สินไซลานางเดินทางต่อไป นางเจียงคำให้กินรีบริวารอยู่รับใช้สินไซอีกห้าร้อยนาง สินไซจึงสนุกสนานอยู่อีกเจ็ดวัน ทำให้สังข์ต้องรอนานถึงแปดวัน เมื่อพบกันแล้วจึงปรึกษากันว่าให้สังข์ล่วงหน้าไปหาเบาะแสในเมืองอโนราชของยักษ์ก่อน ส่วนสินไซนอนรออยู่นอกเมือง สินไซนอนหลับไปฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ สังข์กลับมาบอกว่าทราบว่านางสุมนทาอยู่วังไหน ทั้งสองจึงเดินทางไปด้วยกันเข้าสู่เมืองอโนราชจนถึงด่านที่เก้าคือ “ด่านยักษ์กุมภัณฑ์” เป็นด่านสุดท้ายของการผจญภัย ในเมืองนี้มีสงครามใหญ่สองครั้ง

ก่อนวันที่สินไซจะเข้ามา คืนก่อนนั้นยักษ์หลับฝันละเมอจนนางสุมนทาปลุกให้ตื่น และต้องออกไปหาอาหาร สั่งให้สุมนทาอยู่แต่ในปรางค์เท่านั้น สินไซแอบเข้าไปสู่ปราสาท ทำทีเป็นพูดเกี้ยวพาราสี สุมนทารู้ว่าเป็นเสียงเด็กจึงไต่ถามจนทราบ แต่ไม่เปิดประตูให้ สินไซจึงพังประตูเข้าไป แต่นางสุมนทาไม่ยอมกลับไป บอกให้สินไซกลับไปแล้วบอกพ่อว่าตามหาอาไม่เจอ สินไซเสียใจที่ว่าพ่อรักเป็นห่วงน้องมาก แต่สุมนทามารักสามียักษ์มากกว่า สุมนทาบอกว่าไม่อยากพลัดพราก ต้องกตัญญูต่อสามี สุมนทาทราบว่าหลานมีวิชาเก่งกล้าจึงยอมแต่ขอให้สามีกลับมาก่อน สินไซไม่ยอม สุมนทาให้สินไซกลับไปก่อน ตนจะให้สามีพาไปส่งเอง สินไซจึงแผลงศรขึ้นฟ้าข่มอำนาจยักษ์ทั้งหลายไว้ จนยักษ์กุมภัณฑ์หมดแรงต้องซมซานกลับมา สังข์บอกให้สินไซแอบหลบในกองไม้ก่อน ยักษ์มาถึงก็หมดแรงขึ้นปราสาทไม่ได้แต่ได้กลิ่นมนุษย์ สุมนทาจึงบอกว่ากลิ่นของตนแล้วก็พากลับขึ้นไปกล่อมนอนซึ่งอีกเจ็ดวันยักษ์จึงจะตื่น สินไซชวนอากลับ สุมนทาทำอิดเอื้อนต่อรองไปเรื่อยๆ จนสินไซต้องบังคับ นางก็ต่อรองพอลงจากปรางค์ก็บอกว่าลืมผ้าสไบ กลับขึ้นไปปลุกยักษ์ให้ตื่น สินไซไปพาออกมา ครั้งที่สองมาถึงครัวบอกว่าลืมปิ่นปักผม ครั้งที่สามถึงประตูเมืองบอกว่าลืมซ้องแซมผม สินไซไปตามกลับมาจนพากันออกพ้นจากเมืองยักษ์ แล้วพาไปซ่อนในถ้ำไว้ก่อน จากนั้นสินไซก็กลับไปเมืองอโนราชเพื่อปราบยักษ์ เมื่อได้ยินได้ยินเสียงกรนก็รู้ว่ายักษ์อยู่ที่ใหนจึงเข้าไปตัดคอยักษ์ขาดกระเด็นไป จากนั้นก็ฟันร่างแยกออกเป็นสองท่อน แต่ร่างยักษ์กลับกลายเป็นเจ็ดร่าง พอฟันอีกกลับกลายเป็นสี่สิบเก้าร่าง เป็นเท่าทวีคูณเช่นนี้จนเป็นแสนเป็นล้านร่าง แต่ยิ่งรบยิ่งตาย ท้าวกุมภัณฑ์จึงขอพักรบชั่วคราว สินไซจึงยิงศรไปแจ้งให้สีโหทราบ สีโหจึงรีบเดินทางมาช่วยร่วมรบ ส่วนยักษ์กุมภัณฑ์นำทัพออกตามไปรบกับสินไซโดยมีกองทัพจำนวนมาก ยักษ์แปลงเป็นไก่มาอุ้มเอานางสุมนทาไปได้ สินไซยิงศรถูกไก่ตายหมดเหลือแต่ไก่กุมภัณฑ์อุ้มไปพร้อมกับให้ยักษ์หมื่นตนมาขวางทางไว้ สีโหจึงร้องหรือเปล่งสีหนาทจนแก้วหูยักษ์แตกตายทั้งหมด จึงได้นางสุมนทาคืนมา ก่อนกลับไปนางสุมนทาขอร้องให้ตามไปรับนางสีดาจันซึ่งเป็นธิดาของตนที่อยู่กับวรุณนาคเมืองบาดาลก่อน

