ยังแต่งผญาไม่เป็นครับ แต่ชอบอ่านและฟัง ขอคำชี้แนะทุุกท่านหน่อยครับจะเริ่มแต่งผญานี้ต้องเริ่มตรงไหนยังไง และอะไรคือแรงบันดาลใจ และการสัมผัสมันคือ ม่วนแท้พี่น้อง ไผ๋เป็นกะสอนกันแน่เป็นหยัง
สมาชิกใหม่ขอฝากไว้ในอ้อมอกแน่เด้ออ:,1-
ยังแต่งผญาไม่เป็นครับ แต่ชอบอ่านและฟัง ขอคำชี้แนะทุุกท่านหน่อยครับจะเริ่มแต่งผญานี้ต้องเริ่มตรงไหนยังไง และอะไรคือแรงบันดาลใจ และการสัมผัสมันคือ ม่วนแท้พี่น้อง ไผ๋เป็นกะสอนกันแน่เป็นหยัง
สมาชิกใหม่ขอฝากไว้ในอ้อมอกแน่เด้ออ:,1-
:b-b กินน้ำเย็นๆก่อนจ้า คุณทนาย ค่อยๆศึกษาไปจ้า มีอาจารย์ผู้เผิ่นเก่งๆอยู่หลายคนในบ้านมหา แต่ส่วนโตนู๋น้อย จะแต่งกลอน หรือ ผญ๋า จากสิ่งแวดล้อมและความรู้สึก ณ ตอนนั้นจ้า มันไหลมาเอง แบบบ่ได้ตั้งใจลังเทื่อ หาแนวจดทันกะทัน บ่ทันกะลืมไป มันเป็นช่วงหนึ่งของอารมย์ ..นั้นน้าจ้าคุณทนาย
ป้าแดงว่าไปอ่านคอลัมน์ ผญา-สุภาษิต กับ ผญาของอ.ศรีสะท้าน แล้วกะเบิ่งจำนวนคำ การสัมผัสของเพิ่น แล้วกะลองแต่งบทเดียว(ก่อนจ้า) เลียนแบบเพิ่นให้จำนวนคำ สัมผัสลงหม่องเดียวกับเพิ่นเปี๊ยบเลยจ้า แล้วเอามาลองอ่านเบิ่งเดอจ้า เจ้าสิดีใจแฮงๆๆๆๆๆ (ข่อยเขียนผญา(เลียนแบบ)ได้แล้วอ่านหลายๆเขียนดู๋ๆ จับจังหวะให้ได้
ป้าให้คะแนนอ.ศรีสะท้านแข่นๆเลยจ้าเบิดบ้านมหาเนี่ย
ดีใจมากครับที่มีผู้สนใจผญาซึ่งเป็นปรัชญาแบบอิสานบ้านเฮา ต้องอาศัยความสนใจครับแล้วกะฝึกอยู่บ่อยๆ หาคำสัมผัสคล้องจอง ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยวกะคล่องไปเองครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านมหาดอตคอม มาหม่วนนำกันเด้อครับ
นั่นคือ
- คำที่๗ ของวรรคที่๑ ให้สัมผัสกับคำที่ ๘ หรือ ๙ หรือ ๑๐ หรือบุรพบท ก็ได้ ของวรรคที่๒
- คำที่๑๔ ของวรรคที่๒ ให้สัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือบุรพบท ก็ได้ ของวรรคที่๓
- คำที่๗ ของวรรคที่๓ ให้สัมผัสกับคำที่ ๘ หรือ ๙ หรือ ๑๐ หรือบุรพบท ก็ได้ ของวรรคที่๔
(ที่มา: Isan.clubs.chula.ac.th)
นั่นคือ
- คำที่๑๔ ของวรรคที่๔ ให้สัมผัสกับคำที่ ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือบุรพบท ก็ได้ ของวรรคที่๑ บทถัดไป
ตัวอย่าง
พี่น้องเอย...(คำ "ซุ่ม" ของวรรคที่๑ ก่ายกับคำ "กุ่ม" ของวรรคที่๒ และคำ "หาง" ของวรรคที่๒ ก่ายกับคำ "นาง" ของวรรคที่๓ และคำ "ลั่น" ของวรรคที่๓ ก่ายกับคำ "จั่น" ของวรรคที่๔)
