จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์นายกรัฐมนตรี คนที่ 11 ของประเทศไทย ผู้ริเริ่มแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ก่อตั้งสำนักงบประมาณ เกิดที่บ้านท่าโรงยา ตลาดพาหุรัด กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของพันตรี หลวงเรืองเดชอนันต์ (ทองดี ธนะรัชต์) กับนางจันทิพย์ ธนะรัชต์ สมรสครั้งสุดท้ายกับท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนรัตน์
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 หลังจากการทำรัฐประหารรัฐบาล ของจอมพลถนอม กิตติขจร ก่อนหน้านั้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศไม่เรียบร้อย เนื่องจากการทุจริตการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 พรรคเสรีมนังคศิลา ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เสียงข้างมากและถูกกล่าวหาว่าโกงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการใช้อันธพาล ที่เรียกโดยสุภาพในขณะนั้นว่า " ผู้กว้างขวาง " ได้เกิดการเดินขบวนคัดค้านขนาดใหญ่ไปตามถนนราชดำเนิน มีการลดธงครึ่งเสาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จอมพลสฤษดิ์ซึ่งขณะนั้นมียศพลเอก ได้ถูกแต่งตั้งจากรัฐบาลให้เป็นผู้จัดการกับขบวนผู้ชุมนุม แต่กลับเข้าร่วมเดินขบวนด้วยจนถึงหน้าทำเนียบ จนกลายเป็นขวัญใจของผู้ชุมนุม ก็ได้พยายามไกล่เกลี่ยให้ผู้ชุมนุมสลายตัว และภายหลัง พล.อ.สฤษดิ์ได้พูดผ่านวิทยุยานเกราะ ถึงผู้ชุมนุมในเหตุการณ์นี้ โดยมีประโยคสำคัญที่ยังติดปากมาจนทุกวันนี้ว่า " พบกันเมื่อชาติต้องการ " และในที่สุดได้ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 ขับไล่พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ และ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีออกนอกประเทศ จากนั้นได้แต่งตั้ง นายพจน์ สารสิน ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จัดการเลือกตั้ง ในปลายปีเสร็จแล้ว จนในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 จึงลาออกและเป็น พล.ท.ถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งต่อ แต่มีปัญหาภายในมากมาย จนท่านต้องกระทำรัฐประหารซ้ำอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 ซึ่งได้ประกาศยกเลิกสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ เช่น พรรคการเมืองลง โดยกล่าวว่า " ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว "
ในช่วงที่บริหารประเทศ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้สร้างผลงานทั้งทางด้านการปรับปรุงการบริหารและ การพัฒนาประเทศไว้มากมาย ผลงานที่สำคัญ ๆ ได้แก่ การออกกฎหมายเลิกการเสพและจำหน่ายฝิ่น โดยเด็ดขาด กฎหมายปราบปรามพวกนักเลง อันธพาล กฎหมายปรามการค้าประเวณี และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ ทำการศึกษา ค้นคว้า วิจัย จนกระทั่งได้จัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศฉบับที่ 1 (ปี พ.ศ. 2504 - พ.ศ. 2509) ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแม่แบบของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับต่อ ๆ มาจนถึงปัจจุบัน มีการสร้างสาธารณูปโภคสำคัญที่เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต เช่น ไฟฟ้า ประปา , ถนน ให้กระจายไปทั่วทั้งในเมืองและชนบท ซึ่งเรียกว่า " น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก"
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ด้วยโรคไตพิการเรื้อรัง รวมอายุได้ 55 ปี และเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวที่เสียชีวิตลงในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ซึ่งหลังการเสียชีวิตสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยได้เปิดเพลง " พญาโศก " เป็นการไว้อาลัยแก่ท่านด้วย
หลังจากอสัญกรรมได้ไม่นาน ได้มีการขุดคุ้ยเรื่องการคอร์รัปชั่นและถูกยึดทรัพย์จากแรงกดดันทางการเมือง รวมทั้งการเปิดเผยถึงสุภาพสตรีซึ่งมีฐานะเป็นอนุภรรยาจำนวนมากมายหลายท่าน
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีฉายาว่า " จอมพลผ้าขาวม้าแดง " นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของคนไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ครองตำแหน่งและมีบทบาท ท่านได้ใช้มาตรการเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด เพื่อจัดการความสงบเรียบร้อยของประเทศ เช่น ประหารชีวิต เจ้าของบ้านทันที หลังจากบ้านใดเกิดเพลิงไหม้ เพราะถือว่าเป็นการก่อความไม่สงบ การใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 17 การปราบปรามการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นผู้ที่รื้อฟื้นกิจกรรมที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น จัดงานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพ การสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ การประดับไฟบนถนนราชดำเนินในวันฉลองพระชนม์พรรษา เป็นต้น
ปัจจุบันนี้ บ้านพักของท่าน ที่ถนนประดิพัทธ์ เป็นที่ทำการของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งโดนยึดทรัพย์ด้วย แต่ท่านผู้หญิงวิจิตรา ได้ต่อสู้ทางศาล จนชนะคดี แต่ท่านไม่เอาคืน กลับมอบให้ ส.ป.ก. ใช้เป็นที่ทำการของทางราชการ ซึ่งยังคงสถาปัตยกรรมต่างๆ คงเดิม[/SIZE]
Bookmarks