กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ตอน 11 ขัดราชโองการ

  1. #1
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30

    ดวงดาว The Star สะท้านขวัญทุกย่างก้าว ตอน 11 ขัดราชโองการ

    หลังจากองค์ชายสี่ออกจากห้องไป อวี้ถานก็กลับเข้ามาเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้รั่วซีฟังแก้เหงา แล้วเล่ามาถึงเรื่องของตัวเองว่า

    หลังจากพ่อนางเสียไป แม่นางก็พยายามทำงานเลี้ยงพวกนางพี่น้องจนตาเกือบบอด น้องชายก็ล้มป่วย เพื่อให้คนที่บ้านไม่อดตาย นางในวัยแปดขวบได้เดินฝ่าหิมะออกไปเคาะประตูขอทานตามบ้าน แต่ไม่ได้เงินมาเลย ตอนที่เดินเหม่ออยู่ ก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นผ่านมาเกือบจะชนนาง คนขับสะบัดแส้ทำท่าจะหวดใส่นาง แต่คุณชายที่นั่งอยู่ในรถม้าเลิกม่านขึ้นพูดว่า ก็แค่เด็กผู้หญิงคนเดียว จะชนก็ชนไปเลย จากนั้นด่าคนขับที่มัวแต่ใจลอย
    ตอนนั้นนางไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหน เข้าไปเกาะคานรถแน่นไม่ยอมปล่อย แล้วขอเงินจากคุณชายที่นั่งอยู่ในรถม้านั้น คนขับด่านางว่าไม่รู้จักตายเสียแล้ว รู้หรือเปล่าว่านี่รถม้าของใคร ? แต่คุณชายในรถม้ากลับหัวเราะ พูดว่า อยู่มาจนป่านนี้เพิ่งจะเคยเห็นคนกล้ามาขอเงินข้าซึ่งๆ หน้าแบบนี้เป็นครั้งแรก ไหนบอกมาซิว่าทำไมข้าถึงต้องให้เงินเจ้าเปล่าๆ ด้วย ? นางบอกว่า นางอยากได้เงินไปรักษาแม่กับน้องที่ป่วย คุณชายในรถม้าตอบว่า ข้าไม่ใช่โรงทาน แม่กับน้องเจ้าป่วยเกี่ยวอะไรกับข้า ? นางบอก ถ้าเขาให้เงินนาง นางจะยอมเป็นข้าทาสให้เขาช่วงใช้ เขาบอก บ้านเขามีข้าทาสอยู่เยอะมากแล้ว ข้าขอร้องว่า ข้าเก่ง ทำได้หลายอย่าง หรือถึงจะทำไม่ได้ ข้าก็หัดได้ เขาหัวเราะ บอกว่า คนที่ยินดีช่วยเขาทำโน่นทำนี่มีอยู่มากมาย จากนั้นทิ้งม่านลง สั่งให้คนขับขับต่อไป


    นางทั้งผิดหวังและสิ้นหวังมาก รู้สึกเหมือนรถม้าคันนี้ได้พาชีวิตของแม่และน้องชายนางไปด้วย นางถึงตัดสินใจเด็ดขาด เกาะคานรถแน่นไม่ยอมปล่อย คนขับโมโหสุดขีดหวดแส้ใส่นางไม่ยั้ง จนเมื่อนางถูกรถม้าลากไปกับพื้นได้ระยะหนึ่ง คุณชายบนรถม้าก็ตวาดสั่งให้คนขับหยุดฟาดแส้ใส่ข้าและหยุดรถ จากนั้นออกจากรถม้ามาดูข้า พยักหน้าถามว่า อายุเท่าไหร่แล้ว ? ข้าตอบว่าแปดขวบ เขาหัวเราะ พูดว่า เจ้าเป็นยายหนูที่เยี่ยมมาก คู่ควรกับเงินของข้า จากนั้นให้ตั๋วแลกเงินข้ามา แล้วสั่งให้คนขับเอาเงินทั้งหมดที่มีติดตัวให้ข้า เป็นจำนวนเงินมากถึงยี่สิบตำลึง


    ตอนที่ข้าเดินจากมา เขายังเรียกข้าไว้ แล้วโยนเสื้อคลุมมาให้ ข้าถึงได้รู้ตัวว่าเสื้อผ้าที่สวมอยู่ถูกแส้หวดและเสียดสีกับพื้นจนขาดรุ่งริ่งหมดแล้ว

