สิบสามเห็นพี่กับรั่วซีสีหน้าดูประหลาด จึงเลี่ยงออกไปเปิดโอกาสให้อยู่กันตามลำพังโดยไม่ต้องให้บอก


เมื่ออยู่กันตามลำพัง องค์ชายสี่ก็ถามว่าวันนี้ทำไมปักปิ่นที่เขาให้มา ? รั่วซีบอกไปตามตรงว่าอยากให้องค์ชายสี่ขอนางแต่งงาน องค์ชายสี่ถามเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกเขา รั่วซีตอบว่า เพราะถึงจะรอดพ้นจากการขอแต่งงานของรัชทายาทไปได้ แต่หนหน้าอาจเจอใครที่เป็นแบบรัชทายาทอีก แบบนั้นขอตายดีกว่า แต่นางยังอาลัยชีวิตอยู่ จึงตัดสินใจเลือกต้นไม้ที่พึ่งพาได้แน่ๆ

องค์ชายสี่ยิ้มน้อยๆย้อนถามว่าแล้วรู้ได้ยังไงว่าต้นไม้ที่เลือกยินดีให้เกาะ ? จากนั้นบอกว่า ตอนนี้ไม่มีใครกล้าขอรั่วซีแต่งงานหรอก เพราะจะเท่ากับเป็นการแย่งกับรัชทายาทซึ่งๆ หน้า ดังนั้นตอนนี้จึงได้แต่รอเวลาและโอกาสเท่านั้น แต่ในเมื่อรั่วซีเลือกเขาแล้ว ทั้งยังบอกว่าอยากแต่งงานกับเขา งั้นต่อไปก็ห้ามคิดถึงคนอื่นแล้ว แววตาคู่นั้นมีรอยยิ้มน้อยเผยออกมาก่อนจะบอกให้รั่วซีไปที่พักได้

รั่วซีกลับมาถึงที่พัก ก็เจอองค์ชายแปดยืนรออยู่ รีบบอกขอบคุณ เพราะที่รั่วซีรอดมาได้หนนี้ เหตุผลสำคัญเป็นเพราะองค์ชายแปดช่วยวิ่งเต้นให้อยู่เบื้องหลัง องค์ชายแปดเหยียดยิ้ม บอกว่าใครๆ ก็รู้กันทั่วว่ารัชทายาทบ้าผู้หญิง ยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมให้รั่วซีต้องไปเป็นของคนแบบนั้นอยู่แล้ว อย่าว่าแต่อีกไม่นานรัชทายาทก็จะโดนดี ขืนรั่วซีไปแต่งงานด้วย จะพลอยติดร่างแหตามไปด้วยเสียเปล่าๆ จากนั้นถามว่า รั่วซีนึกเสียใจบ้างหรือเปล่า ? (ที่เลิกคบกับเขา) รั่วซีบอก เสียใจแล้วจะมีผลอะไรหรือ ตอนนี้ท่านแต่งงานกับข้าได้ไหมเล่า ? องค์ชายแปดเมินหน้าหนี บอกว่า ช่วงนี้เสด็จพ่อจะยังไม่ยกเจ้าให้ใคร ส่วนหลังจากพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ก็ต้องดูสถานการณ์กันอีกที รั่วซีก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้มหยัน

นิ่งกันไปครู่หนึ่ง องค์ชายแปดก็ถามว่า เขามีเรื่องหนึ่งจะถาม เพราะครั้งก่อน ตอนที่เคยถามรั่วซีว่าได้ยินเสด็จพ่อเขาคุยอะไรกับรัชทายาท รั่วซีบอกว่าไม่ได้ยิน แต่ตอบเหมือนกันว่า ฮ่องเต้ยังรักรัชทายาทมากอยู่ แล้วก็พูดได้ตรงมาก เพราะต่อมาไม่นานรัชทายาทก็ได้คืนตำแหน่ง ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงอยากถามความเห็นของรั่วซี ว่าหากรัชทายาทถูกปลดตำแหน่งอีกครั้ง จะมีโอกาสได้คืนตำแหน่งอีกไหม ?

