ย้อนมากล่าวถึง โต้วไทเฮา กันสักนิดเพื่อความเข้าใจ

ในตอนที่พระเจ้าฮั่นอู่ตี้เพิ่งจะขึ้นครองราชย์นั้น เขาเพิ่งอายุแค่ 16 ปี อำนาจปกครองตกอยู่ในมือของท่านย่าของเขา โต้วไทเฮา และโต้วไทเฮากดหัวฮั่นอู่ตี้มากๆ จนตำแหน่งฮ่องเต้จะหลุดจากตัวเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ฮั่นอู่ตี้จึงใช้วิธีดันขั้วอำนาจใหญ่ขึ้นมาคานอำนาจของโต้วไทเฮา คือตระกูลหลี่ของท่านแม่เขา ตามด้วยตระกูลเว่ยของฮองเฮาเขา จนเมื่อโต้วไทเฮาสิ้น ฮั่นอู่ตี้จึงแย่งอำนาจกลับคืนมาได้เต็มที่ และดำเนินการล้างแค้นด้วยการประหารฆ่าล้างตระกูลโต้วที่เหิมเกริมสุดๆ ช่วงที่โต้วไทเฮายังมีชีวิตอยู่จนหมด

ในเรื่อง แม่ของเมิ่งจิ่วเป็นหลานยายของโต้วไทเฮา และเป็นลูกพี่ลูกน้องของฮั่นอู่ตี้ ในช่วงที่โต้วไทเฮายังอยู่ สือฟังจึงรุ่งเรืองมาก และเมื่อโต้วไทเอาสิ้น สือฟังจึงถูกฮั่นอู่ตี้เล้งจ้องจะเล่นงาน ดังนั้นเมิ่งจิ่วจึงจำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อให้สือฟังอยู่รอดต่อไปได้



เดิมทีที่จินอวี้ขอมาบริหารลั่วอวี้ฟัง ก็เพราะหวังจะช่วยกระตุ้นกิจการที่ซบเซาของสือฟังให้เฟื่องฟูเหมือนเดิม เป็นการทำเพื่อเมิ่งจิ่วคนเดียวล้วนๆ เมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้เสียแล้ว ก็เหมือนสูญเสียจุดประสงค์ที่จะทำไป จึงได้แต่นั่งเหม่อไม่เข้าใจ หงกูส่งคนที่สนิทกับจินอวี้แทบจะทั้งลั่วอวี้ฟังมาช่วยกันเกลี้ยกล่อม รวมทั้งหลี่เหยียน(น้องสาวของมือพิณระดับเทพ เป็นผู้หญิงที่คิดจะเข้าไปอยู่ในวังหลัง) จนสุดท้ายจินอวี้ก็ตัดสินใจจะไม่วางมือ แต่จะทำต่อไปให้ถึงที่สุด หลี่เหยียนยังเปรยด้วยว่า นายใหญ่ของสือฟังนี่ประหลาดจริงๆ กิจการสบายๆ กำไรดีอย่างลั่วอวี้ฟังดันไม่ทำ กลับขายทิ้งเอาเงินไปทำกิจการขายยาที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงกว่าเสียได้ จินอวี้ได้ยินแบบนี้ก็นึกประหลาดใจเหมือนกันว่าเมิ่งจิ่วคิดจะทำอะไร

คืนนั้น จินอวี้ตัดสินใจกลับไปค้างที่คฤหาสน์ตระกูลสือเหมือนปกติ แล้วไปหยุดยืนซึมดูเงาของเมิ่งจิ่วที่ทาบอยู่กับกระดาษบุหน้าต่าง

