เขาขอให้รั่วซีพยายามรักษาการวางตัวแบบนี้ต่อไป เพราะอยู่ในวังหลวงนี้ ความจริงแล้วมีคนที่ริษยาจ้องจะทำลายรั่วซี และคนที่รั่วซีไปล่วงเกินเอาไว้โดยไม่รู้ตัวอยู่เยอะมาก หากวันใดที่สูญเสียความเอ็นดูจากเสด็จพ่อ คนเหล่านี้จะมารุมเล่นงานรั่วซีพร้อมๆ กันในทันที ซึ่งพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยเหลือรั่วซีได้ จึงขอเตือนให้รั่วซีระวังตัวเอาไว้ให้ดี
รั่วซีฟังจบก็ขอบคุณมากในคำเตือนด้วยความหวังดีของสิบสาม

ในวันรุ่งขึ้น ด้วยแผนการที่องค์ชายแปดวางเอาไว้ ทำให้องค์ชายสี่โดนข้อหาว่าติดต่อกับขุนนางในพื้นที่ปล่อยข่าวลือให้ร้ายรัชทายาท ทั้งที่ความจริงแล้ว เรื่องนี้ทั้งองค์ชายสี่และองค์ชายแปดต่างมีส่วนรู้เห็น และคนที่ลงมือทำอย่างจริงจังคือองค์ชายแปด องค์ชายสี่แค่ช่วยประสานงานเท่านั้น แต่องค์ชายสี่ไม่สามารถพูดออกไปได้ เพราะขุนนางที่ติดต่อด้วยเป็นคนขององค์ชายแปด พวกนั้นเตรียมกันมาแล้วอย่างดี

คังซีกริ้วจัดกับเรื่องนี้ ถึงกับปาถ้วยชามาที่องค์ชายสี่แต่ก่อนที่จะทันได้สั่งลงโทษ องค์ชายสิบสามก็ลุกขึ้นรับสารภาพว่าทั้งหมดเขาเป็นคนลงมือเอง เขาแอบอ้างชื่อพี่สี่ไปปล่อยข่าวลือให้ร้ายรัชทายาท ดังนั้นสิบสามจึงถูกลงโทษส่งไปกักตัวที่เรือนคนเลี้ยงผึ้งซึ่งเป็นกระท่อมเก่าโทรมผุพัง หน้าร้อนร้อนแทบบ้า หน้าหนาวหนาวแทบแข็งตายโดยไม่มีกำหนดปล่อยตัว และถูกยกเลิกเงินเดือน ถูกริบยศทั้งหมด
ตอนที่สิบสามถูกคุมตัวไป ยังคงมีท่าทางสบายๆ ไม่หวั่นกลัวใดๆ เหมือนเช่นปกติ

องค์ชายสี่ได้แต่มองน้องชายที่สนิทและภักดีกับเขามากที่สุดถูกพาตัวไปโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ไม่ต้องพูดถึงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาแค้นองค์ชายแปดที่เป็นตัวการอยู่เบื้องหลังมากแค่ไหน...รั่วซีมององค์ชายสี่อย่างเป็นห่วงก่อนที่ปล่อยน้ำตาออกมาพรั่งพรูส่วนองค์ชายสี่มีแต่ความเงียบไม่มีคำพูดใดๆมือข้างหนึ่งมีเลือดหยดเป็นทางยาวเพราะกำเศษถ้วยชาไว้แน่นราวกับจะสะกดอามรณ์ทั้งหมด
หลังสิบสามถูกส่งไปกักตัว องค์ชายสี่ก็ของดงานในราชสำนักทั้งหมด เก็บตัวสำนึกผิดอยู่ที่บ้านด้วยข้ออ้างว่า เลินเล่อจนไม่ได้ตรวจพบเรื่องนี้ทันการณ์ เป็นเหตุให้ไม่ทันได้ตักเตือนน้องสิบสาม และทำให้เสด็จพ่อต้องเจ็บปวดพระทัย

