****************************************
"พายุสุริยะ" ใหญ่สุดรอบ 5 ปีบุกโลกบ่ายวันนี้ (8 มีนาคม 2555)
****************************************
"พายุสุริยะ" ใหญ่สุดรอบ 5 ปีบุกโลกบ่ายวันนี้ (8 มีนาคม 2555)
ผู้เชี่ยวชาญเตือนระวังระบบดาวเทียม-จีพีเอส-สื่อสาร ล่ม
ผู้เชี่ยวชาญได้ออกคำเตือนว่า พายุสุริยะที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี กำลังจะเข้าจู่โจมโลกในอีกไม่นานนี้ ซึ่งจะกระทบต่อระบบการสื่อสารหลัก ระบบนำร่องดาวเทียม และระบบนำทางเครื่องบิน
วันนี้ 8 มีนาคม 2555 พายุสุริยะจะพัดผ่านโลกในช่วงเวลาประมาณ 13.00-17.00 น. เวลาในประเทศไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศจากสหรัฐฯเผยว่า พายุดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2006 โดยพายุสุริยะจะปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูงมาสู่โลก ในช่วงระหว่างเวลาประมาณ 06.00 น. ถึง 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล (จีเอ็มที) หรือเวลา 13.00 น. ถึง 17.00 น. ตามเวลาในไทย ด้วยความเร็ว 1,400 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งเท่ากับที่จะเป็นโอกาสที่ดี ที่ประชาชนทั่วไปจะได้เห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้า หรือที่เรียกว่า "ออโรร่า" หรือแสงเหนือบริเวณประเทศในแถบขั้วโลกเหนือ หากท้องฟ้าแจ่มใส และในพื้นที่บางส่วนในเขตเอเชียกลาง
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซ่า เคยได้ออกแถลงการณ์เตือนให้ชาวโลก เตรียมรับมือกับ พายุสุริยะ ที่คาดว่าจะใหญ่ที่สุดในรอบ 7 ปีในสัปดาห์นี้ หลังจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์เกิดแรงระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร โดยเครื่องบินที่บินในเขตดังกล่าว ได้รับคำเตือนให้เปลี่ยนเส้นทางบินชั่วคราว ขณะที่ในประเทศอังกฤษ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเผยว่า โอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนืออย่างชัดเจน คือ คืนวันที่ 8 มี.ค.2555
นาซ่าระบุว่าการเคลื่อนตัวของพายุสุริยะมายังโลกในลักษณะเช่นนี้ จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ จนถึงปี ค.ศ. 2013
ทั้งนี้รังสีที่แผ่ออกมาจากพายุสุริยะ จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่อาจส่งผลรบกวนต่อการทำงานของดาวเทียมสื่อสาร และระบบการสื่อสารอื่นๆ ซึ่งแต่ละสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจะแตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้ รังสีที่แผ่ออกมาจากพายุสุริยะ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่อาจส่งผลรบกวนต่อการทำงานของระบบจีพีเอส การสื่อสารการบิน ระบบวิทยุ ระบบดาวเทียม และระบบการสื่อสารอื่นๆ บนโลก
พายุสุริยะ
โดยปกติดวงอาทิตย์ปลดปล่อยกระแสอนุภาคความเร็วเหนือเสียง (supersonic particle) ออกมา ซึ่งเรียกว่า ลมสุริยะ (solar wind) และเนื่องจากภายชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ประกอบด้วยอนุภาคมีประจุพลังงานสูงที่อยู่ในสถานะที่สี่ของสสาร ที่ชื่อ พลาสมา (plasma) การเคลื่อนที่ของอนุภาคมีประจุภายในชั้นบรรยากาศของดาวอาทิตย์ก่อให้เกิดสนามแม่เหล็ก (magnetic field) ทว่าความปั่นป่วนในการเคลื่อนที่อนุภาคมีประจุย่อมทำให้สนามแม่เหล็กปั่นป่วนด้วย ดังนั้นในบางครั้งบางคราว เส้นสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ (solar magnetic field line)จึงมีโอกาสที่จะปะทะสังสรรกัน จนเกิดปรากฎการณ์ที่เกี่ยวเนื่องจากสนามแม่เหล็ก เช่น การลุกจ้า (flare) การปลดปล่อยก้อนมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejections) เป็นต้น โดยปรากฎการณ์เหล่านั้นล้วนเป็นเหตุให้เกิดกระแสอนุภาคที่มีความเร็วสูงกว่าหรือ พลังงานมากกว่าลมสุริยะ ...พายุสุริยะ