ตั้งแต่วันแรกที่มาค้างที่คฤหาสน์ตระกูลสือ ที่เมิ่งจิ่วบอกให้จินอวี้เลือกนอนในห้องว่างห้องไหนก็ได้ตามสบาย แล้วจินอวี้เลือกห้องในเขตสวนไผ่ เมิ่งจิ่วก็อนุญาตง่ายๆ นั้น ทุกคนในคฤหาสน์ โดยเฉพาะสามพ่อบ้านลูกบุญธรรม สือจิ่นเหยียน(ระวังวาจา) สือเซิ่นสิง(ระวังกิริยา) สือเทียนเจ้า ตกตะลึงกันมาก เพราะเมิ่งจิ่วชอบความเงียบสงบจนขึ้นชื่อ แล้วเขตสวนไผ่นั่น กระทั่งพวกเสี่ยวเฟิงทั้ง 4 คน เฟิง(ลม) อวี่(ฝน) เหลย(ฟ้าผ่า) เตี้ยน(ฟ้าแลบ) พ่อบ้านฝึกหัดของคฤหาสน์ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ย่างกรายเข้าไปเลยเพราะเมิ่งจิ่วมองว่าหนวกหู แต่ดันยอมให้จินอวี้ที่หนวกหูยิ่งกว่าเข้าไปอยู่ได้ แสดงว่าในสายตาของเมิ่งจิ่ว จินอวี้ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแน่ๆ

นอกจากนี้ในวันแรกที่อู๋เหยียพาจินอวี้เข้ามาพบเมิ่งจิ่ว เมื่อได้ยินเสียงท้องจินอวี้ร้อง เมิ่งจิ่วก็ถามว่าอยากทานอะไร เมื่อจินอวี้บอกว่าเนื้อย่างชิ้นใหญ่ๆ จากนั้นสั่งให้พ่อครัวของคฤหาสน์ทำขาหมูย่างทั้งขามาให้กับผัดผักสองจาน แล้วเมื่อเห็นจินอวี้กินแต่ขาหมูย่างไม่กินผัก ยังพูดหลอกล่อบอกเด็กผู้หญิงควรจะกินผักด้วย ผิวจะได้สวย

เวลาจินอวี้โผล่ไปหา เมิ่งจิ่วจะว่างคุยด้วยเสมอ และยิ้มให้อย่างอ่อนโยนตลอด ตอนที่จินอวี้หัดเป่าขลุ่ย(ทางลั่วอวี้ฟังสอนมา) เป่าแบบกระท่อนกระแท่นเป็นอยู่เพลงเดียว แถมเป็นเพลงเศร้า แต่คนเป่ากำลังแฮปปี้มาก นั่งเป่าอยู่บนหลังคา หนวกหูเห็นๆ เมิ่งจิ่วไม่ได้บ่นหรือว่าสักคำ แถมยังหยิบขลุ่ยมาเป่าแบบถูกต้องและเพราะมากให้ฟัง แล้วสอนให้

ตอนที่จินอวี้ต้องเจาะหู แล้วใส่อะไรบางอย่างเข้ามาในรูหูที่เจาะเพื่อไม่ให้รูมันมิด กลับมาเจอเมิ่งจิ่ว จินอวี้ก็เอามือปิดหูเพราะอาจว่ามันน่าเกลียด เมิ่งจิ่วก็บอกว่าช่วงสิบวันแรกที่เจาะหูเขาห้ามเอามือไปแตะแผล เพราะจะเป็นหนองได้ จากนั้นบอกให้บ่าวรับใช้เอายาฆ่าเชื้อมา จากนั้นช่วยเช็ดแผลที่หูให้จินอวี้ด้วยตัวเอง

เพราะตอนนี้ใจของจินอวี้เอนเอียงมาทางเมิ่งจิ่วจนเรียกได้ว่า “รัก” แล้ว เพราะงั้นเมื่อถูกเมิ่งจิ่วพูดแบบนั้นใส่ จึงเสียใจมาก ได้แต่ยืนเหม่อมองเงาของเขาที่ทาบอยู่บนหน้าต่าง เอามือลูกตำแหน่งของคิ้วตาจมูกปาก

ระหว่างที่ยืนเหม่อยกมือลูบค้าง อยู่ๆ หน้าต่างก็เปิดออก จินอวี้รีบหดมือกลับ เมิ่งจิ่วยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนเคย ถามว่ามานานหรือยัง ข้างนอกน้ำค้างแรง ถ้าไม่รีบกลับ ก็เข้ามานั่งข้างในก่อนสิ จินอวี้ก็เข้าไปในห้อง พบว่าจุดตะเกียงอยู่ จึงถามว่าทำไมไม่ใช้เทียนไขล่ะ ? (ตะเกียงจะมีควัน แต่เทียนไขไม่มี) เมิ่งจิ่วพูดว่า โบราณว่าจุดตะเกียงแล้วเรื่องน่ายินดีจะมาเยือน เขาจึงลองดูว่าจริงหรือเปล่า จินอวี้จึงถามว่าแล้วตกลงจริงหรือเปล่า เมิ่งจิ่วยิ้มละไมโดยไม่ตอบ เปลี่ยนเป็นพูดว่า เขายังได้ยินด้วยว่า โบราณว่าถ้าไฟตะเกียงเปลี่ยนเป็นสีเขียว แสดงว่ามีวิญญาณโผล่มา เมื่อกี้เขาเห็นมันเปลี่ยนเป็นสีเเขียว จึงลองเดินมาเปิดหน้าต่างดู ก็เจอจินอวี้ จินอวี้รู้สึกหรือเปล่าว่าเมื่อกี้มีอะไรยืนอยู่ข้างๆ บ้างไหม ?

จินอวี้เปลี่ยนเรื่องเป็นพูดแซวเล่นๆ ว่า ได้ยินเสี่ยวเฟิงบอกว่าเมิ่งจิ่วเป็นวิชาแพทย์ด้วย แบบนี้ต่อไปเวลาป่วยก็ไม่ต้องเปลืองตังค์ไปหาหมอแล้วสิ มาให้เมิ่งจิ่วรักษาก็ได้ เมิ่งจิ่วบอก เป็นเพราะร่างกายอ่อนแอมาแต่เด็ก หมอฝีมือดีเดินสวนสนามเข้าออกในคฤหาสน์เป็นว่าเล่น เขาเลยพลอยเรียนรู้วิชาแพทย์ติดตัวมาด้วย (ความจริงฝีมือแพทย์ของเมิ่งจิ่วระดับหมอเทวดาเลย ฝีมือในการสร้างอุปกรณ์กลไกต่างๆ ก็ระดับเทพวิศวกร แล้วยังรู้ภาษาชาวซีอวี้ทุกแคว้นตลอดจนภาษาซยงหนู มีความรู้กว้างขวางอย่างมาก)

ทั้งสองคุยกันอยู่พักใหญ่จนเริ่มดึกมาก เมิ่งจิ่วก็บอกให้กลับห้องไปนอนได้แล้ว จินอวี้จึงถามว่า เมิ่งจิ่วยังยอมให้นางนอนพักที่นี่ได้อีกหรือ ? เมิ่งจิ่วบอก เดิมทีห้องนั้นก็เป็นห้องว่างอยู่แล้ว เก็บไว้ให้เจ้าพักก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ตอนนี้เจ้ามีกิจการของตัวเอง จะไปๆ มาๆ คงไม่ค่อยสะดวกนัก

เมื่อพูดถึงเรื่องกิจการ จินอวี้จึงถามว่าถ้านางจะขอซื้อหอนางโลมที่สือฟังจะขายทั้งหมด เมิ่งจิ่วจะว่าอะไรไหม ? เมิ่งจิ่วบอกถ้ามีปัญญาจ่ายเงินก็ซื้อได้ ไม่ว่าอะไร จินอวี้จึงบอก นางไม่มีเงิน ขอยืมหน่อยสิ (เป็นการจงใจพยายามยึดความสัมพันธ์ของตัวเองกับเมิ่งจิ่วเอาไว้ด้วยการเป็นหนี้นี่แหละ) เมิ่งจิ่วใช่ว่าไม่รู้ จึงบอกว่า เขาให้ยืมได้แค่ค่าไถ่ลั่วอวี้ฟังเท่านั้น หากอยากซื้อหานางโลมอื่นด้วย จินอวี้ต้องไปหาทางเอาเอง

