*********
คนละระดับ
*********
เรื่องสั้นเยาวชนสีขาว – คนละระดับ
ผมคนชื่อกานต์ครับ ผมขอเล่าเรื่องของผมให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราวนะครับ
ผมเป็นลูกคนมีเงินในหมู่บ้านนี้ แม่เป็นครู พ่อผมก็เป็นครู เหมือนกันครับ ผมเรียนจบชั้นประถมที่อำเภอ และถูกส่งไปเรียนที่ชั้นมัธยมต้นในตัวจังหวัดครับ
ตอนปิดภาคเรียน ผมกลับมาบ้าน บ้านเงียบมากกลางวันแม่ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน พ่อยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีงานสังสรรค์ตลอดเวลา ผมนั่งเล่นคนเดียวมันเหงามากเลยครับ ผมรีบเปิดประตูหน้าบ้าน ทันทีที่เห็นเด็กรุ่นเดียวกับผมคุยกันสนุกสนาน ถือคันเบ็ดเหลาไปคนละกำครับ ที่เรียกว่ากำเพราะมันหลายคันมาก มัดและแบกออกไป อีกมือหนึ่งผมเห็นเด็กเหล่านั้นถือกระป๋องหิ้ว ซึ่งคงเป็นกระป๋องเหยื่อน่ะครับ
ผมคิดในใจ “น่าสนุกจัง ตามไปบ้างดีกว่า” ผมรีบปิดบ้าน วิ่งตามเด็กเหล่านั้นไป ในวันนั้นผมสนุกมาก มีเพื่อนหลายคนเลย ชื่อ แคน โย่ง นนท์ เขียว โอย ผมดีใจมากที่ปิดภาคเรียนครั้งนี้ได้มีเพื่อน เพื่อนๆไปใส่เบ็ดไว้ตามคันนา ผมเดินตามไปติดๆ ย่ำลงคันนา ขี้โคลนติดตลอด แต่วันนั้นสนุกมาก
กลับมาบ้านเย็นแล้ว แม่ก็ยังไม่ทันกลับ พ่อก็ยังไม่ทันเข้าบ้าน ผมรีบชำระล้างโคลนออก อาบน้ำอย่างสะอาด สีหน้าผมก็คงบอกถึงความสบายใจเลยละครับ
ที่ประตูบ้าน รถเก๋งคันหรูของแม่เข้ามา ตามด้วยรถของพ่อ แล้วพ่อกับแม่ก็เถียงกัน ผมเดินหนีไม่อยากได้ยินพ่อแม่ทะเลาะกันเลยครับ เสียงพ่อดังลั่นเสียงแม่ดังไม่แพ้กันครับ
สักพักได้ยินเสียงแม่ตะโกณเรียกผมลงมาจากห้อง
“นี่กานต์ไปทำอะไรมา ห้องน้ำสกปรก มานี่เลย มาล้างห้องน้ำ”
ผมหรือครับ ยากครับที่จะล้างห้องน้ำ ผมมองหน้าตาเฉย ไม่ยีหระคำแม่เลย พอได้เวลากินข้าว ก็กับข้าวที่แม่ซื้อมาจากข้างนอกก็ทานข้าวแบบรีบทานครับ เสียงพ่อก็พึมพำ นั่นนี่ แม่ก็หงุดหงิดใส่พ่อ ตลอดเวลา บรรยากาศในช่วงอาหารค่ำของบ้านผม ไม่ดีเลยครับ
ทุกวันผมมีความสุขมากที่มีเพื่อน ได้คุยกับเพื่อนๆ ได้ใส่เบ็ดตกปลา อ้อลืมไปครับ ผมปักเบ็ดเป็นแล้วนะครับ ตอนบ่ายผมจะเดินท่อมๆ ไปกับเพื่อนตามคันนา ใส่เบ็ดหาปลา สนุกมากเหมือนกีฬาเลย ทุกเช้าหลังจากใส่เบ็ดแล้วจะคอยลุ้นว่าปลาจะติดเบ็ดหรือเปล่า
และแล้วหลังจากที่ผมหลบแม่ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ วันนี้แม่กลับมาบ้านตั้งแต่บ่าย ขณะที่ผมออกไปใส่เบ็ดหาปลากับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน ผมย่องเข้าบ้านในสภาพมอมแมม ผมเห็นรถแม่แล้ว กะว่าจะเข้าห้องผมทางข้างหลังบ้าน แต่เหมือนแม่ผมจะดักคอยอยู่แล้ว เลยไปเจอแม่พอดี
“นี่กานต์ไปทำอะไรมา มอมแมม” แม่ตวาดใส่ผม
“ผมไปข้างนอกมาครับแม่” ผมไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมาก่อนหน้านั้น
“กานต์ แม่บอกแล้วไงไม่ให้คบกับเด็กข้างบ้านพวกนั้น แม่ไม่ให้กานต์เล่นกับเด็กพวกนั้นนะ” เสียงแม่ดังมาก
“แต่เขาเป็นเพื่อนผมนะครับแม่ ผมมีสิทธิ์ที่จะคบใครเป็นเพื่อนก็ได้ และพวกเขาก็ไม่ได้พาผมไปทำอะไรที่ไม่ดีนะครับ”
“แต่เด็กพวกนั้นคนละระดับกับเรานะกานต์”
“เขาเป็นคนเหมือนเรานะครับ อาจมีความคิดที่ดีกว่าผมอีก บางทีผมยังทึ่งความสามารถของพวกเขา” ผมทนไม่ไหว เลยเถียงแม่ออกไป