เจ็ดวันต่อมา สิบสี่แวะมาหารั่วซี รั่วซีนั่งนิ่งไม่ลุกขึ้นถวายบังคมจนสิบสี่โวยว่านี่คิดจะเลิกธรรมเนียมถวายบังคมแล้วงั้นรึ และกะจะไม่คุยกับพวกเขาแล้วหรือไง แม้แต่น้ำชาก็จะไม่ให้กิน ? รั่วซีพูดเสียงเย็นว่าชุดน้ำชาเจ้าเป็นคนซื้อมาให้ ก็ต้องให้เจ้ากินน้ำชาอยู่แล้ว จากนั้นชงน้ำชาให้ สิบสี่หยิบจดหมายออกมายื่นให้รั่วซี บอกว่าจดหมายจากลวี่อู๋ นางไปคุกเข่าอยู่ที่หน้าบ้านเขาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ กว่าคนเฝ้าประตูบ้านเขาจะเข้าไปบอกเขา

จดหมายของลวี่อู๋ขอร้องให้รั่วซีหาทางขอฮ่องเต้ให้ส่งนางเข้าไปเป็นสาวใช้ปรนนิบัติสิบสามในที่คุมขัง สิบสี่บอกว่า ก่อนหน้าที่จะมาหาเขา ลวี่อู๋ไปคุกเข่าอยู่หน้าบ้านองค์ชายสี่หนึ่งวันหนึ่งคืนก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครแยแส ดูความไร้น้ำใจของพี่สี่สิ รั่วซีไม่วิจารณ์ และถามว่า ไม่มีทางช่วยทำให้ลวี่อู๋สมหวังได้จริงๆ หรือ ? สิบสี่บอก เจ้าคิดว่าข้าเลือดเย็นกับพี่น้องมากนักหรือไง ถึงอย่างไรข้ากับสิบสามก็เล่นด้วยกันมาจนโต อย่าว่าแต่เขายังเคยช่วยข้ามาก่อน แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไรด้านผลประโยชน์ ถ้าช่วยได้ทำไมจะไม่ช่วย แต่นี่เป็นเพราะเสด็จพ่อมีราชโองการอยู่ก่อน แล้วคนเฝ้าสิบสามเป็นคนที่พี่สามคัดเลือกเอง กับผ่านตาได้รับการอนุญาตจากเสด็จพ่อแล้วทั้งสิ้น ไม่มีทางหาช่องโหว่ช่วยได้เลย

ก่อนกลับไป สิบสี่เตือนรั่วซีว่า ไม่ว่ารั่วซีจะรักพี่สี่จริงหรือไม่ก็ตาม ให้รีบตัดใจซะจะดีกว่า รั่วซีก็ไม่พูดอะไร


หลังจากได้รับจดหมายของลวี่อู๋ รั่วซีก็รอโอกาสตอนคังซีออกเดินเที่ยวสวนและดูอารมณ์ดี ร้องขอตามที่ลวี่อู๋ขอมา ผลคือคังซีกริ้วหนัก สั่งให้รั่วซีคุกเข่าอยู่ในสวนอย่างนั้นโดยไม่ให้ลุก เวลาผ่านไปจนตกเย็น รั่วซีคุกเข่าจนจากตอนแรกเจ็บจนทนไม่ไหวกลายเป็นชาหมดความรู้สึกไปแล้ว

อวี้ถานที่เห็นรั่วซีไม่กลับมาที่ห้องสักทีตามมาหาร้องไห้ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ รั่วซีสั่งให้นางกลับไป เพราะถ้าฮ่องเต้รู้ว่าอวี้ถานมาหานางในตอนนี้ อวี้ถานจะพลอยได้รับโทษไปด้วย อวี้ถานจึงบอกว่าหัวหน้าขันที หลี่เต๋อเฉวียน ฝากมาบอกว่าเขาจะรอจังหวะที่ฮ่องเต้อารมณ์ดีขึ้นช่วยร้องขอให้ยกโทษให้ แล้วกลับไป