เนื่องจากคำพูดของเมิ่งจิ่วค่อนข้างกระด้าง จินอวี้จึงออกจะน้อยใจ เมิ่งจิ่วจึงบอกว่า น้ำในเมืองฉางอานนั้นลึกมาก ตัวเขาต้องลงมาอยู่ในน้ำนี้เพราะไม่มีทางเลือก แต่เขาไม่หวังให้จินอวี้ต้องมาเป็นอย่างเขาด้วย จินอวี้จึงบอก มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ เราไม่รุกรานเขา ใช่ว่าเขาไม่มารุกรานเรา เมิ่งจิ่วจึงบอก เรื่องนี้วางใจได้ เขาจะจัดการกวาดทางให้เอง จะไม่มีใครมาหาเรื่องลั่วอวี้ฟังได้อย่างแน่นอน

จินอวี้นึกขึ้นได้ จึงถามเมิ่งจิ่วว่าทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปทุ่มทุนลงในกิจการขายยาล่ะ ? ผลคือท่าทีของเมิ่งจิ่วเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันทีจนจินอวี้งงมากว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือ จากนั้นเมิ่งจิ่วจึงตัดบทว่า ที่เขาตัดลั่วอวี้ฟังออกจากสือฟัง ก็เพราะเขาหวังดีกับจินอวี้ พูดจบก็ไล่จินอวี้ไปนอน โดยบอกว่าเขาเหนื่อยแล้ว



และแล้ววันที่จินอวี้รอคอยก็มาถึง หลังจากเปิดแสดงละครเพลงมาได้ประมาณสิบกว่าวัน องค์หญิงฉางผิงก็มาเยือน จินอวี้จึงสั่งให้คืนเงินให้แขกที่มารอดูละครเพลงโดยบอกไปว่าองค์หญิงเสด็จมา พร้อมกับบอกว่าพวกที่มาดูในวันนี้แล้วอดดู หากมาครั้งหน้าให้เข้ามาดูฟรีได้เลย จากนั้นสั่งให้หลี่เหยียนเหนียนเตรียมพร้อมเข้ามาดีดพิณประกอบละครเพลงแทนคนดีดพิณประจำคนเดิม ส่วนตัวนางก็โดนหงกูจับแต่งตัวเต็มยศไปข้าเฝ้าองค์หญิง

ข้างฮั่วชวี่ปิ้ง เมื่อได้รู้เรื่องที่องค์หญิงฉางผิงมาที่ลั่วอวี้ฟัง เขาก็รีบตามมาเพื่อช่วยกางปีกปกป้องจินอวี้ทันที

หลังจากได้ลองชมละครเพลงที่มีหลี่เหยียนเหนียนดีดพิณ และนักร้องที่ร้องเพลงเก่งที่สุดในลั่วอวี้ฟังเป็นคนร้องเพลงแล้ว องค์หญิงก็พอใจมาก แต่ก็สั่งด้วยว่า อยากให้เลิกแสดงละครเรื่องนี้แต่เพียงเท่านั้น แล้วยังถามด้วยว่าทำไมถึงเลือกแสดงละครเรื่องนี้ ?

ฮั่วชวี่ปิ้งออกหน้าพูดปกป้องให้ว่าจินอวี้เลือกเนื้อเรื่องนี้มาแสดงละครเพราะต้องการดึงความสนใจจากเขา แล้วเล่าว่าเขากับจินอวี้เคยพบกันมาก่อนในทะเลทรายโกบีเมื่อตอนที่เขาไปปฏิบัติหน้าที่ตามบัญชาของฮุ่นอู่ตี้ แล้วเล่าเหตุการณ์ตอนที่เจอกับจินอวี้ให้ฟัง โดยที่ตอนพูดนี่ ฮั่วชวี่ปิ้งมาคุกเข่าพูดอยู่ข้างๆ จินอวี้ แล้วแอบจับมือนาง เนื่องจากแขนเสื้อมันยาวและกรุยกรายมาก จึงไม่มีใครมองเห็น จินอวี้แอบจิกเล็บใส่มือฮั่วชวี่ปิ้ง ฮั่วชวี่ปิ้งจึงขู่ด้วยการร้องขึ้นว่า “งูพิษ !” ทำเอาองค์หญิงตกใจ จินอวี้จนแต้มจะรับมือ เลยได้แต่ปล่อยให้ยอมโดนจับมืออย่างหมดทางเลือก

เนื่องจากฮั่วชวี่ปิ้งเป็นทั้งหลานชายของสามีองค์หญิง(เว่ยชิง)และคนโปรดของฮั่นอู่ตี้ การที่ฮั่วชวี่ปิ้งแสดงการปกป้องจินอวี้อย่างออกหน้า จึงเป็นการบอกต่อองค์หญิงกลายๆ ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา

หลังจากองค์หญิงกลับไปแล้ว จินอวี้ก็นอนลงบนตั่งที่ให้องค์หญิงนั่งเมื่อครู่อย่างหมดแรง บอกว่าเหนื่อยจริงๆ เวลาองค์หญิงถาม ต้องคิดให้รอบคอบก่อนตอบทุกคำ แล้วจะตอบช้าเกินไปก็ไม่ได้ด้วย ฮั่วก็บอกว่า รู้อย่างนั้นแล้วยังจะแต่งตัวซะเต็มยศแบบนี้อีก นี่ยังดีนะที่เขาได้ยินว่าองค์หญิงมาที่นี่ เลยรีบตามมา ไม่อย่างนั้นต่อให้ด่าเจ้าจนตายก็เหนี่ยวรั้งเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว จินอวี้บอก ฮั่วชวี่ปิ้งนี่กังวลเกินเหตุ ฮั่วจึงดุว่า กังวลเกินเหตุรึ ? เอาไว้ตอนองค์หญิงประเคนเจ้าให้ฮ่องเต้แล้วจะรู้สึก จินอวี้พูดว่า แล้วถ้ามีคนที่เป็นตัวเลือกในการประเคนให้ฮ่องเต้ที่ดีกว่านางล่ะ ?

ฮั่วชวี่ปิ้งชะงักไป ก่อนจะถามว่าใครกันหรือ ? จินอวี้ย้อนถามโดยไม่ตอบว่า ถ้านางจะส่งผู้หญิงคนหนึ่งเข้าวังหลัง ฮั่วชวี่ปิ้งจะโทษว่าอะไรนางหรือเปล่า ? ฮั่วชวี่ปิ้งบอก ตอนนี้น้าสาวของเขาเริ่มมีอายุ ฮ่องเต้จึงเริ่มโปรดปรานน้อยลงแล้ว ถึงจินอวี้ไม่ส่งคนใหม่เข้าไป คนอื่นก็ต้องส่งเข้าไปอยู่ดี อย่างตอนนี้องค์หญิงก็พยายามหาหญิงงามมาประเคนให้ฮ่องเต้อยู่ แต่ฮ่องเต้นอนด้วยแค่ 2-3 ครั้งก็เบื่อ หญิงงามนั่นก็ถูกทิ้งลืมเอาไว้ในวังหลังทั้งอย่างนั้น เพราะจะมีใครสักกี่คนที่จะเทียบน้าสาวของเขาที่สามารถมัดใจฮ่องเต้เอาไว้ได้นานหลายปีได้ ?