เมื่อฉันเป็นแม่ค้า
เกือบครึ่งปีแล้วสินะ ที่ฉันตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการบริษัท Import-Export สาขาเกาะสมุย หวนคืนถิ่นฐานบ้านเกิด
และเกือบครึ่งปีแล้วเหมือนกันที่ "ฉันเป็นแม่ค้า"
หลังจากที่ตระเวณขายของตามตลาดนัดคลองถมไปยังที่ต่างๆอยู่เกือบเดือน
ก็มาถึงวันที่ชีวิตฉันเปลี่ยนอีกครั้ง สำหรับฉันคิดว่ามันเป็นโอกาสอันดีในชีวิต
และเป็นประสบการณ์อันแปลกใหม่ ที่ต้องเรียนรู้ในการเป็นแม่ค้า-พ่อค้าของฉันกับคู่ชีวิต
วันนั้น.. เพื่อนพี่เต็มสมัยเรียนประถมมาด้วยกัน ได้ติดต่อมา และบอกกับพวกเราว่า
แกกับสามีเข้าร่วมโครงการธงฟ้าราคาประหยัดกับกรมการค้าภายในมาหลายปีแล้ว
แกขายเสื้อผ้าเด็ก และรู้ข่าวเราจากพี่ชายว่า พวกเรากำลังทำอาชีพเดียวกับแก
แกบอกว่า "สมัครเข้าร่วมโครงการฯกับกรมการค้าภายในสิ ส่งใบสมัครเข้าไป บอกรายละเอียดของสินค้าเราเข้าไป เจ้าหน้าที่จะพิจารณาและติดต่อกลับมา"
ในตอนนั้นเราสองคนไม่แน่ใจหรอกว่าจะได้เข้าร่วม แต่ก็ต้องลองดู และหลังจากนั้นอีกสองวัน เจ้าหน้าที่ก็ติดต่อมาว่า อนุญาตให้ "ฐานิตบูติค"เข้าร่วมโครงการ
พร้อมกับรายละเอียด กฎกติกาและตารางงานของโครงการฯ
หลายจังหวัดที่เราได้เข้าร่วม บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, กาฬสินธุ์, และล่าสุดกับจังหวัดบุรีรัมย์+สุรินทร์ ที่ตารางยาวเหยียดตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม
ไปจนถึงกลางเดือนกันยายนทุกวันไม่มีวันหยุดพัก
การเข้าร่วมโครงการฯ จะต่างจากที่เราขายตามตลาดนัดคลองถมโดยสิ้นเชิง
ทั้งรูปแบบการจัดงาน รวมไปถึงการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนร่วมทีม
ตลาดนัด พวกเราจะไปจับจองที่ตั้งแต่เที่ยง กว่าจะได้ล็อก(ซึ่งขาประจำ ขาด ลา) ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง
ตั้งร้านเสร็จก็เกือบๆ 4 โมงเย็น เวลาขายจริงแค่ ห้าโมงเย็นถึงสองทุ่ม ซึ่งถ้าวันไหนเจอฝน ลมพายุ(ที่นึกจะมาก็มาไม่ค่อยตรงฤดูกาล)
ก็หมายถึง เราต้องเสียค่าล็อก ค่าน้ำมัน และเสียเวลาไปฟรีๆ พอเก็บร้านเสร็จพวกเราก็จะแยกย้ายกันกลับบ้าน
แต่การเข้าร่วมกับโครงการฯ นี้ เราต้องใช้ชีวิต กิน อยู่ นอนหลับ อยู่กับบู๊ทที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้แต่ละสถานที่สามวันสามคืน
ขายของตั้งแต่ แปดโมงเช้าไปจนถึงสองทุ่มโดยประมาณนั้นหมายถึง เรามีเวลาขายของมากขึ้น ประหยัดค่าน้ำมันและไม่ต้องเสียค่าที่
มันทำให้เรามั่นใจว่ายังไงซะก็ต้องดีกว่าวิ่งขายกันตามตลาดนัดแน่นอน
สินค้าที่เข้าร่วมโครงการจะมีของกิน ของใช้ในชีวิตประจำ เสื้อผ้าพื้นเมือง สินค้าโอท็อป ฯลฯ ที่ผ่านการคัดเลือกจากเจ้าหน้าที่แล้ว
และทุกคนให้ความร่วมมือในการลดราคาสินค้า 20-50 เปอร์เซนต์ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ ก็จะมีบู๊ทขายน้ำตาล น้ำมันพืชและไข่ไก่
ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เป็นความรู้ใหม่ที่เราเคยได้ยินผ่านหูผ่านตา จากสื่อต่างๆมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมาอยู่ตรงจุดนี้ได้
อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอสินะ มันคือความท้าทายและเราต้องทำให้ได้
ร้านเราเป็นสินค้าแฟชั่นเพียงร้านเดียว(แต่ละจังหวัดจะไม่ให้มีสินค้าซ้ำซ้อนกันซึ่งต่างจากตลาดนัดคลองถมอีกแล้ว)ที่ช่วยเพิ่มสีสันของงาน
ที่นี่ทุกคนจะอยู่กันแบบพี่น้อง หลายคนดัดแปลงบริเวณหลังร้านเป็นครัวเล็กๆ
จึงไม่แปลกที่บางวันได้กลิ่นน้ำปลาร้าต้มโชยออกมาจากร้านข้างๆ หรือกลิ่นไข่เจียวที่หอมหวลชวนให้พวกเราอยากจะเข้าไปร่วมวงด้วย
สักพักหลังจากนั้น จะได้ยินเสียงเรียกกินข้าวจากร้านต่างๆ บางทีใครมีอะไรก็จะเอามาแลกเปลี่ยนกัน
มีหลายร้านที่ดัดแปลงรถเป็นห้องนอนเป็นแนวคิดที่ดีแต่ยังเลียนแบบไม่ได้ เหตุผลก็คือความแตกต่างและสภาพรถที่มีในครอบครองไม่เหมือนกัน
เราจึงทำได้เพียงดัดแปลงหลังร้านสำหรับกางเต๊นท์นอน และทำมุมเล็กๆสำหรับกินข้าว
โดยการดัดแปลงจากอุปกรณ์ใกล้ตัว แรกๆยังปรับตัวไม่ได้จากการรบกวนของเต๊นท์ข้างๆ
เสียงทีวี เสียงเพลง เสียงพูดคุย แต่พอเวลาผ่านไป เราก็สามารถหลับสนิทได้จนถึงเช้า หลับสบายและปลอดภัย
มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่น่าไว้ใจและต้องเฝ้าระวังในบางวันก็คือภัยจากธรรมชาติ ฝนตกหนัก ลมแรง พายุเข้าที่ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายไม่อยากเจอ
ในตอนเช้าๆ ก่อนเปิดร้าน เราสองคนจะขับรถรอบเมือง เดินดูตลาดตอนเช้าๆ และสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่
มันคือความสุข และกำไรชีวิตอย่างหนึ่ง
แล้วเราก็กลับมาเปิดร้านในเวลาเดียวกับที่เพื่อนๆในชุมชนคนธงฟ้าของเราตื่นและทำกิจส่วนตัวเสร็จพอดี
หลังจากนั้น ความคึกคักของมหกรรมสินค้าก็เริ่มขึ้นตลอดทั้งวัน จนถึงเวลาประมาณสามทุ่ม ทุกบู๊ททุกร้านก็พร้อมใจกันปิดร้าน
เสียงพูดคุย หยอกล้อ เสียงหัวเราะในวันที่พวกเรามียอดขายตามเป้า
เสียงแซว เสียงบ่นปนขำ ในวันที่พวกเราทำยอดไม่ได้ หรือเจอลมฟ้าอากาศที่แปรปรวน
แต่พวกเราก็ยังสู้เพื่อครอบครัว สู้เพื่ออนาคต เพื่อสักวันที่ต้องดีขึ้นกว่านี้
สำหรับฉันเอง ทุกสิ่งที่ฉันเจอและกำลังทำในขณะนี้ ไม่ใช่ความลำบาก แต่เป็นอีกหนึ่งรสชาติของชีวิต
ฉันรักอาชีพแม่ค้า รักชุมชนคนธงฟ้า รักเพื่อนร่วมทีมที่พวกเราต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันเป็นเวลาร้อยกว่าวันร่วมกัน
วันหนึ่งเมื่อฉันทำความฝันเป็นจริงได้ ประสบการณ์ที่ได้รับในวันนี้ จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
กับการเดินทางรอนแรมไปยังหลายๆอำเภอ หลายสถานที่ เปลี่ยนที่กินที่นอนไปเรื่อยๆ
บางครั้งก็ไม่ได้รับความสะดวกสบายเรื่องของห้องน้ำห้องสุขาที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
บ่อยครั้งที่เราต้องขับรถไปอาบตามปั๊มน้ำมัน ตามวัด และ"โรงพักเพื่อประชาชน"
บางครั้งเจอพายุ เจอฝน เจออุปสรรคมากมาย
มีหลายครั้งที่คู่ชีวิตถามฉันว่า "อิหล่าเมื่อยบ่?"
ฉันตอบไปว่า "เมื่อยจ้า แต่กะมีความสุข"
แล้วเขาก็จะพูดว่า "อ้ายกะคือกัน"
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ
ขอบคุณพื้นที่แบ่งปันเรื่องราวจากเว็บบ้านมหาดอทคอม
Bookmarks