ดวงตะวันคล้อยต่ำย่ำค่ำไกล้สนธยาเข้ามาทุกที หลากชีวีประคองชีวิตอันเร่งรีบ
ที่อยู่ในคราบของพนักงานโรงงาน ออกมายืนรอรถรับส่งตามเวลาอย่างเสียมีได้
กลับกันนั้นก็ยังมีอีกหลายชีวิตย้อนกลับเข้าสู่อ้อมกอดแห่งความสุข..

ชีวิตปัจจุบันนั้นมันต้องดิ้นรนขนขวายหัวส่ายก้นขวิด หาเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอด
บนโลกของความเป็นจริงให้ได้ หาไม่แล้วเมืองใหญ่จะไม่ต้องการคุณ

ชานเมืองกรุงเทพฯด้านทิศเหนือ สมัยนี่นามว่า นวนคร
นิคมอุตสาหกรรมเป็นดั่งก้อนน้ำตาลหวานหยด เชิญชวนมดงานชั้นแรงงานให้เดินนวยนาฏ
เข้าไปหาอย่างไม่รีรอ หรือมีข้อโต้แย้งใด บ้างถึงกับฝากชีวิตไว้กับแหละขุดทองแห่งนี้
หวังเพียงเพื่อสร้างความมั่นคงทางฐานะ หากวันหนึ่งจำต้องทวนกระแสธารกาลเวลา
ไปหยั่งรากยังถิ่นเก่า จะไม่เสียจริตคิดวิตกว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร

หนึ่งชีวิตที่คิดมาดิ้นรนต่อสู้บนถนนสายแรงงาน เอากำลังกายเข้าแรกหวังเพียงสิ่งตอบแทน
ที่เหมาะสมจากนายจ้างผู้ทรงคุณธรรม
เรียวนิ้วที่เคยถอนกล้าดำนาปี วงแขนที่เคยโอบรัดคนที่รักและคอยห่วงใยบัดนี้
เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันอารีย์ของเครื่องจักร...

ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คำนี้ทันสมัยเสมอมา..
ภาระอันยิ่งใหญ่ของ "เธอ" คือมารดาและบิดาที่ชราภาพตามอายุขัย เฝ้าคอยความมีอันจะกิน
ที่ดีขึ้นจากใครคนนี้
สายตาอันเด็ดเดี่ยวและใจอันเข้มแข็งบนถนนสายแรงงานนี้ บางครั้งน้ำตาก็ช่วยได้บ้าง
ถึงแม้จะเข้มแข็งเพียงใด แต่ในใจก็ไหวระทวยได้ ตามกระแสพายุที่โหมกระหน่ำ ยามทุกโศก

การนั้นไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไป ค่าตอบแทนจากการทำงานที่ได้มานั้น
ถูกทอนออกเป็นส่วนจาก ค่าเช่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ เงินน้อยนิดที่ส่งไปทางบ้าน
ก็เพียงค่าหมากพลู ยังมิพอที่จะเปลี่ยนสังกะสีเก่าที่รูรั่วเต็มไปหมด ไม่เคยมีเดือนไหนพอซักที

ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีเพียงพัดลมกับเสื่อปูนอนและหมอนที่มารดาหอบหิ้วส่งให้ก่อนขึ้นรถจากมา
น้ำตาที่ไหลเคลียแก้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผล จากความคิดแค้นในใจ "ทำไมถึงเป็นอย่างนี้"
ข้าวคำนั้นที่บรรจงตักขึ้นมาเพื่อบรรเทาความหิว บัดนี้มันคลุกเคล้าด้วยน้ำตาแห่งความท้อแท้
สายลมแห่งความทุกข์โศกพัดผ่านเข้ามาให้เสียจริตนานแรมเดือน
แล้วจู่ๆ ก็ผ่านไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความระทมไว้ในความทรงจำ

ใครคนนั้นเดินเข้ามาในชีวิตของเธอ พร้อมคำสัญญาออกจากปาก จะคลายความโศกเศร้า
ให้จางหายไป
เส้นทางสายชีวิตคู่ ของเธอก็ไม่มีสิ่งใดแปลกไปมากนัก มีเพียงสังกระสีที่มีรอยรั่ว
ถูกแทนที่ด้วยกระเบื่อง ทีวีสีมีมาเพิ่มในห้องเช่า และเขาคนนั้นที่นับวันจะไม่กลับเข้าห้อง
ประตูบานนั้นมิได้ลั่นกลอนมาเป็นแรมเดือน หวังในใจลึก ๆเขาคนนั้นจะกลับมาในคืนที่เงียบเหงา
ว้าเหว่ เดียวดาวนั้น ในใจนี้มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย "ฉันสร้างเวรกรรมอะไรไว้นักหนาหนออออ"
คือหนึ่งในคำถามที่ตรึงใจไม่สร่างซา พลันน้ำตาที่ไหลออกมาอีกแล้ว ต่างวาระกันตรงที่
ครานี้มีเพียงหมอนของมารดา คอยซับน้ำตาและปลอบใจ คำถึกทักในใจ ว่ามีบิดามารดามาคอยปลอบใจ
และคอยเป็นแรงใจเสมอ
นี่ไม่ใช่วสันต์ ที่ลมนั้นจะพัดเอาสายฝนมากระหน่ำใส่อย่างไม่ใยดี
แต่นี่เป็น เหมันต์ ที่สั่นสะท้านตั้งแต่ผิวกายไปยังหัวใจเลยเชียว
คืนวันผันผ่าน น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา ห้วงวัฏจักรนี้หาได้สิ้นสุดไม่

เด็กน้อยตาดำ ๆ ลืมตามาดูโลกพร้อมร้อยยิ้มเปื้อนน้ำตาของเธอคนนี้ น้ำตานี้จะบ่งบอกถึง
ความยินดีปรีดา หรือจะเป็นน้ำตาแห่งความโศกเศร้าดี
ใครคนนั้นที่จากไปอย่างไม่ใยดี ยังมีไมตรีหลงเหลือไว้ให้ซึ่งสายเลือด และค่าแรงติดบัญชี
เพียงพอต่อการยังชีพของเธอและสายเลือดใหม่ในห้องเช่าเล็กๆนี้
วันวานผ่าน คืนวันเปลี่ยนแต่ความมั่นคงทางชีวิตไม่ยินยอมที่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเลย

สายตาที่มองมุ่งไปข้างหน้า พร้อมสัจจะมั่นที่ให้กับตัวเอง "ฉันจะเริ่มต้นใหม่และมีดีให้ได้"