สำหรับพายุสุริยะอย่างหยาบๆ ก็คือลมสุริยะที่พัดอย่างรุนแรงถึงระดับเกิดเป็นพายุสุริยะ และถ้าพัด (อย่างมีทิศทางไม่เหมือนกับลมสุริยะที่พัดไปโดยรอบอย่างสม่ำ เสมอ) ตรงมาทางโลก ก็ทำให้เกิดปัญหาต่อโลกมากทีเดียว
กลไกการเกิดพายุสุริยะ ยังไม่เป็นที่ทราบกันอย่างแน่ชัด แต่กลไกหรือสาเหตุหนึ่งของการเกิดพายุสุริยะที่มีความเป็นไปได้สูง คือเป็นผลจากการเกิดความแปรปรวนอย่างรุนแรงของสนามแม่เหล็กที่ผิวของดวงอาทิตย์ หรือเกิดพายุแม่เหล็ก ทำให้สนามแม่เหล็กที่ผิวดวงอาทิตย์ตัดกัน ชนกัน เกิดปฏิกิริยาระหว่างสนามแม่เหล็ก (ซึ่งโดยปกติจะไม่ชนกันหรือตัดกัน) อย่างรุนแรง ทำให้เกิดการปะทุของผิวดวงอาทิตย์ ที่พุ่งเป็นแนวโค้งขึ้นมาจากดวงอาทิตย์ ส่วนใหญ่ก็ตกกลับคืนสู่ดวงอาทิตย์ แต่ส่วนหนึ่งก็พุ่งออกไปเลยจากดวงอาทิตย์ เกิดเป็นปรากฏการณ์ coronal mass ejection มีสภาพเป็นพลาสมาคือ อิเล็กตรอน โปรตอน และไอออนของธาตุดังเช่นฮีเลียม, ออกซิเจน และเหล็ก
ลมสุริยะกับพายุสุริยะ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ลมสุริยะ (solar wind) และ พายุสุริยะ (solar storm) เหมือนกันตรงที่ต่างก็ปลดปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ แต่แตกต่างกันในความรุนแรงและสาเหตุที่มาของการเกิด ดวงอาทิตย์เป็นลูกไฟนิวเคลียร์หรือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ธรรมชาติ ทุกขณะเวลา เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ ฟิวชันที่แถบบริเวณใกล้ใจกลางดวงอาทิตย์ แล้วก็ปลดปล่อยพลังงานออกมารอบดวงอาทิตย์ ทั้งในรูปของพลังงานคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและอนุภาค
พายุสุริยะจึงคล้ายกับลมสุริยะที่ประกอบด้วยอนุภาคมีประจุไฟฟ้าดังเช่นลมสุริยะ แต่มีพลังงานสูงกว่า อยู่ในสภาพพลาสมามากกว่า และจึงมีสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นกว่าของลมสุริยะมาก อีกทั้งที่ดวงอาทิตย์เอง เมื่อเกิดพายุสุริยะ ก็จะเกิดพลังงานในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือรังสีอัลตราไวโอเลตพลังงานสูง และรังสีเอกซ์ที่รุนแรงเคลื่อนที่อย่างมีทิศทางไปจากดวงอาทิตย์ด้วย
พายุสุริยะมีผลกระทบต่อโลกอย่างไร?
ปกติพายุสุริยะจะไม่ ส่งผลโดยตรงต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก เนื่องจากโลกมีบรรยากาศและสนามแม่เหล็กคุ้มกัน มีเพียงนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอวกาศเท่านั้นที่อาจได้รับ อันตราย ทั้งจากพายุสุริยะและรังสีจากดวงอาทิตย์
ในอดีต พายุสุริยะเคยสำแดงฤทธิ์เดชให้เห็นแล้วหลายครั้ง เช่น ใน ค.ศ. 1859 พายุสุริยะทำให้สายโทรเลขลัดวงจรจนทำให้เกิดเพลิงไหม้หลายแห่งในยุโรปและ อเมริกา ส่วนใน พ.ศ. 2532 พายุสุริยะก็เคยทำให้หม้อแปลงของไฟฟ้าระเบิดจนทำให้ไฟดับทั่วทั้งจังหวัด ควิเบกของแคนาดามาแล้ว นอกจากนี้ดาวเทียมและยานอวกาศที่อยู่ในอวกาศก็อาจเสียหายจากพายุสุริยะได้ ในอดีตเคยมีดาวเทียมหลายดวงเสียหายจากเหตุการณ์นี้มาแล้ว เนื่องจากปัจจุบันชีวิตประจำวันของผู้คนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอวกาศมาก ทั้งโทรศัพท์ โทรทัศน์ การกระจายเสียงวิทยุ ระบบบอกพิกัด ฯลฯ ดังนั้นหากมีพายุสุริยะมาทำให้ดาวเทียมเหล่านี้เสียหายไป ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างแน่นอน
ผลกระทบของพายุแม่เหล็กโลกจากพายุสุริยะ กำลังเป็นเรื่องหนึ่งที่วงการวิทยาศาสตร์ปัจจุบันสนใจกันมาก เพราะเพิ่งจะทราบกันเมื่อไม่นานมานี้นักว่า เคยทำให้เกิดเหตุไฟฟ้าดับในแคนาดามาแล้วเมื่อ พ.ศ. 2532 และนักวิทยาศาสตร์ก็กำลังมีเทคโนโลยีใหม่ ที่เจาะศึกษาเรื่องพายุแม่เหล็กโลกโดยตรง ดังเช่น หอดูดาวในอวกาศ SDO (Solar Dynamics Observatory) ของนาซา ซึ่งเพิ่งส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ เพื่อศึกษาผลของพลังงานจากดวงอาทิตย์ ดังเช่นพายุสุริยะต่อสนามแม่เหล็กโลกโดยตรง
++++++++++++++++++++
Bookmarks