รั่วซีตอบว่า รัชทายาทคืนตำแหน่งหนนี้ แทนที่จะทำตัวดี กลับทำตัวให้คังซีรู้สึกแย่มากขึ้นทุกที จนตอนนี้คังซีหมดรักในตัวรัชทายาทแล้ว และพร้อมที่จะตัดสัมพันธ์เต็มที่ องค์ชายแปดก็ยิ้ม แล้วถามว่าเรื่องแต่งงาน รั่วซีวางแผนไว้ว่ายังไง ? รั่วซีบอก ชีวิตใครชีวิตมัน ต่างคนต่างเลือก ในตอนนั้นองค์ชายแปดเลือกที่จะที่จะปล่อยนางไปแทนถอนตัวจากศึกชิงบัลลังก์ มาวันนี้ ถึงคราวนางเป็นฝ่ายเลือกบ้างแล้ว องค์ชายแปดมองหน้ารั่วซีนิ่ง ถามว่าเจ้ามีคนอื่นอยู่ในใจแล้วหรือยัง ? รั่วซีใจกระตุกวูบ โพล่งถามว่าเหตุใดท่านจึงเอาแต่ถามคำถามนี้ ? ในใจของข้าจะมีใครก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะต้องมากังวล ! องค์ชายแปดถามว่า เจ้าคิดจะเลือกใคร ? ทางที่ดีอย่าได้เลือกพี่สี่ ไม่อย่างนั้นจะพลอยติดร่างแหโชคร้ายไปด้วย รั่วซีฟังแล้วใจหายวูบ แต่ปากตอบไปว่า จะใช่หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับท่าน อย่าว่าแต่ทั้งท่านและข้าต่างก็รู้ดีว่า คนที่เลือก ไม่ใช่ข้า แต่เป็นฮ่องเต้ต่างหาก!!!

ไม่กี่วันต่อมา พระสนมท่านแม่ขององค์ชายแปดก็สิ้นบุญ องค์ชายแปดเสียใจมากจนล้มป่วยอยู่กับบ้านหลายเดือน โดยในระหว่างนี้ รั่วซีใจแข็งไม่ถามไถ่ข่าวคราวหรือฝากคำปลอบใจไปให้เลย

หลังงานศพผ่านพ้นไปได้ไม่นาน วันหนึ่ง รั่วซีแอบมาที่ตำหนักของท่านแม่องค์ชายแปดเพื่อเอาดอกไม้มาวาง ก็เจอกับสิบสี่เข้าโดยบังเอิญ สิบสี่เห็นแล้วถอนใจ บอกว่าจะว่ารั่วซีไม่มีใจ ก็เห็นเอาดอกไม้มาให้ จะว่ามีใจ ก็ไม่ยอมแม้แต่จะถามไถ่ข่าวคราวพี่แปดเลย ทั้งที่พี่แปดคอยวิ่งเต้นช่วยรั่วซีมาตั้งเท่าไหร่ รู้หรือเปล่าว่าพี่แปดเสียใจและเจ็บปวดกับความไร้น้ำใจของรั่วซีมากแค่ไหน


รั่วซีบอก สิบสี่ รู้หรือเปล่าว่าความคิดถึงน่ะเป็นเหมือนหนามที่คอยทิ่มตำใจอยู่ตลอด ก่อนหน้าที่พระสนมจะสิ้นบุญไม่กี่วัน นางได้คุยกับองค์ชายแปด เขาบอกเองว่าตอนนี้ไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ ในเมื่อไม่สามารถแต่งงานกันได้แล้ว ยังจะมัวคิดถึงกันไปทำไมอีก ตัดกันให้ขาดไปเลยดีกว่า ดังนั้นนางจึงจงใจทำแบบนี้ องค์ชายแปดยิ่งเสียใจมากก็ยิ่งตัดใจได้ง่าย สิบสี่ก็นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วถามว่า รั่วซีลืมพี่แปดได้แล้วหรือ ? รั่วซีตอบว่า ลืมได้แล้ว สิบสี่จึงฝืนยิ้ม บอก เอาเถอะ นับจากนี้ไปเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของรั่วซีกับพี่แปดอีกแล้ว และหลังจากนี้ไป เหตุการณ์พลิกผันยากคะเน ให้รั่วซีพยายามระวังตัวเอาไว้ให้มาก หลบเลี่ยงอะไรได้ก็พยายามหลบๆ ไปซะ ก่อนจะเดินจากไป