    ด้วยเงินทั้งหมดที่เขาให้ข้ามา ทำให้ข้ารักษาแม่กับน้องชายจนหาย และอยู่ไปได้อย่างไม่ฝืดเคืองอีกหลายปี จนน้องชายและข้าโตพอจะหางานทำมาจุนเจือครอบครัวได้ หลังจากนั้นข้าก็ได้เข้ามาในวัง


    รั่วซีถามว่าคุณชายคนนั้นคือใคร อวี้ถานมีโอกาสได้เจอเขาอีกไหม ? อวี้ถานบอกว่าไม่ได้เจออีกเลย

    วันเวลาผ่านไป วันหนึ่ง คังซีเสด็จไปเยือนหยวนหมิงหยวน วังพักร้อนที่พระราชทานให้องค์ชายสี่
    และองค์ชายสี่ก็ปลูกผักทำสวนอยู่ในวังหยวนหมิงหยวนนี้ องค์ชายสี่และภรรยาหลวงได้ออกมาต้อนรับ คังซีเที่ยวชมสวนอย่างอารมณ์ดีมากจนกลับ ตลอดเวลานี้ องค์ชายสี่กับรั่วซีไม่ได้มองหน้ากันเลย จนตอนที่รั่วซีขึ้นนั่งในรถม้า เตรียมปล่อยม่านลงเหม่อรถม้าออกแล่น องค์ชายสี่ค่อยเงยหน้าขึ้นจ้องหน้ารั่วซีแบบปุบปับ จนรถม้าแล่นลับไปจากสายตา



    หลังจากนั้นไม่กี่วัน องค์ชายสี่ก็แวะมาหาที่เรือนพักของรั่วซี ถามนางว่า ทำไมถึงไม่โกรธไม่แค้นเขา ? รั่วซีย้อนถามว่า ทำไมนางถึงต้องแค้นเขาด้วยเล่า ? เพราะเขาผิดคำพูดหรือ ? น่าขำสิ้นดี ! อย่าว่าแต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตขององค์ชายสิบสาม ต่อให้เกี่ยวข้องกับแค่เขาและนางสองคน นางก็ไม่ยินดีกอดคอตายไปอย่างสูญเปล่าพร้อมๆ กับเขา นางยินดีให้ทั้งเขาและนางต่างยังรอดชีวิตอยู่ต่อไปมากกว่า

    องค์ชายสี่นิ่งไปครู่ แล้วบอกว่า ลวี่อู๋ไปคุกเข่าอยู่ที่หน้าวังเขาเหมือนกัน รั่วซีบอก นางรู้แล้ว ทั้งนางและลวี่อู๋ต่างอยากให้สิบสามผ่านวันเวลาในตอนนี้อย่างสบายขึ้น แต่ท่านมองไปไกลกว่านั้น ท่านมุ่งหวังที่จะช่วยเขาออกมาจากที่คุมขังในกาลข้างหน้า เป้าหมายไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำก็ย่อมจะแตกต่างเป็นธรรมดา เพื่อแผนระยะยาว ได้แต่จำต้องยอมเสียสละสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

    องค์ชายสี่พูดว่า ตั้งแต่น้องสิบสามถูกคุมขัง ข้าไม่เคยไปเยี่ยมครอบครัวของเขาเลย
    รั่วซีพูดว่า ไม่อดทนในเรื่องเล็ก จะเสียถึงเรื่องใหญ่ ตอนนี้ก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว สิบสามอาจไม่มีโอกาสได้พบหน้าครอบครัวไปตลอดกาล มีแต่จำต้องยอมข่มกลั้นในตอนนี้ ต่อไปจึงจะมีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง



    องค์ชายสี่กำหมัดแน่นโดยไม่พูดอะไรอีก รั่วซีพูดต่อว่า เพราะเมื่อก่อนท่านสนิทกับองค์ชายสิบสามมาก แล้วความผิดที่เขาทำยังเป็นการแอบอ้างชื่อของท่านไปทำอีกด้วย ท่านจึงยิ่งถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับเขา ร่วมมือกับเขา อย่าว่าแต่สิ่งที่เป็นความผิดใหญ่หลวงจนส่งเขาเข้าไปอยู่ในที่คุมขังจึงถือเป็นการทรยศแทงข้างหลังท่านอย่างสาหัส ใส่ร้ายป้ายสีให้ท่านกลายเป็นคนไม่จงรักภักดีและไร้คุณธรรม ไม่ว่าใครโดนแบบนี้ก็ต้องหนาวเยือกในใจด้วยกันทั้งนั้น แล้วท่านจะไม่โกรธเขาเลยแม้แต่น้อย ยกโทษให้เขาอย่างง่ายดาย ทั้งยังไปช่วยเหลือให้การอุปถัมภ์ครอบครัวเขาในทันทีได้อย่างไร คนที่โดนผู้ที่ตัวเองไว้ใจมากที่สุดแทงข้างหลังแบบนี้แล้วยังยิ้มแย้มอภัยให้ได้ในทันที เกรงว่าต่อให้เป็นมหาราชที่ดีแสนดีในยุคบรรพกาลก็ทำไม่ได้ ที่ท่านแสดงให้เห็นว่าเย็นชา ไม่แยแสกับครอบครัวขององค์ชายสิบสาม ก็เป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้วเพื่อตบตาคนนอกให้เห็นว่าท่านถูกเขาทรยศจริงๆ


    องค์ชายสี่พูดเสียงเย็นชาว่า เขาจะลืมเรื่องทั้งหมดนี้ให้หมด รั่วซีบอก นางก็เหมือนกัน ก่อนจะต่างคนต่างแยกกันเดินไปคนละทาง รั่วซีคิดในใจอย่างปวดร้าวว่า ท่านต้องสามารถลืมเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน



    ฤดูที่ดอกไม้เริ่มโรย คังซีสั่งบรรดาลูกๆ หลานๆ มารวมตัวกันแข่งขันยิงธนู เนื่องจากไม่ใช่เวรของรั่วซีที่ต้องไปเสิร์ฟน้ำชา และรั่วซีก็ไม่ได้อยากเข้าไปร่วมวง จึงมาเดินเล่นอยู่ห่างๆ นอกวง ก็เจอกับหมิงเยว่ ภรรยาหลวงขององค์ชายสิบซึ่งเคยทะเลาะกับนางจนตกน้ำไปด้วยกันทั้งคู่เข้าพอดี จะหลบก็ไม่ทัน และครั้งนี้ หมิงเยว่ได้เข้ามาชวนนางคุยอย่างเป็นมิตร คุยกันถึงเรื่องที่เคยทะเลาะกันในครั้งนั้นว่าตอนนั้นโมโหมาก แต่ตอนนี้มาย้อนนึกดูแล้วก็ขำดี ในชีวิตนาง เพิ่งจะเคยตบตีทะเลาะกับคนอื่นก็ครั้งนั้นครั้งเดียว

    หมิงเยว่รู้เรื่องที่รั่วซีพูดเปรียบปิงถังหูหลุกับขนมเม็ดบัวแล้ว จึงเลิกกินแหนงกับรั่วซี หันมาเป็นมิตรด้วย เพื่อที่องค์ชายสิบจะได้ไม่ต้องกระอักกระอ่วนคอยพานางหลบเวลาไปไหนกับนางแล้วเจอรั่วซีเข้า
    หมิงเยว่เล่าให้รั่วซีฟังว่าพี่สาวของนางเป็นหลานรักของปู่ ปู่เลี้ยงมาเองกับมือ สอนขี่ม้าให้เอง เก่งและฉลาดไม่แพ้ผู้ชาย เป็นคนเดียวที่กล้าต่อปากต่อคำกับปู่ แต่พี่สาวนางกลับมาหลงรักและเลือกองค์ชายแปดที่มีพระมารดาต่ำศักดิ์ ด้อยฐานะกว่าองค์ชายคนอื่นๆ หมิงเยว่เองก็ไม่ค่อยชอบใจนักหรอก ปู่ก็ด้วย แต่ในเมื่อพี่สาวยืนกราน ปู่ก็เลยต้องตามใจ แล้วนี่กลายเป็นว่าองค์ชายแปดกลับไปรักรั่วหลาน ทั้งที่รั่วหลานไม่ได้ทำอะไรให้องค์ชายแปดเลยสักนิด ขณะที่หมิงฮุ่ยพี่สาวของหมิงเยว่พยายามช่วยองค์ชายแปดทุกอย่าง แล้วจะไม่ให้หมิงฮุ่ยโมโหได้ยังไง แต่ตอนนี้หมิงฮุ่ยก็เริ่มปลง ขี้เกียจไปยุ่งไปหึงรั่วหลานแล้ว

