กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: สร้างสุขในบ้าน

  1. #1

    สว่างใจ สร้างสุขในบ้าน

    สร้างสุขในบ้าน
    โดย พระมหาวีรพล วีรญาโณ



    สร้างสุขในบ้าน

    น้องคีม ตา กับพ่อหนึ่งใส่บาตร

    เมื่อพูดถึงคำว่า "ความสุข" ทกคนปรารถนาอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเราและครอบครัวด้วยกันทั้งนั้น อย่าว่าแต่มนุษย์จะพากันปรารถนา แม้แต่เทวดาชั้นฟ้าซึ่งถือกันว่าเป็นผู้ดีกว่า สูงกว่ามนุษย์ ก็ยังพากันปรารถนาคิดค้นคว้าปรารถนาความสุขกันทุกคนไป ทั้งมนุษย์ปุถุชนหรือเทวดาชั้นฟ้ามากกว่าคำว่าความทุกข์ และท่านผู้รู้ก็กล่าวว่า ความสุขเริ่มต้นได้จากที่บ้าน บ้านเป็นหน่วยสังคมที่เล็กที่สุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่ดีที่สุด หากเรามีความสุขจากครอบครัว จักเป็นพื้นฐานของความสุขในการทำงานและในการใช้ชีวิต ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่มีความสุขในครอบครัว ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ ดังคำที่ว่า

    "ครอบครัวที่ร้าวฉาน เพราะมาตรฐานไม่มี"

    จะขอเล่าเรื่องของครอบครัวหนึ่งให้ฟัง เพื่อเป็นบทเรียนนำชีวิตและสร้างสุขในบ้านว่า

    มีครอบครัวหนึ่งฐานะยากจน ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกๆ อีก ๕ คน ลูกๆ ทุกคนล้วนอยู่ในวัยกำลังเรียนหนังสือ ลูกคนที่ ๓ ที่ค่อนข้างจะมีปัญหากับพ่อแม่มากที่สุด แต่พ่อเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรก็เลยไม่ค่อยได้มีปากเสียงกันมาก แต่กับแม่ลูกคนที่ ๓ มักมีเรื่องให้โดนด่า และโดนตีอยู่เป็นประจำ ยิ่งถ้าพูดตอบหรือจะอธิบายก็หาว่าเถียง ถ้าเดินเสียงดังหน่อยก็หาว่าประชด ยิ่งทำให้โดนตีมากยิ่งขึ้น เรียกว่าโดนทั้งขึ้นทั้งร่อง

    "พรุ่งนี้แกต้องไปช่วยเขาเฝ้าร้านค้านะ เพราะเขาไม่มีคนช่วย แม่บอกลุงนิดเขาไปแล้วว่าแกจะไปช่วย"

    "แต่แม่ครับ พรุ่งนี้ผมว่าจะไปช่วยเขาวิดบ่จับปลาเพราะน้าเอกได้ชวนให้ผมไปช่วย เขาจะให้ค่าจ้างและปลา เพื่อให้เราได้เอาไว้กินกันด้วยนะครับ"

    "ไม่ได้ ฉันบอกแกแล้วไงว่าให้ไปช่วยลุงนิด" ว่าแล้วแม่ก็ออกไปทำงาน

    วันรุ่งขึ้นลูกชายก็ไปช่วยลุงนิดเฝ้าร้านแบบไม่ค่อยเต็มใจนักโดยนั่งหมดอาลัยตายอยากและสายตาที่คอยมองไปยังบ้านของน้าเอกที่เขากำลังตั้งเครื่องวิดน้ำและลากผักตกชวาขึ้นจากบ่อกันอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป ๒ ชั่วโมง ลูกชายก็อดทนต่อความต้องการที่จะไปช่วยเขาวิดบ่อไม่ไหว เพราะคิดว่าการไปช่วยเขาวิดบ่อจับปลาน่าสนุกกว่า แถมได้ทั้งเงินและปลาด้วย สุดท้ายลูกชายจึงแอบโดนงานที่ร้านเพื่อไปช่วยเขาวิดบ่อจับปลา