เมื่อฟ้าเริ่มมืด ฝนก็เทโครมลงมาอย่างหนัก รั่วซีหนาวมากจนแทบจะแข็ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีสายตากำลังจ้องมองมาอยู่ เมื่อมองไป ก็เห็นองค์ชายสี่ถือร่มยืนห่างออกไปข้างหน้า ในความมืดและมีม่านฝนกางกั้น ทำให้มองเห็นสีหน้าไม่ชัด แต่รู้สึกได้ถึงความปวดร้าวอย่างมาก องค์ชายสี่ปาร่มทิ้ง แล้วเดินมาหยุดยืนข้างๆ รั่วซี มือข้างหนึ่งดึงเสื้อคลุมบังฝนให้และ ยืนตากฝนเป็นเพื่อนนาง ทำให้รั่วซีรู้สึกอบอุ่นใจมาก จึงกระตุกชายเสื้ออีกฝ่าย องค์ชายสี่ย่อตัวลงมาหา จัดลูกผมที่เปียกฝนจนยุ่งบนหน้าผากให้อย่างอ่อนโยน เขามองรั่วซีด้วยดวงตาเจ็บปวดรั่วซีบอกว่า
ท่านกลับไปเถอะ ข้าเห็นความจริงใจของท่านแล้ว องค์ชายสี่รวบร่างรั่วซีเข้ามากอดแน่นทันที ในตอนนั้นสายฟ้าได้ผ่าลงมา จากแสงสว่างวาบทำให้รั่วซีมองเห็นองค์ชายแปดกับสิบสี่ยืนถือร่มห่างออกไปไม่ไกลนัก จึงตกใจ รีบดันตัวองค์ชายสี่ออก องค์ชายสี่ปล่อยรั่วซีช้าๆ แล้วลุกขึ้นยืนหันกลับไปมอง ทั้งสามคนยืนประจันหน้ากันกลางสายฝน สิบสี่มีสีหน้าตกใจ แววตาแลบประกายโมโห ส่วนองค์ชายแปดยืนยิ้มละไมด้วยสีหน้านุ่มนวลเหมือนเดิม

หลังจากต่างยืนนิ่งกันเหมือนเวลาหยุดเดินครู่หนึ่ง องค์ชายสี่ก็เดินเฉียดผ่านสองคนไปเก็บร่มที่ตกอยู่ แล้วเดินจากไป สิบสี่รีบเดินเข้ามาหารั่วซี ถามว่า รั่วซี ทำไมเจ้าถึงได้กล้า... พูดได้แค่นี้สิบสี่ก็หยุด

องค์ชายแปดเดินเข้ามาตรงหน้า แล้วย่อตัวลงจ้องหน้ารั่วซี ร่มที่ถือกางบังฝนให้ รั่วซีก้มหน้าลงไม่มองหน้าอีกฝ่าย องค์ชายแปดหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำฝนให้ ถอนหายใจพูดว่า ถึงเจ้าไม่ห่วงตัวเอง ก็น่าจะคิดถึงรั่วหลานบ้าง นางร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เจ้ายังจะมาทำให้นางต้องร้อนใจแบบนี้อีกรึ ? รั่วซีปวดใจแปลบทันที มองหน้าองค์ชายแปด องค์ชายแปดบอก เขาสั่งไม่ให้ใครบอกเรื่องนี้กับรั่วหลานแล้ว แต่จะปิดได้นานสักแค่ไหนกัน ?

รั่วซีนิ่ง แล้วเห็นชายเสื้อสีขาวขององค์ชายแปดห้อยระลงเปื้อนโคลน จึงยื่นมือไปจะช่วยรั้งขึ้นมา แต่มือยังแตะไม่ทันโดน ก็ถูกองค์ชายแปดยื่นมือออกมาปัดมือนางออกโดยแรง มือรั่วซีชะงักค้างกลางอากาศ องค์ชายแปดรั้งชายเสื้อตัวเอง แล้วลุกขึ้นยืน พูดกับสิบสี่ว่า ไปกันเถอะ

