วรรณกรรมอีสาน
1 กาฬเกษ
กาฬเกษ
อักษรธรรม 1 ผูก วัดแสงเกษม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
ณ เมืองพาราณสีมีกษัตริย์ นามว่าสุริวงษ์ และมเหสีนามว่า กาฬ ปกครองนคร ท้าวสุริวงษ์มีม้ามณีกาบซึ่งเป็นม้าวิเศษเป็นพาหะคู่บารมี ครั้งหนึ่งท้าวสุริวงษ์ได้ลามเหสีและชาวเมืองไปเรียนวิชาอาคมโดยมีม้ามณีกาบเป็นพาหะไปพบพญาครุฑและยักษ์กุมภัณฑ์ได้เป็นสหายกันและพระองค์ก็เรียนศาสตราศิลป์กับพระฤๅษีจนสำเร็จแล้วกลับมาปกครองเมืองต่อไป
เมื่อท้าวสุริวงษ์กลับมาครองเมืองแล้วก็ต้องการจะมีบุตรชายเอาไว้สืบราชสมบัติแทนพระองค์ ดังนั้นจึงทำพิธีขอลูกกับพระอินทร์ พระอินทร์ก็ได้ส่งเทพบุตรและเทพธิดาลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อให้เป็นคู่สามีภรรยากัน โดยเทพบุตรองค์หนึ่งมาเกิดในท้องนางกาฬมเหสีของท้าวสุริวงษ์ เมื่อนางกาฬประสูติออกมาเป็นชายชื่อว่ากาฬเกษ
กาฬเกษกุมารนี้ได้เจริญเติบโตมาเป็นลำดับ ครั้งหนึ่งได้เข้าไปเล่นในโรงม้าอันเป็นที่อยู่ของม้ามณีกาบ ได้แอบขึ้นขี่ม้าแล้วม้ามณีกาบก็พากาฬเกษกุมารเหาะไปในอากาศออกจากเมืองมุ่งเข้าป่าหิมพานต์
ขณะที่ท้าวกาฬเกษหนีออกจากเมืองนั้นได้พบกับนางนกสาลิกาคู่หนึ่ง จึงได้สั่งความให้กลับไปบอกท้าวสุริวงษ์ด้วยว่าจะออกไปเที่ยวในป่าถึง 3 ปี แล้วจะกลับมา เมื่อสั่งความเสร็จแล้วก็เดินทางต่อไปจนเข้าเขตเมืองผีมนต์ของท้าวผีมนต์ และท้าวกาฬเกษได้พักอยู่นอกเมืองพบกับชาวเมืองที่ออกมาหาฟืนแล้วได้ทราบข่าวว่าท้าวผีมนต์มีลูกสาวสวยชื่อมาลีจันทร์ จึงพยายามจะไปพบนางในสวนดอกไม้
เมื่อนางมาลีจันทร์มาชมสวนท้าวกาฬเกษจึงเข้าไปหาแล้วชอบพอรักใคร่กัน ดังนั้นตอนกลางคืนจึงแอบเข้าไปหานางเป็นเช่นนี้มานาน ต่อมาท้าวผีมนต์สืบได้ความจริง จึงได้ทำหอกยันต์ดักยิงขณะที่ท้าวกาฬเกษแอบเข้าไปนั้น พระองค์ได้ถูกหอกยันต์จนตาย แต่ก่อนจะตายท้าวกาฬเกษได้สั่งว่าอย่าเผาศพให้เอาใส่แพลอยน้ำไป นางมาลีจันทร์ได้ปฏิบัติตามที่ท้าวกาฬเกษสั่งทุกประการ
ศพของท้าวกาฬเกษลอยไปตามน้ำจนไปถึงอาศรมพระฤๅษีแล้วพระฤๅษีมาพบเข้าจึงร่ายมนต์ชุบชีวิตให้ฟื้นขึ้นมา ท้าวกาฬเกษฟื้นขึ้นมาแล้วจึงเรียนศาสตราศิลป์อยู่กับพระฤๅษี จนสำเร็จแล้วลาพระฤๅษีกลับไปหานางมาลีจันทร์ใหม่ ท้าวผีมนต์ทราบข่าวอีกจึงเกิดการรบกัน
ในที่สุดท้าวผีมนต์แพ้จึงยกเมืองและลูกสาวคือนางมาลีจันทร์ให้แก่ท้าวกาฬเกษ ท้าวกาฬเกษอยู่ที่นั้นไม่นานก็พานางมาลีจันทร์เดินทางต่อไปอีก ในการเดินทางนี่ได้พบยักษ์หลายตนเช่นยักษ์สาระกัน, ยักษ์คันธะ และยักษ์ขีนีสาระกาย ต่างต้องการจะให้ท้าวกาฬเกษอยู่ครองเมือง แต่ท้าวกาฬเกษยังต้องการเดินทางต่อไป