    วันนั้นลูกชายได้ช่วยงานน้าเอกอย่างสุดความสามารถเพราะมันเป็นงานที่เขาทำได้ดีและเต็มใจทำอย่างสนุกสนานที่สำคัญได้ทั้งเงินและปลากลับมาบ้านอย่างมากมาย

    ตกเย็นลูกชายนำปลากลับมาบ้านพร้อมด้วยเงินจำหนึ่งและคิดว่า วันนี้คงได้รับคำชมจากพ่อแม่ที่สามารถช่วยเหลือทางบ้านให้มีอาหารการกินและเงินเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในบ้าน ลูกชายก็เอาปลาที่ได้ไปขังไว้ในกะละมังและเติมน้ำเพื่อไม่ให้มันตาย เพราะถ้าพ่อและแม่กลับมาจะได้เห็นว่ามันยังเป็นๆ จะได้รู้สึกดีใจมากยิ่งขึ้น

    เมื่อใกล้เวลาที่พ่อแม่จะกลับบ้านเข้ามาทุกที ลูกชายก็ยิ่งอดใจรอไม่ไหวที่พ่อแม่จะได้เห็นผลงานของตัวเอง ตกเย็นลูกชายก็อาบน้ำประแป้งนั่งร่วมวงกิน้าวเย็นกับพี่น้องของตัวเอง และอดแอบอมยิ้มกับผลงานของตัวเองไม่ได้ในขณะที่กินข้าอยู่

    เมื่อพ่อแม่กลับมาถึงบ้าน "เมื่อวานแม่บอกให้แกไปช่วยลุงนิดเขาเฝ้าร้านใช่ไหม? ฉันถามเขาว่า แกมาช่วยเขาเฝ้าร้านหรือเปล่า เขาบอกว่า แกมาแป๊บเดียวแล้วก็หายไป แกไปไหนมา"

    "ไปช่วยน้าเอกเขาวิดบ่อจับปลาครับ เพราะที่ร้านไม่ค่อยมีอะไร ผมได้ปลามาตั้งเยอะและก็ได้" ลูกชายกำลังจะวางจานและช้อนเพื่อล้วงเงินได้ในกระเป๋ากางเกงออกมาให้แม่ของเขา

    "แกไม่ต้องพูด ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้ช่วยเขาเฝ้าร้าน"

    จากน้นแม่ก็ตรงเข้าไปจับแขนที่กำลังจะวางจานและช้อนเพื่อล้วงเงินจากกระเป๋ากางเกง และลากแขนลูกชายจากวงกินข้าวทั้งที่มือขวายังถือช้อนและมือซ้ายยังถือจานข้าวอยู่ จนทำให้ช้อนและจานร่วงหล่น แล้วแม่ก็ลากลูกชายไปที่ตู้เสื้อผ้าพร้อมกับคว้าไม้แขวนเสื้อกระหน่ำตีแบบไม่ยั้งทั้งหลังและขา พร้อมกับด่าว่าไปด้วยถึงการขัดคำสัง แม่ก็ตี ตี ตี แล้วก็ตีอย่างไม่หยุด

    ลูกชายโดนตีจนร้องไห้ทั้งที่เคี้ยวข้าวยังไม่หมดปาก แถมไม่ได้ใส่เสื้อด้วย เพราะเพิ่งอาบน้ำประแป้งเสร็จ จงทำให้โดนตีที่หลัง ก้น ขา อย่างแรงจนเป็นรอย ลูกชายได้แต่ร้องได้ ร้องไห้ ส่วนแม่ก็จับลูกชายไว้เพื่อไม่ให้หนี แล้วก็ตี ตี ตี ตี เพื่อให้หายแค้นที่ขัดคำสั่ง จนลูกชายไม่มีเสียงจะร้องแล้วเพราะมันเจ็บปวดทั่วร่างกาย