สิบสี่ทำท่าลังเล บอกให้องค์ชายแปดล่วงหน้าไปก่อน เขามีเรื่องจะถามรั่วซีหน่อย องค์ชายแปดบอก เรื่องนี้ทั้งเจ้าและข้าต่างช่วยอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับชะตาของนางเอง แม้แต่ “เขา” ก็ช่วยอะไรไม่ได้ การกระทำเรื่องใดด้วยความตั้งใจเพียงอย่างเดียว มีแต่จะทำให้เสด็จพ่อยิ่งกริ้ว เรื่องยิ่งแย่หนักกว่าเดิมเท่านั้น สิบสี่ยืนกรานว่าเขาแค่มีเรื่องจะถามรั่วซีให้เข้าใจเท่านั้น

องค์ชายแปดนิ่งไปนิด แล้วบอกว่า หมากรอบนี้ใกล้จะชนะ แต่ก็ยังไม่ได้ชนะเด็ดขาด หากเดินพลาดเพียงตาเดียวอาจเพลี่ยงพล้ำเป็นพ่ายทั้งกระดานก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ ขอให้เดินอย่างระวังตัวที่สุด จากนั้นหันกายเดินจากไป

เมื่อองค์ชายแปดไปแล้ว สิบสี่ก็ย่อตัวลงกางร่มบังฝนให้ แล้วล้วงห่อขนมออกมาจากในอกเสื้อยื่นให้รั่วซี รั่วซีกินไปแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าฮ่องเต้ไม่ได้อนุญาตให้กินของกินได้ สิบสี่ก็หัวเราะ บอกว่ากินไปแล้วก็กินๆ ไปเหอะน่า มืดแบบนี้แถมฝนยังตกอีก ใครมันจะมาเฝ้า ใครจะมาเห็นกัน ? กินขนมเสร็จก็คอแห้ง รั่วซีจึงเงยหน้าขึ้นดื่มน้ำฝน สิบสี่มองตาค้าง รั่วซีบอกน้ำฝนนี่แหละสะอาดที่สุดแล้ว สิบสี่จึงแล้วถอนหายใจ บ่นว่าทีหลังเขาต้องจำใส่ใจให้ตลอดแล้วว่ารั่วซีไม่ใช่กุลสตรีในห้องหอ จากนั้นนิ่งไป แล้วถามว่า ที่รั่วซีทำแบบนี้คู่ควรแล้วหรือ ?

รั่วซีนิ่งมองพื้นนองน้ำฝนโดยทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน สิบสี่พูดว่า “ตอบข้าสิ”

เมื่อรั่วซียังคงไม่สนใจจะตอบ สิบสี่ก็จับไหล่รั่วซีเขย่า พูดเสียงอ่อนลงว่า “รั่วซี ขอร้องล่ะ ตอบข้ามาสิ !” รั่วซีมองหน้าสิบสี่อย่างตกใจปนงง แต่พอเห็นแววตาสิบสี่ดูร้อนใจอยากรู้คำตอบจริงๆ จึงใจอ่อน ตอบไปว่า

“ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่ข้าคิดว่าสมควรทำ กับมิอาจไม่กระทำเท่านั้น ไม่เกี่ยวหรอกว่าคู่ควรหรือไม่คู่ควรที่จะทำ หากเจ้าต้องการให้ข้าบอกเหตุผล ข้าก็คงบอกได้เพียงแค่ว่า หากองค์ชายสิบสามเจอเหตุการณ์เดียวกับที่ข้าเจอนี้ เขาจะทำเหมือนอย่างที่ข้าทำอย่างแน่นอน แม้ทราบดีว่าผลลัพธ์จะเลวร้ายมากเพียงใด”

สิบสี่สูดหายใจลึก แล้วถามว่า ถ้าคนที่โดนแบบสิบสามคือเขา รั่วซีจะทำแบบที่ทำนี้ไหม ? รั่วซีมองหน้าสิบสี่โดยไม่ตอบ สิบสี่ถอนหายใจ พูดว่า ข้ารู้ว่าเจ้าคงคิดจะบอกว่า หากเป็นสิบสามจะไม่มีทางถามคำถามอะไรแบบนี้ออกมาสินะ เขาเข้าใจเจ้า แต่ข้าไม่เข้าใจ และเพราะข้าไม่เข้าใจ ข้าถึงต้องถามให้เข้าใจ รั่วซี บอกข้ามาตามตรงสิ ถือว่าเห็นแก่ที่เรารู้จักกันมาแต่เด็ก