เพิ่นว่า เมืองอีสานนี่ ดินดำน้ำซุ่ม
ปลากุ่มบ้อน คือแข้แกว่งหาง
ปลานางบ้อน คือขางฟ้าลั่น
จั๊กจั่นฮ้อง คือฆ้องลั่นยาม
คันเจ้าได้ขี่ซ้าง อย่าลืมหมู่ หมูหมา(คำ "หมา" ของวรรคที่๑ ก่ายกับคำ "ห่า" ของวรรคที่๒ และคำ "ย้าน" ของวรรคที่๒ ก่ายกับคำ "ฟาน" ของวรรคที่๓ และคำ "ไล่" ของวรรคที่๓ ก่ายกับคำ "ได้" ของวรรคที่๔)
ห่าขโมยมาลัก สิเห่าหอน ให้มันย้าน
ลางเทื่อกวงฟานเต้น นำดงสิได้ไล่
ลางเทือได้ต่อนซิ้น ยังสิได้ อ่าวคุณ
หล้าน้องสาวเอ้ย..(คำ "สวน" ของวรรคที่๑ ก่ายกับคำ "มวล" ของวรรคที่๒ และคำ "เล้า" ของวรรคที่๒ ก่ายกับคำ "เว้า" ของวรรคที่๓ และคำ "ห่าง" ของวรรคที่๓ ก่ายกับคำ "ต่าง" ของวรรคที่๔)
ไกลขอให้ไกลแต่บ้าน ฮั่วไฮ่ นาสวน
ไกลขอให้ไกลแต่มวล หมู่เฮือน กับเล้า
ส่วนว่าวาจาเว้า สองเฮา อย่าได้ห่าง
แม้นสิอยู่ต่างบ้าน ความเว้า อย่าห่างกัน
(ที่มา: Isan.clubs.chula.ac.th )
เพิ่มเติม ฟังหม่วนๆครับ
พี่น้องเอย...
เผิ่นหว่าวัดและบ้านจะต้องเผิ่งอาศัยกัน
บริษัทสัมพันธ์สี่เสาเฮาหนุนไว้
บ่ออาจป๋ากันได้เทิงสองทางสิม้างหมุ่น
ยามเจ็บเป็นเอ็นอุ่นบ้านบ่อขัดวัดบ่อถิ่มสลักลิ่มใส่ใจ
แหม่นสิทุกข์ยากฮ้ายเฮาหากแหม่นนามคน
แหม่นสิรวยหรือจนให้เผิ่งพากันไว้
คือจั่งเฮือคาแก้งเกวียนเห็นเกียนได้แก่
บาดห่าไปฮอดน้ำเฮือสิได้แก่เกียน ซั่นแหล่วพี่น้องเอ้ย......
พี่น้องเอย
เสียงพิณห่าว เสียงแคนกะจ้าวส่ง
โปงลางโต๋ต่องต้อน สะออนแท้ ม่วนหลาย
ตั้งแต่กี้ ยามค่ำกะยังได้ยินเสียง อยู่น๊อ
ถึงยามแลงยังได้ยินเสียงห่าว
อ้ายหนุมลงชมสาว เอาแคนจ้าวเป็นหมู่
เป็นสัญญาณ บอกให้นางมิ่งชู้ ว่าโตอ้ายพิสิมา
ให้นางจัดแต่งพร้อม เชียนยากับแอบหมาก พี่เด๊อ
ชายสิขึ้นล่วงบ้าน มาเว้าแอ่วออย
พ่อแม่ฮู้ บ่ไดล่วงเลยผี เฮือนแหล่ว
ไปกะมีคนเห็น บ่ล่วงกายเกินกล้ำ
มากะมีคนพ้อ เอาเสียงแคนเสียงซอ เอาพิณอ้อนมาก่อน
ฟังเสียงอ๋อออดออ ฟังหย่าวๆอ้อน สะออนโอ้โอ่ละนอ
สู่มื้อนี้ ภาพแต่ครั้งอดีตเก่ามันเลือนลบ สาแหล่ว
จบกันไปตามกาล ผ่านมาได้พาลพ้อ
ผู้สาวลือ กับมาเป็นคนอ้อน ซอนชายลงเที่ยว
มอเตอร์ไซด์ สาวนางขึ้นนั่งท้าย ไผเว้ากะบ่ฟัง
พิณแคนหายไปแล้ว มอเตอร์ไซด์มาแทนที่
ฟังเพิ่นบิด เพิ่นเบิ้ล พออยากค้อนใส่กะบาล พุ้นแหล่ว พะน๊าพะน่า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หนุ่มน้อย; 15-05-2012 at 07:44.