    สองคนยืนคุยกันอยู่หลังต้นไม้ จนพอจะแยกจากกัน ก็พากันเดินอ้อมออกมาจากหลังต้นไม้ ตอนนั้นได้ยินเสียงเด็กพูดขึ้นว่า “อยู่ทางนี้...” รั่วซีจึงเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มีใครบางคนกระโจนเข้ามาคว้าร่างนางเอาไว้พาย้ายไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว รั่วซีตาลายไปวูบหนึ่ง ได้ยินเสียงกรีดร้องของหมิงเยว่ดังมา รอจนได้สติก็พบว่าองค์ชายสี่กำลังกอดนางแน่น ตามองหน้านางอย่างตกตะลึง นางเองก็มองเขาอย่างตกตะลึงพอกัน ก่อนจะได้สติ รีบดิ้นออกจากอ้อมแขนเขาพร้อมกับที่องค์ชายสี่เองก็รีบคลายแขนจากนั้นรั่วซีจึงหันไปเห็นองค์ชายสิบกับหมิงเยว่นอนหมอบอยู่อีกทาง และด้านหลังมีองค์ชายหงสือ ลูกชายคนโตขององค์ชายสี่ยืนถือธนูหน้าซีดอ้าปากค้างอยู่

    เรื่องของเรื่อง องค์ชายหงสือไม่รู้ว่าด้านหลังต้นไม้มีคนอยู่ จึงยิงธนูเข้าใส่ต้นไม้ในจังหวะที่ทั้งสองเดินอ้อมออกมาจากด้านหลังต้นไม้พอดี องค์ชายสี่กับสิบมาเห็นเข้า ต่างคนจึงต่างกระโจนเข้ามาช่วยรั่วซีกับหมิงเยว่ องค์ชายสิบเอาตัวเข้าบังธนูให้รั่วซีโดยสัญชาตญาณ

    องค์ชายสี่มองหน้าลูกชาย ถามเสียงเย็นว่ายังจะยืนทื่ออยู่อีกนานไหม หงสือรีบเข้าไปคุกเข่าขอโทษหมิงเยว่ องค์ชายสี่ด่าลูกว่าทำอะไรไม่เคยดูให้ดีๆ คิดเอาแต่เล่นสนุกอยางเดียว หมิงเยว่ถวายบังคมองค์ชายสี่แล้วบอกว่าหงสือเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่เป็นไรหรอก องค์ชายสี่บอก แม้พระชายาสิบจะไม่ถือสา แต่ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษจะเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นสั่งว่า ยังไม่รีบกราบขอบคุณที่พระชายาสิบไม่เอาความอีกรึ ! หงสือรีบโขกศีรษะขอบคุณ แล้วลุกขึ้นเผ่นหนีไปทันที

    หลังหงสือวิ่งจากไปแล้ว องค์ชายสี่หันมาสั่งขันทีที่ดูแลหงสือว่า กลับไปขอรับโทษจากขันทีพ่อบ้านซะ ขันทีดูแลหงสือก็กราบถวายบังคมแล้วรีบผละจากไป รั่วซียืนดูทั้งหมดด้วยสายตาเหม่อลอย สักพักองค์ชายสิบก็มาแกว่งๆ มือตรงหน้า ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ? หมิงเยว่พูดแซวว่าทำไมเวลาอยู่กับรั่วซีแล้วมักจะมีเรื่องทุกทีสิน่า องค์ชายสิบหันมามองภรรยาอย่างประหลาดใจ หมิงเยว่ถลึงตาใส่ พูดว่าทำไม ข้าพูดเล่นกับรั่วซีบ้างไม่ได้หรือไง องค์ชายสิบก็ยิ้มกระดาก แต่สีหน้าดีใจมากที่หมิงเยว่ยอมพูดกับรั่วซีดีๆ แล้ว จากนั้นสองสามีภรรยาก็ขอตัวจากไป