รั่วซีพูดอย่างอ่อนโยนว่า ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายสิบหรือเจ้าเจอเรื่องแบบนี้ ข้าก็จะช่วยแบบเดียวกันนี้เหมือนกันนั่นแหละ
สิบสี่คลี่ยิ้ม ถามต่อว่า งั้นตอนอยู่ที่มองโกล ตอนที่เกิดเรื่องพวกนั้น ต่อให้ไม่มีพี่แปด เจ้าก็จะยังคงช่วยข้าอยู่ดี ถูกไหม ? รั่วซีพยักหน้า แล้วมองชายเสื้อสิบสี่ พูดว่า เสื้อเปียกหมดแล้ว รีบกลับไปเถอะ รอจนฮ่องเต้หายกริ้วแล้ว ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเองแหละ

สิบสี่ยัดร่มให้รั่วซี รั่วซีส่ายหน้า บอกว่า ถึงยังไงก็เปียกหมดแล้ว อีกอย่าง ฮ่องเต้ไม่ได้อนุญาตให้นางกางร่ม สิบสี่จึงถือร่มลุกขึ้นยืน หันกายเดินจากไป เร็วขึ้นๆ จนกลายเป็นวิ่ง

ในขณะที่ตำหนักขององค์ชายสี่ก็มีร่างของใครคนหนึ่งยืนนิ่งท่ามกลางสายฝนดวงตาคู่นั้นมีหยาดหยดน้ำตาไหลเอ่อ ดวงตาปวดร้าว เขาโทษตัวเองว่า แม้ขนาดหัวใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้เขาไม่สมควรที่จะถูกใครรักจริงๆ ทั้งรั่วซีและน้องชายที่รักที่เป็นแบบนี้เพราะเขาคนเดียว!!!!!

หลังจากนั้นไม่นาน รั่วซีก็มีอาการทั้งหิวจนตาลาย เหนื่อย และไข้ขึ้นมาฟื้นอีกที รั่วซีอยู่ในห้องของตัวเองแล้ว และได้รู้ว่า หลังแยกจากนางในคืนนั้น สิบสี่ได้ไปคุกเข่าต่อคังซีร้องขอให้ยกโทษให้นาง
ไม่แค่นี้ คังซียังส่งหมอหลวงประจำพระองค์ หมอหลวงหลี่ ซึ่งเป็นหมอหลวงที่เก่งที่สุดมารักษาอาการป่วยให้รั่วซีอีกด้วย องค์ชายสิบกับสิบสี่มาเยี่ยมรั่วซี บังเอิญเจอหมอหลวงเข้าที่หน้าประตูพอดี จึงเข้ามาด้วยกัน

หมอหลวงหลี่ตรวจชีพจรรั่วซีอยู่นานมาก แล้วถามว่า ระยะนี้นอนหลับสนิทไหม ? รั่วซีบอก นอนหลับไม่ค่อยสนิทมาได้พักใหญ่แล้ว และนอนได้น้อยลงทุกที ทั้งยังสะดุ้งตื่นง่าย ตื่นแล้วก็นอนต่อไม่หลับอีก หมอหลวงถามต่อว่า แล้วกินข้าวได้หรือเปล่า ? รั่วซีบอก หิวบ่อย แต่กินไม่ค่อยลง กินได้นิดเดียวก็อิ่ม หมอหลวงจึงบอกว่า รั่วซีมีอาการหวาดกลัวมากเกินขีดจำกัดของจิตใจจะรับได้ไหวติดต่อกันมาเป็นเวลานานมากเกินไป แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังสาว ยังแข็งแรงดีอยู่ หากบำรุงดูแลให้ดีๆ สัก 2-3 ปีก็จะหายดี

หลังจากหมอหลวงกลับไป สิบสี่ก็จ้องรั่วซีเขม็ง ถามว่า “มีอาการหวาดกลัวมากเกินขีดจำกัดของจิตใจจะรับได้ไหวติดต่อกันมาเป็นเวลานานมากเกินไป” งั้นรึ ? นี่วันๆ เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่ ?


