แค่คำว่าพอก่อให้เกิดสุข
โดย พระมหามงคล วรรมฺมวาที
ภาพจาริกธุดงค์เฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ ๑๔
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝันเท่านั้นพอ
หากเรารู้จักสร้างความพอใจในงานที่ทำและยอมรับ พร้อมยินดีกับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนที่ได้ ชีวิตการทำงานก็จะมีความสุขได้ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งโลกไม่มีวันลืม คือ วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet) เขาบริจาคเงินให้การกุศลประมาณ ๓๑,๐๐๐ ล้านดอลล่าร์ ลองคำนวณเป็นเงินไทยดู เขาได้ให้สัมภาษณ์ถึงการใช้ชีวิตของเขาในแง่มุมที่น่าสนใจยิ่งผ่านสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า
เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ ๑๑ ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป! เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ ๑๔ ปี โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์ เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด ๓ ห้องนอนกลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ ๕๐ ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้งหรือกำแพงล้อมเขาขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถ หรือคนคุ้มกันเขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บริษัท เบิร์กไซ แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ ๖๓ บริษัทเขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อกำหนดเป้าหมายการทำงานประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ เขาให้กฎแก่ซีอีโอเพียง ๒ ข้อ
กฎข้อ ๑ อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ ๒ อย่าลืมกฎข้อ ๑
เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์ วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือและไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เร บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลาไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกตส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : ที่สุดของชีวิต คือการมีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศณษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็ได้แค่อิ่ม ๑ มื้อเท่ากันมหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุดเท่ากัน มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหนยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกัน
ดังนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นมหาเศรษฐี ยาจกคนทำงาน ตำแหน่งสูงเพียงใด หรือใครก็ตามถ้าหากเราไม่รู้จักคำว่า "พอ" ชีวิตก็จะไม่พบกับความสุข เพียงแค่คำว่า "พอ" ตัวเดียวสามารถทำให้เรามีความสุขได้ คือ พอใจในงานที่ทำ และยินดีกับเงินที่ได้ แม้ว่ามันจะมากหรือน้อยก็ตาม ถ้าได้ตำแหน่งน้อยให้มองคนที่เขามีตำแหน่งน้อยกว่าเรา ถ้าได้เงินเดือนน้อยให้มองคนที่เขาเงินเดือนน้อยกว่าเรา และเมื่อจะทำอะไรจงรีบลงมือทำทันที
"จงทำงานเพื่องาน และมีอุดมการณ์เพื่อส่วนรวม"
พระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตโต) ได้กล่าวไว้ในหนังสือธรรมนูญชีวิตถึงหลักธรรมที่ใช้ในการทำงานร่วมกันให้เกิดความสุขในองค์กรคือ หลักสาราณียธรรม ๖ ประการ ได้แก่
เมตตากายกรรม คือ การกระทำต่อกันด้วยเมตตา ด้วยความมีไมตรี เคารพ ช่วยเหลือ
เมตตาวจีกรรม คือ การพูดจากันด้วยเมตตา ด้วยการแนะนำอย่างสุภาพ ตักเตือน เติมเต็มกัน
เมตตามโนกรรม คือ การคิดในแง่ดีต่อกันด้วยเมตตาจิตปรารถนาดี
สาธารณโภคี คือ การแบ่งปันประโยชน์ต่อกันอย่างเท่าเทียม
สีลสามัญญตา คือ ประพฤติตามระเบียบ ประพฤติสุจริต
ทิฏฐิสามัญญตา คือ การรับฟังความคิดเห็นกันและกันยึดอุดมคติ สิ่งดีงาม จุดหมายเดียวกัน
ทั้ง ๖ ประการนี้ครอบคลุมทั้งด้าน "ในคน" คือ กาย วาจา ใจ ที่ควรมีหลักปฏิบัติที่ดีต่อกัน และด้าน "นอกคน" ในการอยู่ร่วมกันด้วยดี คือ การแบ่งปัน การมีวินัย การรับฟังกัน
ถ้าปล่อยก็ว่าง
ถ้าวางก็เบา
ถ้าเอาก็หนัก
ถ้ารักก็ทุกข์
ถ้าสงบสุขก็สบาย
ที่มา : หนังสือ ผ่านทุกข์ ก็เจอสุข
Bookmarks