เมื่อกลับมาถึงเมืองแล้ว โอรสทั้งสองก็เกิดทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงไม้เท้าวิเศษนั้น ซึ่งพระโอรสทั้งสองนี้มีอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์มาก หากรบพุ่งกันจะบรรลัยวอดวายและสะเทือนไปถึงพรหมโลกเลยทีเดียว จนพระอินทร์ผู้เป็นปู่ได้สั่งให้พญาแถนส่ง “ลมกระดิงหลวง”ลงมาห้ามทัพ พระยาแถนเล็งเห็นว่าท้าวคัชเนกสิ้นบุญแล้ว จึงบันดาลลมมีดแถ (มีดโกน) ไปยังกองทัพของสองพี่น้องนั้น ลมมีดแถฟันท้าวคัชเนกสิ้นชีวิตตกลงบนแผ่นดิน ร่างท้าวคัชเนกกลายเป็นภูเขาชื่อว่า “ภูจอมศรี”เป็นภูเขาอยู่กลางเมืองหลวงพระบาง ในประเทศลาวในปัจจุบัน ส่วนศีรษะตกลงดินกลายเป็นพระยานาค ส่วนเลือดที่ตกลงมาเป็นก้อนสีแดง เรียกว่า “ภูครั่ง” ร่างกายส่วนหนึ่งตกลงมากระทบแผ่นดินเป็นหลุมใหญ่ในหุบเขา ภายหลังกลายเป็นเมือง เรียกว่า “เมืองหล่ม” ซึ่งก็คืออำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ในเขตประเทศไทย
ส่วน“ท้าวคัชจันทร์”ได้ทำการต่อสู้จนเอาชนะลมนั้นได้ จึงได้รับการอภิเษกขึ้นเป็น “พระเจ้าจักรพรรดิ”ขึ้นครองเมืองจำปากนครอย่างสงบสุขจวบจนสิ้นอายุขัย
ค. หมายเหตุ
๑. “ทุ่งนาข้าว”ของสาวทึนทึกมารดาของท้าวคันธนาม ก็คือ “ทุ่งกุลาร้องให้”ของประเทศไทยในปัจจุบัน
๒. “หมู่บ้านช้าง” อยู่ที่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
๓. “เมืองศรีสาเกตุ”ก็คือ เมืองๆหนึ่งในเขต “จังหวัดร้อยเอ็ด”ของประเทศไทยในปัจจุบัน (พระอริยะเจ้าผู้หยั่งรู้ฟ้าดินท่านบอกว่าให้แก้ไขว่า เป็น “จังหวัดศรีสะเกษ”ของประเทศไทยในปัจจุบัน)
๔. “เมืองขวางทะบุรี” ก็เป็นเมืองๆหนึ่งที่อยู่ในเขต “จังหวัดโคราช”หรือ “นครราชสีมา”ของประเทศไทยในปัจจุบัน
๕. “ดงพญาไฟ”ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น “ดงพญาเย็น” ของประเทศไทยในปัจจุบันนี้นั้นเอง
๖. “เมืองอินทปัตถา” ก็คือ “กรุงพนมเปญ”ใน “ประเทศเขมร”ปัจจุบันนี้นั้นเอง
๗. “เมืองจัมปากนาคบุรี”ก็คือ “นครจำปาศักดิ์”ใน “ประเทศลาว”ในปัจจุบัน
๘. ปัจจุบันนี้ “โบราณสถานกู่คันธนาม” แห่งหมู่บ้านคันธนาม ตำบลยางคำ อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด ก็ยังมีหลักฐานให้เห็นและทำการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นรูปธรรมได้
๙. “เมืองตักสิลา” คือ เมืองๆหนึ่งในเขตจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดมหาสารคาม ของประเทศไทยในปัจจุบัน (เช่นเดียวกัน พระอริยะเจ้าผู้หยั่งรู้ฟ้าดินท่านบอกว่าให้แก้ไขว่า เป็น “จังหวัดมหาสารคาม”ของประเทศไทยในปัจจุบัน)
๑๐. “พระธาตุสีดา”ซึ่งปัจจุบันยังปรากฏให้เห็นอยู่นั้น ตั้งอยู่ที่บ้านด่าน ตำบลด่าน อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ สันนิษฐานว่าท้าวคันธนามและนางสีดาพระมเหสีได้สร้างไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่ออุทิศบุญกุศลให้พระมารดาและเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์ว่ามารดาของท่านเกิดที่นั่นและท้าวคันธนามก็คลอดที่นั่นด้วย โดยตั้งชื่อเมืองตรงนั้นว่า “เมืองสีดาจำปาพันธ์” โดยในอดีตบ้านด่านก็ขึ้นกับจังหวัดร้อยเอ็ด แล้วก็เปลี่ยนมาขึ้นกับจังหวัดศรีสะเกษในภายหลัง
credit:ศิษย์ตถาคต (www.sujipuli.com)
Bookmarks