    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดมันดังไปถึงบ้านของลุงนิด บ้านน้าเอกและบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน ทุกคนต่างวิ่งออกมาดูถึงเสียงร้องของความเจ็บปวด

    "แกจะเอาปลาไปทำอะไรก็เอาไปทำ ฉันไม่ทำและไม่กินปลากของแก"

    ลูกชายค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นพร้อมทั้งน้ำตาและความเจ็บปวดที่มีไปทั่วร่างกาย แล้วค่อยๆ เดินตรงไปหยิบมีดที่เหน็บไว้ข้างฝาบ้าน ทุกคนถึงกับหยุดชะงักกันไปหมด เมื่อลูกชายเดินไปหยิบมีดขึ้นมาและกำไว้ในมือ

    ลูกชายหยิบมีดและเดินตรงไปยังกะละมังที่ขังปลาไว้แล้วก็จับปลาออกมาทีละตัวแล้วก็ลงมือทุบหัว ขอดเกล็ดปลา ตัดหัวปลา ควักใส้ปลาออกมาทั้งน้ำตา อยู่เพียงคนเดียว เขาขัดคำสั่งของแม่ที่ได้บอกว่าให้เอาปลาไปทิ้ง

    ความคิดของลูกชายในช่วงเวลานั้นมันช่างว่างเปล่าและเสียใจอย่างมาก สิ่งที่เขาทำเพื่อครอบครัว เพื่อให้ครอบครัวมีกินมีใช้กัน มันผิดตรงไหน เพราะในความเป็นจริงแล้วเราก็ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยมากมายนัก เขาไม่ทิ้งปลาแต่กลับทำปลาเพื่อตากแดดเอาไว้กินแทน เขาลืมคิดไปว่ามันอาจทำให้เขาโดนตีอีกก็ได้แต่ช่วงเวลานั้นความคิดมันช่างว่างเปล่า

    ลูกชายนั่งทำปลาอยู่เพียงคนเดียวทั้งน้ำตาและความเจ็บปวดเขาฝืนคำสั่งแม่ที่ให้เอาปลาไปทิ้ง เขานั่งทำไปทีละตัวๆ หลังจากนั้นไม่นาน พ่อ พี่ และน้องก็เดินถือมีดมาคนละด้ามมาช่วยทำปลาไม่มีเสียงพูดคุยกันเหมือนช่วงกินข้าวก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น นอกจากเสียงทำปลาและเสียงร้องไห้ของลูกชาย

    เมื่อทำปลาเสร็จพ่อใช้ให้ลูกชายไปซื้อบุหรี่ที่ร้านลุงนิด "ลุงครับบุหรี ๑ ซองครับ" เสียงพูดที่ปนไปด้วยความโศกเศร้าและความเจ็บปวด

    "เป็นยังไงบ้าง โดนตีเยอะเลยหรือ ลุงไม่ได้ฟ้องแม่เอ็งนะ แม่เอ็งเขาถามว่าเอ็งอยู่ไหน ลุงก็บอกเขาไปตามตรงว่าเอ็งไม่อยู่"

    ไม่มีเสียงพูดอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนั้น นอกจากสิ่ที่พ่อสั่งให้ซื้อเท่านั้น

    ในขณะที่เดินกลับบ้านก็เจอกับลูกชายน้าเอกที่ช่วยกันวิดบ่อ

    "เราได้เห็นและได้ยินหมดแล้วล่ะ ตกลงที่นายโดนตีมันเรื่องอะไรกัน เป็นเพราะนายไปช่วยเราวิดบ่อจับปลาหรือเปล่า พ่อเราให้มาถาม"

    ไม่มีเสียงตอบ มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมา

    เมื่อกลับมาถึงบ้านและเอาบุหรีให้พ่อแล้ว ลูกชายก็หลบไปนั่งอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ข้างๆ บ้าน เมื่อพ่อเห็นลูกยังเศร้าและเสียใจอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ พ่อก็เดินเข้าไปคุยด้วย