วันหนึ่งระหว่างที่รั่วซียืนเหม่ออยู่ในลานของเรือนพัก องค์ชายสี่ก็โผล่มาถามว่ายืนเหม่อคิดอะไรอยู่ รั่วซีบอก ไม่ได้เหม่อ กำลังชมดอกเหมยอยู่ องค์ชายสี่บอก เพิ่งรู้ว่าดอกเหมยงอกกลับหัวลงดิน ถึงต้องก้มหน้าลงมอง รั่วซีก็หัวเราะ องค์ชายสี่ถามซ้ำว่าคิดอะไรอยู่รึ ? รั่วซีบอก กำลังคิดว่าเมื่อไหร่ท่านจะยอมแต่งงานกับหม่อมฉันเสียที องค์ชายสี่บอก พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้โดยหน้าไม่แดงเลยนะ เพิ่งเคยเจอผู้หญิงหน้าหนาขนาดนี้ เห็นทีเมื่อก่อนละไม่อยากแต่งงาน ตอนนี้ดันอยากรีบแต่งเร็วๆ เสียแล้ว รั่วซีบอก ก็เมื่อก่อนมีความคิดอยากทำอย่างอื่นนอกจากแต่งงานอยู่ แต่ตอนนี้วันเวลาในวังหลวงมันชักจะไม่ค่อยสบายมากขึ้นทุกที เลยอยากรีบๆ ออกจากวังไปหาเรือนที่จะได้อยู่อย่างสงบเร็วๆ น่ะสิ องค์ชายสี่ก็มองมาอย่างเย็นชา รั่วซีย้อนถามว่านางพูดผิดงั้นหรือ ? องค์ชายสี่บอก ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่จะชอบฟังความจริง รั่วซีนิ่งคิด แล้วบอกว่า ผู้หญิงน่ะแสดงละครเก่งโดยธรรมชาติ ถ้าหากอยากให้นางพูดโกหก นางก็จะพูดให้ แต่นางรู้สึกว่าเขายินดีที่จะฟังความจริงมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเสียดแทงใจ


องค์ชายสี่ฟังแล้วคลี่ยิ้ม ประกายเย็นชาในดวงตาหายไป เดินเข้ามาปัดกลีบดอกเหมยบนผมให้ จากนั้นถามว่า ปิ่นที่เขาให้ล่ะ ? แล้วยังต่างหูที่เพิ่งให้อีก เขาหรืออุตสาห์ให้มา แล้วดันไม่ใส่ รั่วซีบอกอยู่ในห้อง แล้วเอาจี้ดอกมู่หลานออกมาให้ดู บอก แต่นางใส่สร้อยนี้อยู่นะ

องค์ชายสี่ยิ้ม พูดว่า เจ้าน่ะ เข้าใจจิตใจของตัวเองบ้างหรือเปล่า ? มัวแต่คิดมาก กลัวโน่นกลัวนี่ ระวังเรื่องโน้นเรื่องนี้ ห่วงหน้าพะวงหลังคิดคำนวณผลได้ผลเสียละเอียดยิบเกินไป เรื่องพวกนี้จะทำให้เจ้าแยกแยะความรู้สึกและหัวใจของตัวเองไม่ออกหรือเปล่า ?
รั่วซีฟังแล้วนิ่งอึ้ง มององค์ชายสี่อย่างงุนงง แล้วอยู่ๆ องค์ชายสี่ก็ดีดนิ้วใส่หน้าผากนางแรงๆ จนรั่วซีร้องโอ๊ย!!! เอามือกุมหน้าผาก โวยว่ามาดีดนางผากนางทำไม มันเจ็บนะ ! องค์ชายสี่ก็หัวเราะ โบกมือไล่ให้เข้าห้องไปพักผ่อนซะ

