**********************
หลักเกณฑ์การจ่ายเงินชดเชยผู้ชุมนุมทางการเมือง
**********************
ครม.ไฟเขียวจ่ายชดเชยม็อบทุกกลุ่ม
6 มีนาคม 2555
ครม.ไฟเขียวค่าชดเชยม็อบยันได้รับทุกกลุ่ม ชี้ยังไม่ถกเรื่องแท็บเล็ดรอรมว.ไอซีทีพิจารณาเพิ่ม มั่นใจเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนญี่ปุ่นได้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการไปแล้ว และขั้นตอนการเบิกจ่ายเป็นเรื่องคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง คณะกรรมการประสานงานเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.)
ทั้งนี้ การเดินทางไปเยือนจะมีการส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการเสียงชีวิตของช่างภาพชาวญี่ปุ่น จะแจ้งรายระเอียดที่กระทรวงต่างประเทศจะประสานจ่ายเงินชดเชย โดยต้องหารายละเอียดเกี่ยวกับญาติที่จะมารับเงิน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยืนยันว่า งบประมาณมีเพียงพอแน่นอน ส่วนการจ่ายจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1.เยียวยาช่วยเหลือทางจิตใจ
2.ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งนี้ การเยียวยาจะช่วยเหลือทุกกลุ่ม ไม่ได้เลีอกเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
+++++++++++++++
หลักเกณฑ์จ่ายเงิน "เยียวยาทุกสี" เหยื่อชุมนุมการเมือง 2548-2553
คณะรัฐมนตรี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินสำหรับผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 จากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองระหว่างปี 2548 ถึงเดือนพ.ค.2553 ดังนี้
(วันที่ 6 มี.ค. 2555)
ข้อกำหนดทั่วไป
ข้อ 1.การเยียวยาด้านการเงินภายใต้หลักเกณฑ์ฉบับนี้จะจำกัดอยู่แต่เฉพาะผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 เท่านั้น โดยความหมายของคำว่า "ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1" และคำอื่นๆ ที่ใช้ในหลักเกณฑ์ฉบับนี้ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ต่อไปนี้
"คณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งฯ" หมายถึง คณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ที่ 1/2555 ลงวันที่ 12 ม.ค.2555 เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งและการฟื้นฟูด้วยวิธีการอื่น
"คณะทำงาน" หมายถึง คณะทำงานที่แต่งตั้งโดยคณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งฯ
"เงินช่วยเหลือหรือชดเชยอื่นๆ จากภาครัฐ" หมายถึง เงินที่ทางราชการจ่ายให้ หรือจะจ่ายให้ไม่ว่าภายใต้หลักเกณฑ์ใดๆ ซึ่งมีเหตุที่มาของการจ่ายเช่นเดียวกันกับเงินเยียวยา
"เงินเยียวยา" หมายถึง เงินชดเชยกรณีเสียชีวิต เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพ เงินชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะสำคัญ เงินชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ เงินชดเชยกรณีได้รับบาดเจ็บสาหัส เงินชดเชยกรณีได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส เงินชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจกรณีเสียชีวิต เงินชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจกรณีทุพพลภาพ เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และเงินช่วยเหลือสำหรับค่าปลงศพ ตามจำนวนและรายละเอียดอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในข้อเสนอแนะของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2555 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2555 เห็นชอบในหลักการตามข้อเสนอของปคอป.ดังกล่าว
"ผู้มีสิทธิได้รับการเยียวยา" หมายถึง บุคคลต่างๆ ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินเยียวยาภายใต้หลักเกณฑ์ฉบับนี้
"ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1" หมายถึง ประชาชน เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือสื่อมวลชนที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะสำคัญ สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส หรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากการอยู่ในสถานที่ซึ่งเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553) โดยที่ตนมิได้เป็นบุคคลที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีโดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง หรือปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับความเหมาะสมหรือไม่ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้เสียหายที่จะต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบก่อนให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงิน
"เหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553)" หมายถึง เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งต่อไปนี้ คือ เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปลายปี 2548 เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 เหตุการณ์การชุมนุมต่อต้านรัฐประหารของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.) เหตุ การณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่ รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อเดือนเม.ย.2552 และเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช. ระหว่างเดือน เม.ย.ถึงพ.ค.2553
"ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย" หมายถึง เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแต่ไม่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะเป็นผู้ป่วยใน
"ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส" หมายถึง เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะเป็นผู้ป่วยใน เป็นเวลาไม่เกิน 20 วัน
"ได้รับบาดเจ็บสาหัส" หมายถึง เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะเป็นผู้ป่วยในเป็นเวลาเกิน 20 วัน
"ทุพพลภาพ" หมายถึง การสูญเสียประการใดประการหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) ขาทั้งสองขาด
(2) เท้าข้างหนึ่งกับขาอีกข้างหนึ่งขาด
(3) มือหรือแขนข้างหนึ่งกับเท้าหรือขาอีกข้างหนึ่งขาด
(4) มือทั้งสองข้างขาด
(5) แขนทั้งสองข้างขาด
(6) มือข้างหนึ่งกับแขนอีกข้างหนึ่งขาด
(7) บกพร่องทางการเห็น ซึ่งหมายถึง (ก) สูญเสียลูกตาทั้งสองข้าง (ข) สูญเสียลูกตาข้างหนึ่งและความสามารถในการมองเห็นโดยสายตาอีกข้างหนึ่งเมื่อใช้แว่นสายตาธรรมดาแล้วอยู่ในระดับแย่กว่า 3/60 (ค) ความสามารถในการมองเห็นโดยสายตาทั้งสองข้างอยู่ในระดับแย่กว่า 3/60
(8) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่ศีรษะ และ/หรือกระดูกสันหลังเป็นเหตุให้มือหรือแขนทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งกับแขนข้างหนึ่ง เท้าหรือขาทั้งสองข้าง เท้าข้างหนึ่งกับขาอีกข้างหนึ่ง มือหรือแขนข้างหนึ่งกับเท้า หรือขาอีกข้างหนึ่ง สูญเสียสมรรถ ภาพในการทำงานโดยสิ้นเชิง
(9) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่ศีรษะอันเป็นเหตุให้เกิดความผิดปกติของความรู้สึกตัว และ/หรือจิตฟั่นเฟือน และ/หรือวิกลจริตจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้และไม่สามารถรักษาให้หายได้
(10) สูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของอวัยวะในส่วนหนึ่งส่วนใดหรือในหลายส่วนของร่างกาย นอกจากที่กำหนดไว้ใน (1) ถึง (9) ซึ่งคณะทำงานหรือแพทย์มีหนังสือรับรองวินิจฉัยว่าทุพพลภาพ
"สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ" หมายถึง สูญเสียอวัยวะอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในความหมายของการสูญเสียอวัยวะสำคัญเป็นการถาวร
"การสูญเสียอวัยวะสำคัญ" หมายถึง สูญเสียอวัยวะประการใดประการหนึ่งดังต่อไปนี้เป็นการถาวร
(1) เสียลูกตาข้างหนึ่งหรือเสียสมรรถภาพในการมองเห็นร้อยละห้าสิบขึ้นไป
(2) เสียแขนหรือมือข้างหนึ่ง
(3) เสียขาหรือเท้าข้างหนึ่ง
ข้อ 2 ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ คือ
2.1 ให้ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะสำคัญ สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส หรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา
2.2 ในกรณีที่ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 เป็นผู้เสียชีวิต ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาได้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
(1) บุตร-ได้รับส่วนแบ่งหนึ่งส่วน หากมีบุตรมากกว่าหนึ่งคนให้ได้รับส่วนแบ่งคนละหนึ่งส่วน
(2) สามีหรือภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย-ได้รับส่วนแบ่งหนึ่งส่วน
(3) บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดาที่ยังมีชีวิตอยู่-ได้รับส่วนแบ่งรวมกันหนึ่งส่วน
(4) ผู้อยู่ในอุปการะที่คณะทำงานเห็นสมควรให้ได้รับส่วนแบ่ง-ได้รับส่วนแบ่งไม่เกินคนละหนึ่งส่วน
(5) ผู้ให้การอุปการะที่คณะทำงานเห็นสมควรให้ได้รับส่วนแบ่ง-ได้รับส่วนแบ่งไม่เกินคนละส่วน
ให้คณะทำงานมีอำนาจกำหนดส่วนแบ่งให้แก่บุคคลในลำดับที่ (4) หรือลำดับที่ (5) ได้ตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินคนละหนึ่งส่วน ทั้งนี้ ในกรณีที่มีบุคคลไม่ครบทุกลำดับข้างต้น ให้จ่ายเงินเยียวยาเฉพาะแก่บุคคลในลำดับที่มีเท่านั้น โดยจะไม่มีการตกทอดทางมรดกไปยังทายาทตามกฎหมายอื่นๆ ของผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นผู้เสียชีวิต หรือทายาทตามกฎหมายของบุคคลในลำดับใดๆ ที่เสียชีวิตไปแล้ว
การทำหน้าที่ของคณะทำงานให้อยู่ภายใต้กรอบอำนาจที่อนุ กรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งฯ กำหนด