“แม่รู้ไหมครับ เพื่อนผมเป็นคนดี มีความสามารถหลายอย่างที่ผมไม่มีนะครับ”
“ไม่รู้ละ แม่ไม่ให้กานต์ยุ่งกับเด็กพวกนี้อีก” แม่ชี้ไปนอกประตู
“พรุ่งนี้แม่จะพากานต์ไปอยู่กรุงเทพฯ จะได้ไม่ต้องคบกับเด็กพวกนี้ กานต์จัดกระเป๋าไว้”
แม่ยื่นคำขาดกับผม
วันรุ่งขึ้นผมต้องไปอยู่หอพักที่กรุงเทพฯ คนเดียว ช่วงปิดเทอม มันเป็นความเศร้ามากมาย ผมเหงา และคิดถึงความสนุกสนานที่ได้สัมผัสมามาก
วันหนึ่งเหตุร้ายได้เกิดขึ้น แม่โทรศัพท์มาบอกว่าพ่อตายแล้ว ให้ผมลงไปบ้านทันที ผมมาถึงบ้าน ศพพ่อผมตั้งอยู่ มีเพื่อนครูมาช่วยเหลืองานศพ พ่อผมตายเพราะผู้หญิงคนนั้นเมียใหม่พ่อเขาหึงพ่อ ...อย่าให้ผมเล่าอะไรมากกว่านี้เลย เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับผมมากมาย
หลังจากเสร็จงานศพพ่อแล้ว ผมได้แอบไปพบเพื่อน เล่าเรื่องราวสู่กันฟังอย่างสนุกสนาน แม้จะยังเศร้าใจอยู่มาก แต่ผมก็มีความสุข ผมระลึกถึงทุ่งนาที่เคยสัมผัสแม้จะไม่นาน คิดถึงตอนไปใส่เบ็ดตอนเย็น ด้วยกัน
ผมกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ แต่ใจผมยังอยากไปอยู่ในสถานที่ที่ให้ความสุขกับชีวิตธรรมชาติมาก สิ่งนี้คือความสุขของผม ผมกะว่าถ้าผมเรียนจบผมจะกลับมาพัฒนาบ้านผม มาหาเพื่อนๆผม
ผมเรียนมหาวิทยาลัยแล้วครับ ด้วยความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะกลับบ้านให้ได้ วันนี้ขณะที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ มีโทรมาบอกว่าแม่ป่วย เข้าโรงพยาบาลให้ผมกลับบ้านด่วน
ภาพที่เห็น แม่นอนไม่ขยับนิ่ง ด้วยเส้นเลือดตีบในสมอง ช่วยตัวเองไม่ได้เลย แม่พูดได้ กินข้าวได้ แต่ลูกนั่งไม่ได้ ข้างเตียงแม่หรือครับแทนที่จะพบพี่น้องหรือญาติของแม่ ไม่ใช่ครับ ผมพบเพื่อนผม แคน โย่ง นนท์ เขียว อยู่เฝ้าแม่ผม และช่วยเหลือแม่ผม ผมได้แต่ซึ้งใจจนน้ำตาซึมครับ
แม่พูดได้ แต่ขยับกอดผมไม่ได้ ภาพของแม่ที่มองเพื่อนผม แคน โย่ง นนท์ เขียว สายตาของแม่บ่งบอกถึงความขอบคุณ ...
เวลาที่ผ่านไป แม่เดินได้บ้างแล้ว ลาออกจากราชการ มีเพื่อนผมผลัดเปลี่ยนเข้าไปช่วยเหลือ ช่วยพยุงแม่หัดเดินใหม่ เวลานี้คำว่า “คนละระดับ” คงไม่มีในสมองแม่ เพราะเพื่อนผมทุกคนกลายเป็นลูกของแม่ไปหมด
ผมเรียนจบมาแล้วทำงานที่สำนักงานการเกษตรอีกจังหวัดหนึ่ง แคนเรียนจบมาเป็นครู โย่งมีกิจการซ่อมมอเตอร์ไซด์ประจำหมู่บ้าน นนท์เป็นสมาชิกสภาตำบล(อบต.) ที่สำคัญ เขียวของเรา ได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านที่มีอายุน้อยมาก
วันที่รับปริญญาผม แม่พาลูกแม่(คนที่มาเป็นลูกของแม่ ที่แม่รักพอๆกับผม) มาในงานรับปริญญาด้วย ท่ามกลางความปลื้มปีติของทุกคน แม่กอดลูกแม่ทุกคนรวมทั้งผมด้วย วันนี้ของแม่ไม่มีคำว่า “คนละระดับ” อีกต่อไป
ในโลกใบนี้สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ “อคติ” แต่ต้องการโลกที่สวยงาม ความงดงาม ที่สร้างจิตวิญญาณให้เป็นพลังแห่งความดีที่ยิ่งใหญ่ อยู่ในทุกซอกมุมของหัวใจ ถ้าอยากเข้าใจใครก็ขอให้มองเข้าไปให้ลึกถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ถ้าวางลงซึ่งอคติได้ ชีวิตของเราก็มีค่า งดงาม เบิกบานเราดอกกุหลาบที่โปรยปรายจากท้องฟ้าที่แสนสดใส
[wma]http://khonsurin.webs.com/000Numbankai.wma[/WMA]
Bookmarks