หลังกลับเข้ามาในห้อง รั่วซีก็ตัดสินใจถอดกำไลที่องค์ชายแปดให้มาออก
หลังถอดกำไลแล้ว รั่วซีก็รอให้องค์ชายแปดหายป่วยกลับมาราชสำนักเหมือนเดิม แต่รอเป็นเดือนองค์ชายแปดก็ยังไม่หายป่วยเสียที จึงกะจะวานสิบสี่เอาไปให้แทน
วันหนึ่ง เห็นสิบสี่ยืนอยู่กับองค์ชายสิบ รั่วซีก็เข้าไปทำมือบอกให้สิบสี่หาทางแยกองค์ชายสิบไปซะ นางมีเรื่องจะคุยด้วยตามลำพัง สิบสี่ขมวดคิ้วเป็นความหมายจนปัญญาจะช่วย ให้รั่วซีหาทางเอาเอง รั่วซีจึงยิ้มขออภัย แล้วบอกให้องค์ชายสิบช่วยหลบไปอีกทาง นางมีเรื่องจะคุยกับสิบสี่ องค์ชายสิบโมโหปัง บอกทีเวลามีเรื่องจะใช้ละเรียกหาข้า พอไม่มีเรื่องจะใช้ละไล่เชียวนะ ! มีเรื่องอะไรที่ให้เขาฟังไม่ได้กัน ! (องค์ชายสิบไม่รู้เรื่ององค์ชายแปดกับรั่วซี) พูดจบก็หันไปถลึงตาใส่สิบสี่ สิบสี่รีบบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องนะว่ารั่วซีจะคุยอะไรด้วย ถ้าจะถลึงตาใส่ก็ไปถลึงตาใส่รั่วซีโน่น องค์ชายสิบจึงหันกลับมาถลึงตาใส่รั่วซี รั่วซีถลึงตาตอบ ร้องว่า ตอนวันงานเทศกาลโคมไฟ นางเห็นองค์ชายสิบกับพระชายาเดินด้วยกันอยู่ กำลังจะเข้าไปทักอยู่เชียว องค์ชายสิบก็รีบพาพระชายาเดินหนีหายไปซะแล้ว ที่หลบหน้านางแบบนี้หมายความว่าไงหา ?! องค์ชายสิบทำหน้าจ๋อยทันที อ้อมแอ้มว่าไม่คุยด้วยแล้ว เขาพูดสู้รั่วซีไม่ได้นี่ แล้วรีบขอตัวจากไป


หลังองค์ชายสิบเผ่นจากไป รั่วซีกับสิบสี่ก็หัวเราะก๊าก สิบสี่ย้อนถามยิ้มๆ ว่าเจอพระชายาสิบแล้วแทนที่จะหลบ ดันจะเข้าไปทักเนี่ยนะ ? รั่วซีหัวเราะ บอกว่าแกล้งพูดขู่องค์ชายสิบเล่นน่ะสิ สิบสี่ส่ายหน้า บอกว่าไม่รู้เมื่อไหร่พระชายาสิบจะเลิกคิดมากเรื่องรั่วซีสักทีสิน่า พวกเราน่ะรู้ใจพี่สิบกันหมดแล้ว มีแต่พี่สิบกับพระชายาสิบเองนั่นแหละที่ยังไม่รู้ใจกันเองเลย รั่วซีบอกว่า เพราะคนดูอยู่วงนอกเห็นอะไรชัดเจนกว่าคนที่อยู่วงในน่ะสิ จากนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอากำไลที่ใส่ซองเรียบร้อยออกมายื่นให้สิบสี่


สิบสี่รับมาคลำๆ ดู พูดว่า ดูเหมือนจะเป็นกำไล หมายความว่าไงรึ ? รั่วซีบอก เอาไปคืนให้ “เขา” แต่ไม่ต้องรีบหรอก เลือกดูวันที่เขาอารมณ์ดีหน่อยแล้วค่อยคืนไป

สิบสี่นิ่งไปครู่ แล้วบอกว่าทำไมต้องมาวานให้เขาทำงานอะไรที่มีโอกาสถูกเขม่นขี้หน้าแบบนี้ด้วย รั่วซีเอาไปคืนเองสิ รั่วซีทำหน้าขอร้อง บอกว่านางก็รอจะคืนอยู่นี่ แต่องค์ชายแปดไม่มาราชสำนักสักที แล้วนางออกไปข้างนอกได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ ? สิบสี่ไม่ต้องบอกอะไรหรอก เพราะแค่เห็นกำไลนี่ องค์ชายแปดก็จะรู้เอง