2.3 นอกจากเงินชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจกรณีทุพพลภาพและเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะสำคัญ สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส หรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาเพียงกรณีเดียวเท่านั้น เช่น ผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่ได้รับเงินเยียวยาในกรณีทุพพลภาพจะไม่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาในกรณีสูญเสียอวัยวะสำคัญหรือในกรณีอื่นใดอีก
2.4 ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาจะได้รับเงินเยียวยาก็ต่อเมื่อได้ดำเนินการอื่นๆ ตามที่กำหนดไว้ภายใต้หลักเกณฑ์ฉบับนี้ครบถ้วนเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
2.5 ให้นำจำนวนเงินช่วยเหลือหรือชดเชยอื่นๆ จากภาครัฐทั้งหมดที่ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาได้รับไปแล้ว (ถ้ามี) มาหักออกจากจำนวนเงินเยียวยาที่จะได้รับภายใต้หลักเกณฑ์ฉบับนี้ และเมื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาได้รับเงินเยียวยาภายใต้หลักเกณฑ์ฉบับนี้แล้ว ให้ถือว่าสิทธิที่จะได้รับเงินช่วยเหลือหรือชดเชยอื่นๆ จากภาครัฐเป็นอันระงับสิ้นไป
หน่วยราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
ให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์ฉบับนี้
ในกรณีที่มีปัญหาอื่นใดเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ ให้คณะอนุกรรม การด้านการเยียวยาทางแพ่งฯ เป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย เว้นแต่กรณีที่เป็นประเด็นด้านนโยบายสำคัญ ให้เสนอให้ ปคอป. เป็นผู้พิจารณา
การประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาทราบ
ให้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาทราบโดยวิธีการที่ทั่วถึง โปร่งใสและเป็นธรรม โดยผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา จะต้องมาลงทะเบียนเพื่อขอรับเงินเยียวยาภายในเวลาที่กำหนด ให้ทราบโดยทั่วกันแล้วนั้น
การยื่นคำร้องเพื่อลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา
ให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาหรือผู้รับมอบอำนาจยื่นคำร้องเพื่อลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาภายในเวลาที่กำหนด ได้ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี เลขที่ 255 ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0-2659-6261
คำร้องจะเป็นไปตามแบบที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการกำหนด โดยให้มีข้อความยืนยันของผู้ยื่นคำร้องว่าได้รับเงินช่วยเหลือหรือชดเชยอื่นๆ จากภาครัฐมาแล้วเป็นจำนวนเท่าใดหรือไม่ด้วย โดยผู้ยื่นคำร้องยินยอมให้ถือว่าสิทธิที่จะได้รับเงินช่วยเหลือหรือชดเชยอื่นๆ จากภาครัฐจะเป็นอันระงับสิ้นไปเมื่อได้รับเงินเยียวยาภายใต้หลักเกณฑ์ฉบับนี้แล้ว
เอกสารประกอบคำร้องเพื่อลงทะเบียน ขอรับเงินเยียวยา
ให้จ่ายเงินเยียวยาเฉพาะแก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยาที่ได้ยื่นคำร้องด้วยตนเอง หรือโดยผู้รับมอบอำนาจเพื่อลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาภายในเวลาที่กำหนดและได้นำเอกสารต่างๆ ต่อไปนี้มายื่นประกอบคำร้องด้วย
1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา (และของผู้รับมอบอำนาจในกรณียื่นโดยผู้รับมอบอำนาจ)
2.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา (และของผู้รับมอบอำนาจในกรณียื่นโดยผู้รับมอบอำนาจ)
3.หนังสือมอบอำนาจ (ในกรณียื่นโดยผู้รับมอบอำนาจ)
4.สำเนาใบมรณบัตรของผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นผู้เสียชีวิต
5.ใบรับรองแพทย์ที่แสดงได้ว่าผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียอวัยวะในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553)
6.ใบเสร็จรับเงินจากสถานพยาบาลแสดงจำนวนเงินที่ได้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 จากการบาดเจ็บหรือสูญเสียอวัยวะในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง (พ.ศ.2548-2553)
7.เอกสารที่แสดงได้ว่าผู้มีสิทธิได้รับเงินเยียวยามีความเกี่ยวข้องกับผู้เสียหายกลุ่มที่ 1 ที่เป็นผู้เสียชีวิตในฐานะเป็นบุตร สามีหรือภรรยา บิดาหรือมารดา ผู้อยู่ในอุปการะ หรือผู้ให้การอุปการะ (แล้วแต่กรณี)
8.เอกสารอื่นๆ ที่คณะทำงานกำหนด
กรณีเอกสารไม่ถูกต้องหรือครบถ้วนตามที่กำหนดข้างต้น ให้คณะอนุกรรมการด้านการเยียวยาทางแพ่งฯ มีอำนาจพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็นของเอกสาร ว่า เพียงพอที่จะพิสูจน์สิทธิได้รับเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์นี้หรือไม่ โดยอาจเทียบเคียงกับแนวทางปฏิบัติของทางราชการตามที่เห็นสมควร
Bookmarks