    "เป็นไงบ้างลูก ลูกก็ไม่น่าไปขัดคำสังแม่เขาเลยนะ" ลูกชายก็ก้มหน้ามองพื้นดินและตอบกลับพ่อไปว่า "พ่อครับ ที่ผมเลือกไปช่วยเขาวิดบ่อก็เพราะผมคิดว่ามันคุ้มกว่าการที่ผมไปนั่งเฝ้ารานเพราะมันได้ทั้งเงินได้ทั้งปลา และมันก็เป็นงานที่ผมชอบและถนัดแถมสนุกด้วยครับ พ่อครับ พ่อเคยบอกผมว่า พ่อชอบงานที่พ่อทำมาก เพราะมันทำให้พ่อมีความสุข แล้วผมเลือกทำในสิ่งที่พ่อสอนมันผิดตรงไหน?"

    ไม่มีเสียงตอบจากพ่อ

    ลูกชายขยับมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองและควักเงินออกมาให้พ่อ ๘๐ บาท

    "พ่อครับนี่เงินที่ได้จากการไปช่วยเขาวิดบ่อจับปลาครับพ่อช่วยเอาไปให้แม่ด้วยละกันนะครับ พ่อไม่ต้องบอกก็ได้นะครับว่าได้จากผม เพราะเห็นแม่บอกว่าอยากซื้อชุดใหม่ให้น้อง ผมยกให้หมดเลยครับ"

    พ่อรับเงินจากมือของลูก "แต่ลูกก็ต้องเข้าใจแม่เขาด้วยนะว่าแม่เขามีเรื่องเครียดหลายเรื่อง ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องอาหาร การกิน และยังเรื่องที่ญาติทางฝั่งพ่ออีก แม่เขาจึงอารมณ์เสียบ่อยก็เลยมาระบายอารมณ์ใส่ลูกเป็นประจำ"

    "พ่อครับ ผมเข้าใจที่พ่อบอกครับ เพราะพ่อพูดกับผมมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนผมจะเป็นคนเดียวที่โดนด่าและโดนตีมากที่สุด บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมเราเป็นคนเดียวที่รองรับอารมณ์ของแม่ ผมเคยคิดอยากจะหนีออกจากบ้านหลายครั้งแต่ก็สงสารน้อง เพราะพ่อแม่สอนให้พี่น้องรักกัน พ่อแม่บอกเสมอว่าพี่น้องมีไว้ช่วยเหลือกัน แต่แม่ก็ชอบว่าผมอยู่เสมอว่าถ้าแม่ตายไปแกก็คงจะไม่รักและทิ้งน้องอย่างแน่นอน ผมก็เลยคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือต้องพิสูจน์หรือทำให้เขาเห็น ผมจึงทิ้งเขาโดยการหนีออกจากบ้านไปไม่ได้ครับ"

    "ก็ดีแล้วละลูก แต่ยังไงลูกก็อย่าไปถือสาแม่เขาละกันในเรื่องอารมณ์ที่เขามาระบายใส่ลูก เพราะแม่เขาเครียด"

    "พ่อครับ ถ้าพ่อบอกให้ผมไม่ถือสากับการที่แม่ชอบระบายอารมณ์ใส่ผมๆ ก็ไม่ว่าอะไร แต่พ่อจะให้ผมไประบายอารมณ์ใส่ใครต่อล่ะครับ ถ้าผมระบายใส่พี่น้องด้วยกันก็ยิ่งทำให้พี่น้องทะเลาะกันไปอีก ให้ผมไประบายใส่เพื่อน ผมก็จะไม่มีเพื่อน หรือให้ผมเก็บมันเอาไว้เพื่อไประบายใส่ลูกของผมในอนาคต ถ้าอย่างนั้นแล้วลูกของผมจะไประบายอารมณ์ใส่ใครต่อละครับ"