    องค์ชายสี่ทำท่าจะไปบ้าง รั่วซีร้องถามว่า ทำไม ? (ทำไมถึงช่วยนางไว้) องค์ชายสี่บอก เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม พอรู้ตัวเขาก็ทำลงไปแล้ว รั่วซีมองลูกศรที่ปักอยู่บนต้นไม้ ในใจมีความรู้สึกหลากหลายจนยากจะบรรยายที่ได้รู้ว่าในช่วงเวลาคับขันเป็นตาย เขายอมเอาตัวเข้ามาบังลูกศรนี้แทนนาง องค์ชายสี่พูดเสียงเย็นชาว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดลึก เพราะหากข้ามีเวลาคิดสักนิด ข้าจะไม่มีทางเสี่ยงอันตรายทำอย่างนี้แน่ รั่วซีรั้งสายตากลับมาพูดยิ้มๆ ว่า ข้ารู้แต่ว่าท่านได้ทำลงไปแล้ว !

    องค์ชายสี่มองนางอย่างเย็นชาแต่ซ่อนบางอย่างออกมาจนรั่วซีจับได้ ก่อนจะเดินจากไป

    หลังองค์ชายสี่ไปแล้ว รั่วซีก็เรียกขันทีที่ผ่านมาช่วยแงะลูกธนูออกจากต้นไม้ไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก


    ในการเสด็จประพาสมองโกลครั้งหนึ่ง คังซีพาพวกองค์ชายที่โตแล้วไปกันหมด เหลือแต่สิบสี่อยู่ว่าราชการแทนที่เมืองหลวงคนเดียว การประพาสหนนี้กินช่วงเวลาถึงวันครบรอบวันตายของพระมารดาองค์ชายแปด องค์ชายแปดจึงขอตัวกลับก่อน แต่เมื่อคังซีกลับมาถึงเมืองหลวง องค์ชายแปดก็ส่งคนสนิทถือกรงนกมาให้เป็นของขวัญแก่คังซี พอเลิกผ้าที่คลุมกรงออก ปรากฏว่าข้างในเป็นนกอินทรีที่อาการร่อแร่ใกล้ตาย คือการแช่งคังซีให้รีบแก่ตายเร็วๆ

    ทุกคนตกตะลึง คังซีโกรธจัดจนถีบโต๊ะล้มโครม ทุกคนรีบคุกเข่าลงก้มหน้าจดพื้นตัวสั่นสะท้าน รั่วซีเองก็ด้วย ในสมองของนางร้องตะโกนก้องว่าองค์ชายแปดไม่มีทางทำแบบนี้แน่ ต่อให้คังซีไม่ชอบองค์ชายแปดยังไง องค์ชายแปดก็ไม่มีทางแช่งพ่อตัวเองแบบนี้ ที่สำคัญคือเขาไม่มีทางทำอะไรโง่ๆ แบบนี้แน่นอน

    คังซีฝากคำพูดให้คนสนิทขององค์ชายแปดไปบอกองค์ชายแปดอย่างเย็นชาว่า เราพ่อลูกขาดกันแต่เพียงเท่านี้ ไสหัวไป ! จากนั้นสั่งร่างราชโองการปลดตำแหน่งองค์ชายแปดทันที รั่วซีทำท่าจะลุกขึ้นร้องขอเมตตาให้องค์ชายแปด แต่ถูกหวางสี่ ขันทีลูกศิษย์ของหัวหน้าขันทีหลี่เต๋อเฉวียนคว้ามือเอาไว้ กระซิบบอกว่าเจ้ายังมีพ่อและพี่น้องอยู่ พวกเขาไม่ใช่ลูกหลานของฮ่องเต้หรอกนะ ! ทำให้รั่วซีจำต้องกัดฟันข่มกลั้นตัวเองเอาไว้

    เหตุการณ์นี้ทำให้องค์ชายแปดถูกตราหน้าว่า “อกตัญญู” และคุณธรรมทั้งหมดของคนจีน “กตัญญู” มาเป็นอันดับหนึ่ง องค์ชายแปดเคยได้รับยกย่องจากทั้งขุนนางและชาวบ้านว่ามีคุณธรรมพร้อมมูล มาครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่าขาดคุณธรรมที่สำคัญที่สุด นับแต่นี้เขาจึงถูกตราหน้าว่ากลายเป็นวิญญูชนจอมปลอมไปตลอดกาล หากทำดี ก็จะถูกมองว่าเล่นละคร หากทำชั่ว ก็จะถูกมองว่าเผยธาตุแท้ เรียกว่าคนที่เล่นงานเขาหนนี้ทำได้เจ็บแสบมาก แล้วคนที่ถือกรงนกอินทรีมา ยังเป็นคนสนิทขององค์ชายแปดเองอีกด้วย ไม่มีทางที่คนนอกจะเข้ามาสับเปลี่ยนได้