พระอินทร์จึงสร้างปราสาทชั่วคราวให้ทุกคนพักผ่อนก่อน แล้วให้สีโหกลับไปเฝ้าท้าวทั้งหกก่อน ส่วนสังข์กับสินไซเดินทางไปเมืองพญานาคเพื่อรับนางสีดาจันกลับมา เมื่อมาถึงเมืองนี้มีการท้าพนันเล่นสกากัน ซึ่งสินไซชนะแต่พญานาคไม่ทำตามสัญญา จึงเกิดการรบกันสินไซยิงศรไปให้ครุฑมาช่วย นาคจึงยอมแพ้ สินไซจึงสั่งสอนแนวทางปกครองบ้านเมือง (๑๔ ประการ) แล้วพานางสีดาจันกลับขึ้นมาพบแม่สุมนทา

แล้วมอบหมายให้ “ท้าววันนุรา” (แปลว่าหัวใจของเผ่าพันธุ์)ให้ครองเมืองอโนราชแทนยักษ์ พร้อมกับสั่งสอนแนวทางปกครองให้แก่ท้าววันนุรา (๑๕ ประการ) แล้วพากันเดินทางกลับไปถึงที่พักของสีโหกับท้าวทั้งหก สังข์กับสีโหเดินทางไปพบแม่ก่อนที่ปราสาทกลางป่า ส่วนสินไซ สุมนทา สีดาจันเดินทางจะกลับเมืองเป็งจาลพร้อมท้าวทั้งหก พอมาถึงน้ำตก ท้าวทั้งหกรวมตัวกันลอบทำร้ายโดยผลักสินไซตกเหวแล้วมาโกหกนางสุมนทาและนางสีดาจัน แต่นางสุมนทาไม่เชื่อจึงเอาสิ่งของสามอย่างคือปิ่นปักผม ซ้องประดับผม และผ้าสไบซ่อนไว้ที่หน้าผาพร้อมกับอธิษฐานว่าถ้าสินไซไม่ตายขอให้ได้ของสิ่งเหล่านี้กลับคืนมา จากนั้นเดินทางกลับไปถึงเมืองเป็งจาล ส่วนสินไซนั้นพระอินทร์ได้มาอุ้มขึ้นจากน้ำ รดด้วยน้ำเต้าแก้วแล้วพาไปส่งที่ปราสาทในป่า จึงได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้งทั้งสังข์ สีโห สินไซ และแม่จันทาพร้อมกับนางลุน ส่วนท้าวกุดสะราดดีใจมาก ต้อนรับคณะอย่างยิ่งใหญ่ ท้าวทั้งหกเล่าเรื่องราวการผจญภัยให้บิดาฟังพร้อมกับบอกว่าอย่าเชื่อนางสุมนทาเพราะอาจจะยังติดไอยักษ์อยู่ ส่วนนางสุมนทาก็เล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมกับบอกคำอธิษฐานของนาง ท้าวกุดสะราดไม่ทราบจะเชื่อใครดี

พระอินทร์ดลใจให้พวกเรือสำเภาเก็บของสามสิ่งไปให้ท้าวกุดสะราด เรื่องทั้งหมดจึงชัดเจนขึ้นมา ท้าวกุดสะราดสั่งให้จับท้าวทั้งหก แม่ทั้งหก หมอโหร และหมอเสน่ห์ไปคุมขังไว้ จากนั้นจึงเสด็จไปเชิญนางจันทา นางลุนพร้อมโอรสกลับเข้าวัง มีการตัดพ้อต่อว่ากันต่างๆนาต่างคนต่างก็เสียใจทุกข์ระทมใจจนสลบไปกันทั้งป่า สินไซเมื่อฟื้นขึ้นมาจึงได้เชิญพระอินทร์นำน้ำเต้าแก้วมารดให้ฟื้นทุกคน



credit:www.sujipuli.com