    พ่อก็บอกลูกชายว่า "ต่อจากนี้หากมีใครมาทำให้ลูกไม่สบายใจให้ลูกมาพูดกับพ่อ พ่อพร้อมจะรับฟัง แบ่งปันความทุกข์จากลูกแล้วลูกก็จะได้ไม่ต้องไประบายต่อใคร"

    หลังจากนั้นเป็นต้นมาแม่ก็ไม่เคยแสดงอารมณ์ใส่ลูกช่ายและคนในบ้านอีกเลย การดุด่าและการตีก็หายไปจากครอบครัวทำให้ครอบครัวที่แทบจะเอาตัวกันไม่รอดสามารถส่งลูกๆ เรียนจบและมีงานทำกันหมดทุกคน รวมทั้งพี่น้องก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ

    เหตุการณ์ของครอบครัวเรื่องนี้ คงอาจจะคล้ายกับเหตุการณ์ในบ้านของเรา สิ่งที่พอจะเป็นแนวทางแก่ทุกท่านคือ

    "การเริ่มต้นในการทำสิ่งที่ดี ควรเริ่มจากตัวเราและคนในบ้านของเราก่อนเป็นดีที่สุด"

    บ้านจะมีความสุข พ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้านต้องเป็นผู้ร่วมกันก่อสุข พ่อแม่ผู้ร่วมกันก่อสุข เว้นวรรคความทุกข์ด้วยการทำหน้าที่ของพ่อแม่ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า มารดาบิดาพึงอนุเคราะห์สงเคราะห์บุตรธิดา ด้วยการห้ามไม่ให้ทำความชั่ว แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดีส่งเสริมให้ศึกษาศิลปวิทยา หาคู่ครองที่สมควรให้ และมอบทรัพย์สินเมื่อถึงเวลอันควรให้เมื่อถึงวัยอันควรจะได้

    ส่วนหน้าที่ของบุตรธิดาก็ควรตอบแทนพระคุณท่านด้วยการดูแลทั้งกายและจิตใจ สานต่อกิจการของท่าน ดำรงชื่อเสียงวงศ์สกุลประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์สินมรดก และเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน

    หากทั้งพ่อ แม่ และลูกชายลูกสาว ทำหน้าที่ของตนได้สมบูรณ์แล้ว บ้านของเราก็จะมีสุขร่มเย็น ด้วยการที่พ่อแม่เป็นแบบอย่างของลูก ด้วยการทำดีให้ลูกดู ทำถูกให้ลูกเห็น ร่มเย็นให้ลูกสัมผัส และลูกชายลูกสาวก็ร่วมกันสร้างสุขในบ้าน ด้วยการหล่อเลี้ยงหัวใจท่าน และประพฤติปฏิบัติตามหลักของคนดี ๓ ข้อ คือ


    ๑. ทำดีให้ทั่ว
    ๒. หนีชั่วให้พ้น
    ๓. ฝึกตนให้เป็นคนดี



    ที่มา : หนังสือ ผ่านทุกข์ ก็เจอสุข


    สร้างสุขในบ้าน
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ขอโทษที่คิดถึง...เด็กดื้อ; 25-06-2012 at 05:39.

  2. #2
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430


    เห็นรูปแล้วกะออนซอนเนาะครับ....พ่อตากับน้องเขยได้จากไปในเวลาไล่เรี่ยกัน เหลือไว้แต่หลานน้อยให้เบิ่งต่างหน้า

  3. #3
    ศึกษาหาความรู้ สัญลักษณ์ของ คุณฉุยเลย
    วันที่สมัคร
    Jan 2012
    ที่อยู่
    พระนครศรีอยุธยา
    กระทู้
    380
    ภาพนี้น่ารักดีครับ เป็นการฝึกลูกหลานใส่บาตร ไหว้พระ แล้วไอ้หมาโตนั้นหมาหลวงพ่อเพิ่น หรือว่าหมาบ้านครับ

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •