..............................................................................................................


ดงหญ้าคาที่แห้งกรอบเพราะพิษของไอแดดในฤดูร้อนปลายเดือนมีนาคม
ย่างเข้าสู่เดือนเมษายน อย่างโหดร้ายสิ้นดี ไม่มีคำว่าปราณีจากธรรมชาติ
คงต้องตั้งหน้าตั้งตารับชตากรรมกันต่อไป สำหรับชาวไร่ชาวนาอย่างเรา..

สายตาที่จับจ้อง จดจ่ออยู่กับขอบฟ้าอันไกลโ้พ้น ที่พาดผ่านทุ่งนาข้าว แซมด้วยจอมปลวก
และไม้ใหญ่ที่ยืนต้นตระง่านทานลมร้อนแห่งฤดู อย่างไม่แยแส แม้จะมีเพียงเสี้ยวที่เมฆก้อนน้ิอย
ลอยมาบังเงาให้บ้าง
หลังที่เอนพิงกับโคนต้นไม้ใหญ่ ที่ยึดรั้งไว้ด้วยลำไม้ไผ่และหญ้าแฝกมุงเป็นเพิงพักพิงไว้อิงในยามหลบร้อน
ในมือที่ถือเพียงดอกหญ้า ที่หยิบขึ้นมาเพียงเสี้ยวอารมณ์คิดถึงใครคนนั้นที่จากไปเสียนาน...จนใจฉันท้อ..

หลายเพลาที่รอ รอหวังเพียงเธอจะกลับมาตามสัญญาที่ให้กันไว้ก่อนจากไปหลังฤดูเก็บเกี่ยว
มีเพียงจดหมาย ฉบับเดียวที่เจ้าส่งมาแนบด้วยคำว่า "รอ" ต่อสัญญาลมหายใจแห่งความคิดถึงไปอีกนิด

ครั้งกระนั้น เมื่อมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสายตาที่เป็นห่วง บอกให้ลืมสิ้นเสียเถอะ เธอไปแล้ว...
หลักประกันนั้น ไม่ต้องการพยานหลักฐานไดๆ เพียงเพราะคนไกล้ชิดสนิทเธอ ให้ปากคำเป็นเที่ยงแท้แน่แล้ว
คงต้องยอม...

สายเกินไปเสียแล้ว เพราะใจฉันมันรักเธอจดหมดทุกห้อง สายตาที่จะมีให้กับใครใดๆนั้น
ฉันเก็บมันไว้ให้เธอเพียงคนเดียว เพราะหัวใจฉันไม่เคยสั่งมันให้ไปมองใครแม้เพียงคิด
ร.เรือ ไม่หันอากาศ ก.ไก่ นอนตายสนิท ปล่อยให้ชีวิตฉันล่องลอยไปตามกระแสลม
อย่างไม่ใยดี

นี่ก็เมษาแล้วซินะ แล้วฉันละ มายืนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร เพื่่อใคร ฤามันคงจะจบแล้วจริงๆ
ถึงบางครั้งทางเดินมันจะไกลจนมองไม่เห็นปลายทาง แต่ข้างทาง ก็ยังสวยงามไปด้วยความห่วงใยจากสิ่งสวยงาม
อย่างน้อยก็ยังมีขอบฟ้าเป็นเพื่อนคอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ มิเคยหลบลี้ไปไกลกว่าเก่า
แล้วใยเล่า ใจยิ่งคิดถึงเจ้า เจ้าก็ยิ่งห่างออกไป เฉกเช่นนี้.....................