ผมหยุดงานหลายวันกลับบ้านเยี่ยมพ่ออีกครั้ง
อยากรู้ว่าพ่อจะได้ข้าวพอกินไหม เนื่องจากรู้ข่าวมาตลอดว่าแล้งเหลือเกิน
และอยากเห็นผลผลิต ท้องทุ่งอีสานปีที่แห้งแล้งเช่นนี้ด้วยครับ
กลับมาถึงก็เย็นแล้ว เห็นข้าวของพ่อ โอ้ว...เกินกว่าที่คิดไว้จริงๆ ครับ
และพ่อก็ว่าจ้างรถมาเกี่ยวข้าวพอดี
คูโบต้าตัวเล็กชนิดบรรจุถุง(ปุ๋ย) เริ่มเกี่ยวประมาณห้าโมงเย็น
นาข้าวของพ่อปีนี้มีน้ำขังมากสุดไม่เกินนิ้วมือ บางช่วงก็แห้ง
นาเก้าไร่ พ่อใส่ปุ๋ยเคมี 200 กิโล จะไม่ใส่ก็กลัวจะได้ข้าวไม่พอกินเพราะที่นาไม่มาก สรุปใส่ทุกปีนั่นละครับ
ส่วนยาฆ่าหญ้า ฆ่าหอยปู ฮอร์โมน อื่นๆ ไม่มี
ปริมาณน้ำฝนทั้งปีเฉพาะบริเวณหมู่บ้านผม ปีนี้นับว่าน้อยสุดๆ ตกหนักตอนกลางเดือนพฤศภาคมและกลางพรรษาอีกครั้ง
แต่ข้าวกลับงามมากๆ งามกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ต้นข้าวปีนี้สูงมาก รวงใหญ่ เมล็ดข้าวไม่แตก น้ำหนักดี
ข้าวเหนียว กข6 จ้างดำ 7 ไร่ จาก 9 ไร่ หมดเงินประมาณหนึ่งหมื่นบาท เน้นดำห่างๆ พ่อบอกเคยดำถี่แต่ข้าวรวงเล็ก
เริ่มเกี่ยวตอนห้าโมงเย็น เกรงจะไม่เสร็จ ต้องเรียกอีกคันมาช่วย
รถเกี่ยวในหมู่บ้าน คิดไร่ละห้าหกร้อยครับ
ข้าวของพ่อปีนี้ รวงใหญ่มากๆ
แม่ครัวและลูกมือเตรียมกับข้าว
พี่ชาย(ญาติ) พ่อครัวปรุงลาบ
ลาบงัวกับไก่ย่างของพ่อเป็นกับข้าวหลังจบงาน เบียร์ห้าหกขวดหมดตั้งแต่สตาร์ทรถ เหลือแต่รวงข้าว ไม่ค่อยมีคอฯ
นั่งพูดคุยกัน ชมดาวกลางท้องนาวันข้างแรม
เช้าวันรุ่งขึ้นก็จัดการตากข้าวครับ
ข้าวกองนี้ 70 กระสอบปุ๋ย จากนา 2 ไร่ 3 งาน
(กระสอบบรรจุปุ๋ยและกระสอบหัวอาหารสัตว์ บรรจุข้าวเปลือกที่ยังเปียกได้เฉลี่ย 30 กก. ต่อถุง)
บวกลบคูณหารแล้วได้ 760 กก. ต่อไร่ ซึ่งถือว่าได้เยอะมากๆ ครับ เกินกว่าที่กรมการข้าว(thairice.com) ระบุไว้เสียอีก
ว่าข้าวเหนียว กข6 ให้ผลผลิต 666 กก. ต่อไร่ (ไม่แน่ใจว่าหมายถึงข้าวที่ตากจนแห้งหรือยังไม่ตาก)
อีก 2 ไร่ เจอปัญหาน้ำไม่พอ ได้น้อยกว่าปกติ
แต่พอเกี่ยวเสร็จได้ข้าวประมาณ 40 กระสอบปุ๋ย หรือประมาณหนึ่งตันกว่า
สรุป เกี่ยวข้าว 9 ไร่ ได้ข้าว ประมาณ 170 กระสอบปุ๋ย กับอีกหนึ่งอุ้ม
ทำให้ปีนี้พ่อได้ข้าวโดยประมาณรวม 6 ตัน จากนา 9 ไร่ ซึ่งก็ถือว่าได้มากพอสมควร
กับต้นทุนเงินสองหมื่นบาทต้นๆ เป็นค่าไถ ถอนกล้า ปักดำและรถเกี่ยว กับทุนเวลา(ของพ่อ)ทั้งปีครับ
ถ้าเอาข้าวทั้งหมดไปขายที่ราคาตันละสองหมื่นบาท ตามราคาประทวนที่รัฐกำหนด
จะมีรายได้จากข้าว หลังหักลบต้นทุนแล้วก็ เจ็ดแปดหมื่นบาท
จะมีรายได้พอๆ กับทำงานค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ทั้งปี
ผมว่าน่าสนใจนะครับสำหรับใครที่มีสายเลือดชาวนาจริงๆ
ดินในนาของพ่อ เมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมาเป็นนาแก่นดินแข็ง ดินเอียด ดินเค็ม ดินทราย พ่อใช้เวลาปรับปรุงดินมาตลอด
ปัจจุบันดินไม่แข็ง ไม่ใช่นาดินแก่นแล้วครับ แต่ก็ยังเป็นนาดินปนทราย
โรงปุ๋ยอินทรีย์ พ่อเลี้ยงวัวไทยสามสี่ตัว ลำบากพอสมควรครับ แทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหน เพราะไม่มีลูกๆ คอยช่วย
สวนข้าวโพดเล็กๆ พ่อก็ยังปลูกให้หลานอยู่เสมอ
บ่อน้ำสามบ่อ มีน้ำไม่เต็ม บ่อนี้มีมากสุด
เลี้ยงปลาดุกอุยไว้เล็กน้อย พอเป็นอาหารยามหน้าแล้งและไว้ดูเล่นช่วยผ่อนคลาย
ปลาดุกอายุประมาณสามเดือน ให้อาหารเล็กน้อยจึงอ้วนแต่หัว
พ่อผมครับ อายุใกล้เจ็ดสิบ ตะเวนทั่วไทย สุดท้ายเลือกอาชีพเป็นชาวนาตามเดิม เนื้อหนังเหี่ยวย่นผิวดำกร้านจากลมแดด
กินอาหารตามมีตามปลูก จัดสำรับในกระด้งดูไม่นำสมัยแต่มีสารพิษเจือปนน้อยมากครับ ปิ้งปลาข่อน พะโล้ไข่เป็ดที่เลี้ยงไว้
ต่างจากครั้งที่พ่อเป็นลูกจ้าง ดูเท่มีเครดิต แต่มันก็เป็นเพียงภาพลวงตา
ขอบคุณพื้นที่ดีๆ ขอบคุณพื้นที่บ้านมหาฯ
ผิดพลาดประการใดผมขออภัยด้วยครับ
Bookmarks