อย่ากระนั้นเลย ว่าแล้วผมก็เปลี่ยนบริษัท รปภ. อีกครั้ง คราวนี้เป็นบริษัทใหญ่มีนายตำรวจยศระดับนายพลเป็นที่ปรึกษา เครื่องแบบหรูหราสง่างาม ผูกไท อย่างดี ผมคิดอยู่ในใจค่าผ่อนเครื่องแบบคงไม่ต่ำกว่า 2 ปี กว่าจะเป็นไท
เครื่องแบบเป็นชุดสีกากีอ่อนเหมือนเครื่องแบบทหาร ใส่หมวกหนีบ ดูดีมีสง่า รับงาน รปภ.ตามโรงแรม และอพาร์ตเม้นท์ดัง ๆ ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ ๆ เช่น เชียงใหม่, นครราชสีมา ผมเลือกลงในกรุงเทพมหานคร
ผมประจำอยู่บริษัทสยามยามาฮ่าแถว ๆ ดินแดง และย้ายไปเรื่อย ๆ ตามศูนย์การค้า และออฟฟิตของบริษัทต่างประเทศที่ต้องการรักษาความปลอดภัย
ประสบการณ์ที่ได้รับจากบริษัท รปภ.แห่งนี้คือ การต่อสู้ป้องกันตัว รวมถึงการ รปภ.สถานที่และบุคคล
ผมลาออกจาก รปภ. เพราะจะต้องเข้าเป็นทหารอีกครั้ง คราวนี้ไปเป็นทหารประจำการ ไม่ใช่ทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) เหมือนครั้งก่อน แฮ่ม...เข้าไปในโควต้านักฟุตบอล แทนที่จะเข้าไปในโควต้านักมวย เพราะดูหน่วยก้านแล้วน่าจะเป็นนักมวยมากกว่า
ผมรับราชการอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี 2 ปี ก่อนที่จะย้ายตามภรรยาเข้ามาในกรุงเทพฯ แถว ๆ สถานีรถไฟสามเสน งานขายของผมเริ่มต้นที่นี่อีกครั้ง
ประเดิมด้วยเป็นพ่อค้าขายรองเท้าแตะ เห็นพี่ที่ทำงานเขาขายตามตลาดนัด ผมก็ขอแบ่งเขามา บอกพี่เขาว่าจะขายให้ผมในราคาส่งหรือจะเอากำไรนิดหน่อยก็ตามใจ ถือว่าเป็นค่าขนส่งให้พี่
ตกลงราคากันที่คู่ละ 45 บาท ขายได้จึงจะส่งเงินให้เขา ขายไม่ได้ก็เอามาคืน เงื่อนไขเข้าท่าดี ...555 ผมก็เอามาลองดูประมาณ 50 คู่ โดยผมกำหนดราคาไว้ที่ราคาคู่ละ 69 บาท แทนที่จะเป็นคู่ละ 70 บาท
เทคนิคการขายก็คือว่า การลงท้ายด้วย 9 ทำให้ดูเหมือนว่าราคาถูก เช่น 19, 39, 59, 79, 99 แต่สำหรับผม ๆ ชอบ 69 มากกว่า
ผมพักอยู่ที่สามแยกไฟฉาย (สายใต้เก่า) เป็นห้องเช่าแคบ ๆ บ้านไม้ มุงสังกะสี หน้าต่าง 1 บาน เวลาทอดไข่ ทำกับข้าวต้องเอาพัดลมเป่าออกนอกหน้าต่าง ...โอ๊ะ..ลืมบอกไปว่า มีประตู 1 บานด้วย เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นคนชอบปีนหน้าต่างเข้าบ้าน
เลิกงานกลับถึงห้องพักประมาณห้าโมงเย็น ผมเดินเลาะไปตามบาทวิถี (ฟุธบาท) เพื่อหาทำเลที่ว่าง ก็ไม่มี ไปเจอที่ว่างเท่าแมวดินตายเป็นที่ขายก๋วยเตี๋ยวเขาจะเลิกขายประมาณ 6 โมงเย็นกว่า ๆ เมื่อเขาเก็บผมก็จะเอาเสื่อน้ำมันไปปูและจัดวางรองเท้าเป็นคู่อย่างมีระเบียบ
ในขณะที่ลูกค้าเดินผ่านไปผ่านมา เราก็แกล้งจัดสลับคู่ไปเรื่อย ๆ หรือไม่ก็นำเงินที่เตรียมไปจากบ้านออกมานับ ให้ลูกค้าดูเสมือนว่า เราขายได้ "รองเท้าเจ้านี้มีคนซื้อไปหลายคู่ ไม่เฉพาะตัวเรา" แต่แท้ที่จริงนั่งอยู่เกือบชั่วโมงขายไม่ได้แม้แต่คู่เดียว
พอมืดเริ่มรู้สึกหิวข้าว มีร้านขายขนมอยู่ข้าง ๆ มีร้านขายหนังสือเก่า ร้านขายม้วนเทปผมก็ไปอุดหนุน จริง ๆ แล้วไม่อยากซื้อหรอก แต่เพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์ พูดคุยสอบถามเพื่อสร้างความคุ้นเคยและเพื่อหาช่องทาง แฮ่ม..วันนั้นแม่ค้าขายขนมซื้อรองเท้าผมไป 1 คู่
ผมกลับไปนั่งที่ ๆ ผมขายรองเท้า ผ่านไปเกือบ 2 ชม. ไม่ได้ขายเลยเพราะผมไม่ได้เชิญชวน ไม่ได้การแล้ว "เชิญครับ ๆ เชิญเลือกซื้อเลือกหา เลือกชมรองท้าคอลเล็กชั่นใหม่ ทำเองเย็บเองครับ น้ำหนักเบาแข็งแรงทนทานครับ เชิญครับ" ผมเอ่ยปากชักชวนลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมา
ปรากฎว่าได้ผลครับ หลายคนหยุดดู ลองสวมใส่ หลายคนดึงแล้วดึงอีก ทนจริงหรือเปล่า ผมคอยลุ้นแทบตายกลัวมันขาด (กะว่าจะดึงให้ขาดเลยมั้ง...ผมคิดในใจ)
เทคนิคการขายอีกอย่างคือการชี้ชวนหรือเชิญชวน อย่าไปนั่งหน้าบูดหน้าบึ้งทำหน้าไม่รับแขกอยู่เฉย ๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือที่ตลาดนัดสวนจตุจักร จะเปิดเพลงยืนบนเก้าอี้เต้นท่าแปลก ๆ
หรือจัดฉากหาคนมาสัก 10 คน แกล้งเลือกซื้อเลือกหาสินค้า เพื่อดึงดูดลูกค้า เป็นเทคนิคการขายโดยใช้กลุ่มคน นอกเหนือจากเทคนิคการขายเรื่องราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 รวมถึงการกล่าวชักชวนตามที่กล่าวมาแล้ว
Bookmarks