คืนหนึ่งเดินทางมาถึงร่มไม้ใหญ่จึงหยุดนอน ณ ที่นั้น ได้มีนางกินรี 3 ตน ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของพระฤๅษีได้มาพบท้าวกาฬเกษเข้า ดังนั้นนางทั้ง 3 จึงอุ้มเอาท้าวกาฬเกษหนีไป เมื่อท้าวกาฬเกษตื้นขึ้นมาได้พบนางทั้ง 3 จึงอยู่กับนาง
ส่วนนางมาลีจันทร์และม้ามณีกาบเมื่อตื่นขึ้นมาไม่พบท้าวกาฬเกษจึงพากันออกตามหา นางมาลีจันทร์พบกับท้าวอีสูรย์ ท้าวอีสูรย์จึงเอานางมาลีจันทร์ไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ส่วนม้ามณีกาบนั้นได้ไปพบกับพระฤๅษีจึงอาศัยอยู่กับพระฤๅษี
กาฬเกษอยู่กับนางกินรีเป็นเวลา 3 เดือน เมื่อนางกินรีลงมาปรนนิบัติพระฤๅษีและได้ทราบข่าวจากพระฤๅษี จึงไปบอกกับท้าวกาฬเกษ ท้าวกาฬเกษจึงมาหาม้ามณีกาบแล้วออกตามหานางมาลีจันทร์จนพบที่เมืองท้าวอีสูรย์
นางกินรีทั้ง 3 ตนนั้นก็ออกตามหาท้าวกาฬเกษจนมาพบกันที่เมืองอีสูรย์แล้วปรับความเข้าใจกันจึงลาท้าวอีสูรย์เดินทางต่อไป ท้าวกาฬเกษได้พบพญายักษ์ทั้งหลายตั้งอยู่ในศีลในธรรมแล้วเดินทางต่อไป
ขณะนั้นได้มียักษ์กุมภัณฑ์ตนหนึ่งมาเห็นนางมาลีจันทร์คิดรักใคร่จึงลักพาอุ้มเอานางไปขณะที่ทุกคนนอนหลับ เมื่อท้าวกาฬเกษตื่นขึ้นมาไม่พบนางจึงออกติดตามไปถึงเมืองยักษ์แล้วเกิดการต่อสู้กันเป็นเวลานาน ยักษ์กุมภัณฑ์เห็นท่าไม่ดีจึงขอให้ท้าวอีสูรย์มาช่วยแต่ไม่ชนะ จึงร้องขอพญาครุฑมาช่วยแต่เมื่อพญาครุฑเห็นท้าวกาฬเกษและม้ามณีกาบแล้วจำได้ว่าเป็นลูกสหายจึงให้ทำการประนีประนอมกันแล้วยกเลิกศึกสงครามต่อกัน
เพื่อเป็นการขอโทษท้าวกาฬเกษ ยักษ์กุมภัณฑ์จึงยกลูกสาวให้เป็นมเหสีของท้าวกาฬเกษ แล้วท้าวกาฬเกษพร้อมทั้งมเหสีทั้ง 5 คนและม้ามณีกาบก็กลับเข้าเมืองพาราณสีแล้วได้ครองเมืองแทนพระบิดาในเวลาต่อมา
อยู่มานางกาลีมเหสีคนหนึ่งของท้าวกาฬเกษประสูติโอรสออกมา ได้นามว่า “กาลียะสัตถะมาต” ได้เป็นที่รักยิ่งของมเหสีทุกคน ต่อมาท้าวกาฬเกษกับนางมาลีจันทร์กลับไปเยี่ยมท้าวผีมนต์และนางมาลีทองได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีอยู่ที่นั้นพักหนึ่งแล้วกลับมาอยู่เมืองพาราณสีดังเดิม เมื่อท้าวกาฬเกษได้แก่ชราตายไปแล้วกาลียะสัตถะกุมารได้ครองนครพาราณสีต่อมา
อ้างอิง
- กรมศิลปากร 2531.
- โครงการพัฒนาบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดทำโดย คณะกรรมการพัฒนาบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับครูมัธยมศึกษาจังหวัดศรีสะเกษ
- ปิยะฉัตร ปีตะวรรณ. การสำรวจใบลานในเขตจังหวัดภาคอีสาน. ภาควิชาประวัติศาสตร์
- วิทยาลัยครูอุบลราชธานี, มปป.
- อรทัย เลียงจินดาถาวร และ โสรัจ นามอ่อน. หนังสือใบลานจังหวัดอุบลราชธานี. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 2545.
................................................................................
Bookmarks