    หลังเรื่องนี้ ขันทีคนสนิทที่เกี่ยวข้องกับกรงนกอินทรีนี้ทุกคนต่างฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดกันหมด



    หลังจากนั้น วันหนึ่ง คังซีเรียกตัวรั่วซีไป บอกว่าจะให้รั่วซีแต่งงานกับองค์ชายสิบสี่ รั่วซีปฏิเสธขัดราชโองการ คังซีกริ้วมาก สั่งร่างราชโองการลงโทษตีรั่วซีสี่สิบไม้ แล้วส่งไปเป็นคนงานระดับล่างสุดในโรงซักผ้า

    องค์ชายสิบกับสิบสี่ตกใจมาก เข้าไปเยี่ยมรั่วซี พยายามถามว่ารั่วซีทำเรื่องอะไรให้ท่านพ่อกริ้ว ร้องขอให้ยกโทษให้พี่แปดหรือ ? พวกเขาจะได้ไปช่วยขอร้องให้ยกโทษให้

    รั่วซีบอกว่าไม่ใช่ แล้วไม่ยอมบอกว่าโดนลงโทษเพราะเรื่องอะไร (ก็จะให้บอกได้ไงว่าขัดราชโองการไม่ยอมแต่งงานกับสิบสี่ - -" )

    สิบกับสิบสี่จนปัญญาจะช่วย จึงได้แต่ติดสินบนให้ จางเชียนอิง ขันทีที่ทำหน้าที่คุมโรงซักผ้าช่วยดูแลรั่วซีให้ดีๆ แต่ขันทีนี้เป็นคนขี้อิจฉา เปลือกนอกทำเป็นดูแลรั่วซีดี แต่ความจริงจงใจกระตุ้นให้สาวใช้ในโรงซักผ้าทุกคนเขม่นรั่วซีกันหมด แต่รั่วซีก็จัดการคลี่คลายสถานการณ์ได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่กว่ารั่วซีจะเริ่มลุกขึ้นหาทางคลี่คลายสถานการณ์ ปิ่นที่องค์ชายสี่ให้มาก็ถูกสาวใช้ที่นอนร่วมห้องแกล้งปาทิ้งลงพื้นหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเสียแล้ว

    ระหว่างที่รั่วซีมาอยู่โรงซักผ้า อวี้ถานก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปแทนตำแหน่งของรั่วซี แต่ก็ยังคอยแวะเวียนมาดูแลรั่วซีอยู่เนืองๆ

    องค์ชายสี่หาโอกาสมาเจอรั่วซีในวันหยุดของรั่วซีที่หนึ่งเดือนจะมีเพียงวันเดียว และรั่วซีแวะมาคุยกับอวี้ถานที่เรือนพักหลังเก่าที่เคยอยู่ หลังจากสั่งให้อวี้ถานหลบไปแล้ว องค์ชายสี่ก็ถามรั่วซีว่าทำไมถึงถูกลงโทษมาอยู่ที่นี่ รั่วซีไปทำอะไรเข้า ท่านพ่อที่เอ็นดูรั่วซีมากถึงได้กริ้วขนาดนั้น ? รั่วซีไปร้องขอให้ยกโทษให้น้องแปดงั้นหรือ ?

    รั่วซีบอกว่าไม่ใช่ และนางไม่อยากบอกสาเหตุที่ถูกลงโทษ องค์ชายสี่ก็ถอนหายใจ บอกว่าตามใจ จากนั้นถามว่าตอนนี้ความเป็นอยู่ของรั่วซีเป็นอย่างไรบ้าง ? รั่วซีบอกสบายดี องค์ชายสี่คว้ามือรั่วซีที่ซ่อนไขว้หลังไว้ออกมาดู บอกว่านี่หรือที่ว่าสบายดี ?