รั่วซียิ้ม หาทางเบนความสนใจโดยบอกว่า หมอหลวงบอกว่าพักรักษาตัวดีๆ สักพักก็จะหายดีไง แล้วเรื่องครั้งนี้ขอบใจมากนะ สิบสี่บอก ไม่จำเป็นต้องขอบใจ ข้าติดค้างน้ำใจเจ้าตั้งสองครั้ง ไม่ว่าครั้งไหนก็หนักกว่าครั้งนี้ทั้งนั้น

องค์ชายสิบลากเก้าอี้มานั่ง ลากหัวข้อสนทนากลับมาเรื่องเดิมว่า รั่วซีมีเรื่องอะไรให้กลุ้มใจอยู่กันแน่ ถึงได้มีอาการหวาดกลัวมากนานติดต่อกันแบบนี้ ? รั่วซีมององค์ชายสิบแบบเคืองๆ ที่นางอุตส่าห์ลากไปเรื่องอื่นแล้ว เขายังดันลากกลับมาเรื่องเดิมจนได้ กลบเกลื่อนว่าก็เพราะเรื่องที่องค์ชายรัชทายาทขอแต่งงานกับเรื่ององค์ชายสิบสามนั่นแหละ

สิบสี่ขัดว่าสองเรื่องนั้นเพิ่งจะเป็นเรื่องไม่นานมานี้ แต่หมอหลวงบอกว่ารั่วซีมีอาการนี้สะสมมานานหลายปี อย่างน้อยก็ 4-5 ปีโน่นแหละถึงจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ แต่รออยู่ครู่ เห็นรั่วซีไม่ยอมตอบ สิบสี่ก็ด่าว่าเอาอีกแล้ว นิสัยนี้ของเจ้านี่ มีอะไรก็เอาแต่เก็บไว้ในใจ พอถามก็เสลากไปพูดเรื่องอื่น องค์ชายสิบก็ประนีประนอมว่ารั่วซียังป่วยอยู่ อย่าไปบีบคั้นมากนักเลย จากนั้นบอกว่า เรื่องที่รั่วซีขอร้องเสด็จพ่อเขา สิบสี่ช่วยจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ลวี่อู๋จะได้เข้าไปรับใช้สิบสามในที่คุมขังสมใจ

รั่วซีได้ฟังก็ดีใจมาก จากนั้นบอกให้อวี้ถานช่วยเอากล่องใส่ของมีค่าของนางทั้งหมดสามกล่องออกมา ในนั้นมีของที่คังซีและเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ปูนบำเหน็จให้นางตั้งแต่เริ่มเข้าวังจนถึงตอนนี้ทั้งหมดอยู่ แล้ววานให้องค์ชายสิบกับสิบสี่ช่วยเอาไปให้ลูกเมียของสิบสามใช้ เพราะสิบสามถูกริบยศกับยกเลิกเบี้ยหวัดทั้งหมด แล้วสิบสามไม่ได้มีที่นาอะไร รายได้ของบ้านเขามีแต่เบี้ยหวัดนี้ล้วนๆ ในระยะสั้นอาจจะไม่มีปัญหาก็จริง แต่นานไปย่อมจะเริ่มฝืดเคือง