สิบสี่ทำหน้าลังเล ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่ง ร้องทักไปข้างหลังรั่วซีว่า พี่สี่กับสิบสามมาแล้ว ! รั่วซีบอก ไม่ต้องมาเล่นมุกเลย ไม่เชื่อหรอกน่า แต่ปรากฏว่าองค์ชายสี่กับสิบสามมาจริงๆ ทำเอารั่วซีตกใจ รีบหันกลับไปถวายบังคมแทบไม่ทัน

สิบสามมองมาที่รั่วซีกับสิบสี่ยิ้มๆ สิบสี่ทักพี่ชายด้วยสีหน้ายิ้มแป้นว่า จะออกจากวังหรือ ? องค์ชายสี่บอก เดี๋ยวค่อยออก จะไปเยี่ยมท่านแม่ก่อน สิบสี่จึงบอกว่างั้นเขาขอตัวก่อนล่ะนะ จากนั้นหันมายิ้มให้รั่วซี แกล้งกระซิบแบบกะให้องค์ชายสี่กับสิบสามได้ยินว่า ขืนปฏิเสธเดี๋ยวจะเสียใจแย่ ขอบใจมากนะ ! แล้วเดินหลั่นล้าจากไป รั่วซีเห็นแล้วปวดหัวตงิดๆ ว่าสิบสี่กำลังเล่นอะไรกันแน่ ถึงจงใจทำให้องค์ชายสี่กับสิบสามเข้าใจผิดแบบนี้


หลังสิบสี่ลับหายไปแล้ว สิบสามก็หุบยิ้ม เดินเลี่ยงไปอีกทางเปิดโอกาสให้พี่ชายกับรั่วซีได้คุยกันตามลำพัง รั่วซีก้มหน้านิ่งคิดว่าจะอธิบายยังไงดีหว่า ? องค์ชายสี่ถามว่า ไม่คิดจะอธิบายรึ ? รั่วซีจึงตัดสินใจบอกว่า องค์ชายสี่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หม่อมฉันบอกได้เพียงอย่างเดียวว่า เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดองค์ชายสี่พูดตอบว่า ข้ายังไม่ทันซัก เจ้าก็ชิงสารภาพออกมาก่อนเสียแล้ว ที่แท้เจ้าก็แอบคบกับน้องสิบสี่จริงๆ รั่วซีฟังแล้วอ้าปากหวอ องค์ชายสี่บอก เดิมทีข้าคิดว่าเจ้ากับน้องสิบและน้องสิบสี่สนิทกันมากแบบเพื่อน จะให้ของขวัญกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่เจ้ากลับบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าคิด คนที่สารภาพเรื่องแบบนี้ออกมาเองอย่างเปิดเผยแบบนี้ได้นี่ น้อยนักจะได้เห็นจริงๆ !

รั่วซีฟังแล้วทั้งโกรธทั้งขำ พูดเสียงขุ่นว่าทำไมองค์ชายสี่ถึงชอบพูดแกล้งนางนักนะ องค์ชายสี่คลี่ยิ้ม บอก น้องสิบสี่จะคิดยังไงเขาไม่สนใจ หรือรั่วซีจะไปมาหาสู่ส่งของขวัญกับน้องสิบน้องสิบสี่เขาก็ไม่ว่า แต่อย่าให้มีเรื่องแบบยื้อยุดฉุดกระชากร้องห่มร้องไห้แบบครั้งก่อนเกิดขึ้นอีกก็พอ รั่วซีก็บอกว่า รู้แล้วเพคะกับคิดในใจว่าองค์ชายสี่นี่ก็ใจกว้างมากกว่าที่คิดเหมือนกัน ก่อนจะถวายบังคมและยิ้มใส่อีกฝ่ายที่ส่งยิ้มบอกคำรักด้วยแววตา



ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=Cy2oSiD_STY