กะต้องถามท่านทนายยอร์ซก่อนครับหว่ารุ่นราวคราวได๋
พื้นเพถิ่นกำเนิดเกิดและใหญ่จากหม่องได๋ในเมืองหรือท้องถิ่น(บ้านนอกแค่ไหน)
เคยสัมผัสรู้จักและเข้าใจภาษาที่ใช้ ในคำกลอนผญา มากน้อยแค่ไหน
อารมณ์ศิลปิน..ท่วงทำนองลูกเล่น(สังวาส)ชั้นเชิงในการจ่ายหรือเล่นคำในการนำเสนอ(เอกลักษณ์เฉพาะตัว)
ตัวอย่าง..เช่นในการแต่งกลอนแปดก็จะมีต้นแบบคือ บรมครูสุนทรภู่ ซึ่งมีบทกินใจและจะจำได้ตลอดกาล
ส่วนบทผญาที่จะใช้เป็นต้นแบบ..กะมีให้หลายแนวเลือกได้ตามอารมณ์ศิลปินของผู้ที่จะเริ่มต้นหัดแต่งหว่ามักแนวไหน
ข้อบังคับเกี่ยวกับฉันทลักษณ์ แต่ละบท สัมผัส วรรคตอน ลงเอกโท สามารถปรับแต่งได้ในภายหลังเมื่อแต่งเก่งขึ้น
ขอแนะนำเพื่อเป็นการศึกษา...ลองเข้าไปเบิ่งใน..เว็ป..Isangate.com หรือมีอีกหลายแหล่งข้อมูลที่เกียวกับผญาโดยตรง
ผญา กะเป็นคำกลอนแบบอีสาน ทุกคำที่ใช้จะเป็นคำอีสาน(ส่วนมาก อิอิ ) ค่อยๆอ่านบทผญาของหลายๆท่าน แล้วกะมาลองแต่งเบิ่งค่ะ เดี๋ยวกะเป็นค่ะ
ชมรมจ่มผญายินดีต้อนรับค่ะ อิอิ
มาเด้อทนายยอร์ช..มาสรรค์สร้างไห้อีสานเฮาเฮืองหุ่ง..ไห้มันพุ่งไปหน้าคือรถไฟฟ้าอย่าล้าหลัง
รวมพลังอีสานเค้าไห้เรียนเอามูลพ่อแม่...อย่าหลงลื่นแท้แท้สืบกันไว้อย่าไห้สูญ..ท่านทนาย
บทผญาที่จาเว้า มีหลายเหล่าหลายตอน
รวมทั้งกลอน กราพย์ ฉันท์ ปั่นใส่โคลงกะยังได้
ลิขิตให้เลิศล้ำ ยอคำยกแต่ง
กล้าแสดงแปลงคำพ้อง ลองเรียงร้อยถ้อยคำ
ไปจดจำเขามาบ้าง เขียนพลางหัดต่อ
สังวาสก่อสัมผัสเพี้ยง สำเนียงซ้องส่งสนาน
จินตนาการมาเสริมยู้ หัดเขียนดู๋หมั่นแน่
อีกบ่ดนแท้ๆ เป็นแน่..แม่นแน่นอน...
:l-:l-:l-
ให้อาจารย์ทุกๆท่านจ้า นู๋น้อยกะหัด เอา บอร์ดผญา นี้ละ จ้าคุณทนาย กัน นู๋น้อยมักฟังเทศน์แหล่ กับลำเรื่องต่อกลอน กะเลยจื่อเอามาใช้ อิอิ แม่นที่ นำท่านฟี่สหายพง เลาเก่งผญาจีบสาว
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นู๋น้อย; 15-05-2012 at 16:19.
ขอบคุณหลายครับสำหรับคำแนะนำดีๆ อ้ายเอิ้อย น้องพี่ ป้ากะมีฯ จะแม่นดีใจหลายสำหรับการต้อนฮับแสนอบอุ่น
Bookmarks