สิบสี่รับมาแค่สองกล่อง ให้รั่วซีเก็บไว้กล่องหนึ่ง จากนั้นบอกว่าไม่ต้องห่วง ระหว่างนี้พวกเขาจะช่วยดูแลครอบครัวของสิบสามให้เอง ถึงยังไงเขาก็ไปคุกเข่าต่อหน้าเสด็จพ่อช่วยขอร้องแทนพี่สิบสามไปแล้ว ถ้าเสด็จพ่อจะระแวงว่าเขาเกี่ยวข้องกับพี่สิบสาม ก็ระแวงไปแล้ว เขาจะทำอะไรให้สิบสามเพิ่ม มันก็ไม่ได้เลวร้ายหนักไปกว่านี้อยู่แล้ว ส่วนองค์ชายสิบบอก เขาก็จะช่วยด้วย เขาไม่กลัวเสด็จพ่อระแวงเหมือนกัน เพราะเขาไม่ได้สนิทกับสิบสามมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เขากับน้องสิบสี่จะช่วยกันดูแลไม่ให้ใครไปรังแกคนในครอบครัวของสิบสามได้เด็ดขาด



หลังจากองค์ชายสิบกับสิบสี่จากไปแล้ว หวางสี่ ขันทีลูกศิษย์ของหลี่เต๋อเฉวียน หัวหน้าขันที ซึ่งสนิทกับรั่วซีมากพอสมควรก็มาบอกรั่วซีตามคำสั่งของอาจารย์เขาว่า เรื่องที่รั่วซีถูกสั่งให้คุกเข่านั้น ฮ่องเต้อนุญาตกลายๆ ให้ปล่อยข่าวให้ทุกคนรู้ได้
จากบอกเล่านี้ของหวางสี่ ในตอนที่ได้ยิน รั่วซียังเดาเจตนาของคังซีไม่ออก แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เดาออก

เรื่องของเรื่อง คังซีเบื่อหน่ายกับการวางแผนเล่นงานกันเองเพื่อจะชิงบัลลังก์ของพวกองค์ชายทั้งหลายเต็มที จึงจงใจใช้เรื่องของรั่วซีมาดูใจของพวกองค์ชายว่าจะมีใครบ้างไหมที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ ไม่กลัวว่าเขาจะกริ้ว กล้าเสี่ยงมาร้องขอความเมตตาให้แก่รั่วซีและสิบสามด้วย “คุณธรรม” อย่างแท้จริง เวลานี้ผู้ที่คังซีอยากจะได้มาสืบบัลลังก์ คือลูกชายที่มีคุณธรรมรักพี่รักน้องและไม่คิดถึงแต่ตัวเอง

ดังนั้นหลังจากที่สิบสี่เสี่ยงต่อความโกรธของเสด็จพ่อไปคุกเข่าขอให้ยกโทษให้รั่วซีและสิบสาม แทนที่หลังจากนั้นคังซีจะเย็นชากับสิบสี่ ก็กลับเมตตาเอ็นดูสิบสี่เป็นพิเศษ จนสิบสี่กลายเป็นลูกชายคนโปรดของพ่อไป


ในวันที่อวี้ถานไปเข้าเวร รั่วซีอยู่ที่ห้องคนเดียว องค์ชายสี่ได้มาหา บอกว่าเขาไม่สามารถไปขอรั่วซีกับเสด็จพ่อได้แล้ว (น้ำเสียงนั้นปวดร้าวจนรั่วซีจับได้)รั่วซีจะโกรธจะแค้นเขาอย่างไรก็ได้ตามใจ ด้วยความเอ็นดูที่เสด็จพ่อมีให้รั่วซี จะต้องให้รั่วซีได้แต่งงานกับคนที่ดีอย่างแน่นอน ขอบคุณรั่วซีมากสำหรับทุกสิ่งที่ทำเพื่อสิบสาม พูดจบองค์ชายสี่ก็จากไปโดยไม่ัหันกลับมามองรั่วซีที่ร้องไห้ราวกับหัวใจได้แตกสลายไปแล้ว

(หลังจากนั้น เพื่อให้คังซีหายโกรธและระแวงในตัวเขา องค์ชายสี่เลิกยุ่งกับราชกิจ หันไปใช้ชีวิตอย่างสงบ ทำไร่ทำสวนให้ตัวเองสบายใจ อยู่หลายปี จนคังซีคลายความระแวง ให้กลับมาช่วยงานราชกิจดังเดิม)



ลิขสิทธิ์บน YouTube Credit By : https://www.youtube.com/watch?v=ItkER--G-OA