    รั่วซีบอก นางสบายดีจริงๆ ถึงจะต้องทำงานหนักตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก และอาหารการกินกับที่พักสู้เมื่อก่อนไม่ได้ แต่ตอนนี้นางไม่ต้องกลัวไม่ต้องกังวลเหมือนอย่างเมื่อก่อนที่พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องหวาดระแวงว่าวันนี้จะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นอีก หรือฮ่องเต้จะสั่งยกนางให้แต่งงานกับใคร ตอนนี้แต่ละวันนางได้รู้เพียงว่ามีเสื้อผ้ากองใหญ่รอให้นางซักเท่านั้น

    องค์ชายสี่นิ่งไป แล้วบอกว่าให้รั่วซีอดทนอีกสักพัก แล้วเขาจะไปขอรั่วซีกับเสด็จพ่อ รั่วซีนึกอบอุ่นอยู่ในใจ แต่ก็บอกไปว่า ฮ่องเต้ไม่มีทางรับปากหรอก องค์ชายสี่บอก ตอนนี้เรื่องของน้องสิบสามผ่านมาได้สองปีกว่าแล้ว เสด็จพ่อเริ่มจะหายโมโห และกลับมารู้สึกดีกับเขาเหมือนเดิมแล้ว หากเขาขอรั่วซี น่าจะไม่มีปัญหา และต่อให้รั่วซีได้เป็นแค่เมียไม่มีตำแหน่งของเขา เขาก็ไม่มีทางให้รั่วซีต้องอยู่อย่างคับใจแน่

    รั่วซีนิ่งไป แล้วบอกไปตามตรงว่า สาเหตุที่นางโดนลงโทษนี้ เพราะนางขัดราชโองการ ฮ่องเต้คิดจะยกนางให้แต่งงานกับองค์ชายสิบสี่



    องค์ชายสี่หน้าเครียดทันที ถามย้ำว่าเสด็จพ่อจะยกเจ้าให้น้องสิบสี่ แล้วทำไมเจ้าถึงปฏิเสธเล่า ? เจ้าอยากจะไปจากวังหลวงแห่งนี้มาโดยตลอดไม่ใช่หรือไร ? เจ้าอยากจะได้อยู่อย่างสงบมานานแล้วไม่ใช่หรือ ? ในเมื่อโอกาสอันดีมาถึงตรงหน้า แล้วทำไมเจ้าถึงปฏิเสธ ? ทำไมถึงต้องขัดราชโองการ ? น้องสิบสี่หน้าตาดีมาก ทั้งด้านบุ๋นและบู๊ล้วนแต่โดดเด่นในหมู่พวกเราพี่น้อง ตอนนี้ยังเป็นคนโปรดที่เสด็จพ่อให้ความสำคัญอย่างมาก แล้วเขายังดีกับเจ้ามากอีกด้วย เจ้าลืมแล้วหรือว่าเขาเคยยอมคุกเข่าตากฝนเพื่อเจ้าถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน ? เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก ?

    รั่วซีบอก เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปรื้อฟื้นอีกเลย องค์ชายสี่ไม่ยอมปล่อยผ่าน พูดเสียงหนักว่า รั่วซี เจ้าต้องบอกเหตุผลกับข้า รั่วซีจึงเอามือกุมหัวใจตัวเอง หันมายิ้มให้ พูดว่า ข้าก็แค่ทำตามหัวใจของตัวเอง ในเมื่อมันไม่ยินยอม ข้าเองก็จนปัญญา
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน; 13-12-2011 at 22:11.

  2. #2
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ทิดยุทธ ลูกพญาแล
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    กระทู้
    117
    ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไปอยู่เด้อ เขียนได้ดีอ่านเข้าใจง่าย น่าเขียนนิยายขายน้อครับ ขอบคุณอีกครั้งคร๊าบบบบบบบบบบบบ

  3. #3
    Moderators สัญลักษณ์ของ สาวชัยภูมิ ลูกพ่อขุน
    วันที่สมัคร
    Feb 2010
    ที่อยู่
    เกาหลี
    กระทู้
    750
    บล็อก
    30
    ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ บีบ่แม่นคนแต่งแล้วกะบ่แม่นคนแปลทั้งหมดค่ะ บีเป็นคนย่อและเรียบเรียงประโยคเพราะเรื่องต้นฉบับยาวมากมี35ตอนบีย่อมา15ตอน เคยเขียนหนังสืออยู่ค่ะแต่นานมาแล้วว่าสิเขียนอีกอยู่แต่คอมบ่อำนวยเดี๋ยวกลับไปบ้านสิซื้อคอมใหม่จักเครื่อง ฮิๆ

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •