สิบห้าปีที่ผ่านมาผมได้ดาวน์รถ Motorcy ยี่ฮ้อ Kawasaki รุ่น GTO Classic ที่ร้านแห่งหนึ่งในอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย
จังหวัดมหาสารคาม ดาวน์ 5000 บาท ผ่อน 30 งวดๆ ละ ประมาณ 1500 บาท และให้เพื่อนที่เป็นราชการค้ำประกันให้
หลังจากนั้นก็ผ่อนตามปกติจนครบสามสิบงวด เป็นอันว่าเป็นไทจากหนี้ก้อนนี้ ผมอยู่รังสิต ผ่อนโดยฝากเงินเข้าบัญชี
ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีตามร้านนั้น ผมฝากเงินเข้าบัญชีทุกครั้งก็จะโทรทางไกลไปแจ้งว่าได้โอนเงินให้แล้วนะ จะมี
เจ้าหน้าที่สาวรับว่า "ค่ะ ขอบคุณค่ะ" ทุกครั้ง เมื่อผ่อนจบผมก็ไม่รีบร้อนไปทำการโอน เพราะต้องไปทำเรื่องโอนกันที่
ร้านที่เป็นสาขาใหญ่ที่ตัวเมืองมหาสารคาม ส่วนผมทำงานที่รังสิตก็ไม่ค่อยสะดวกเรื่องเวลา และก็คิดว่าคงไม่เป็นไร
เพราะอย่างไรเสียเราก็ผ่อนชำระครบเรียบร้อยแล้ว…..หลังจากนั้นผมไม่แน่ใจว่านานแค่ไหน ทางร้านก็ให้เจ้าหน้าที่มา
ที่บ้านตามบัตรประชาชนผม ซึ่งก็คือบ้านแม่ที่อำเภอวาปีปทุม บอกว่าจะมายึดรถเพราะรถขาดส่งสี่งวดสุดท้าย "เอ๋า…
อีหยัง…." ผมคุยทางไกลกับแม่และกับเจ้าหน้าที่คนนั้น ยืนยันว่าผมชำระหมดแล้ว เขาก็กลับไป แต่ผมก็ไม่ดำเนินการ
ใดๆ ต่อให้จบเรื่อง เพราะ "กะถือใจซือ" ตามภาษาอีสานว่า ก็ในเมื่อเราชำระเงินเขาแล้ว เราไม่ได้โกงเขาก็ต้องไม่มีปัญหา
ครั้งหลังเขาก็มาอีก เหตุผลตามเดิม ผมก็คุยทางไกลกับเขาคำเดิม เขาก็กลับไปเช่นเคย แต่ผมว่าเขาคงไปแจ้งทางร้านว่า
ไม่เจอลูกค้ามั้ง ทุกอย่างจึงยังเหมือนเดิม…….และแล้วผมก็ได้กลับบ้านและก็ไปติดต่อร้านที่ทำการซื้อรถที่อำเภอพยัคฆ์
และนำหลักฐานใบเสร็จการฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารสี่ใบสี่งวดสุดท้ายไปแสดง โชคดียังเก็บไว้ซึ่งปกติผมไม่ค่อยใส่ใจ
เรื่องใบเสร็จใบสลิปไดๆ เลย….เจ้าหน้าที่เห็นเช่นนั้นก็เออออตาม และเล่ากันว่าช่วงเวลานั้นที่สำนักงานใหญ่มีเจ้าหน้าที่
สาวรับผิดชอบเรื่องการเงินลาออกไปหนึ่งคน และมีลูกค้าเจอปัญหานี้หลายราย…..สุดท้ายทางร้านที่พยัคฆ์ พาผมไป
แจ้งความที่ สน. พยัคฆภูมพิสัย และแนบใบเสร็จนั้นเป็นหลักฐาน….ไปถึงมือตำรวจผมก็โล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก
และก็คิดแบบมองโลกในแง่ดีอีกครั้งว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะช่วยแก้ปัญหาให้กับผมผู้เป็นราษฎรเสียภาษีได้…….
แต่และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...เจ้าหน้าที่คนนั้นกลับมาอีก มาที่บ้านผม พูดคำเดิมเหตุผลเดิมและผมก็พูดกับ
เขาตามเดิม เขาก็กลับไปอีก...อะไรกันนี่ ผมไปแจ้งความมีเจ้าหน้าที่ร้านขายรถเป็นคนเซ็นต์เป็นพยาน แต่เขาไม่ดำเนินการ
ไดๆ เลย เขาไม่แจ้งสาขาใหญ่เรื่องนี้เลย เรื่องทั้งหมดถูกกองไว้ที่โรงพักซึ่งตอนนี้อาจจะกองไว้ที่ในเต้นตามที่เป็นข่าวก็ได้
สุดท้ายเมื่อห้าปีที่ผ่านมาผมก็ไปติดต่อที่สาขาใหญ่ที่ตัวเมืองมหาสารคาม เล่าเรื่องตามนี้ให้ฟัง แต่ไม่มีอะไรไปแสดงเป็น
หลักฐาน ทางสาขาใหญ่ก็รับฟัง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็กลับบ้านมือเปล่า เขาเองก็แค่เห็นหน้าผมเฉยๆ โดยไม่ได้เงินที่
ค้างชำระที่คาดหวังว่าจะได้จากผม…..และครั้งล่าสุดก็เกิดขึ้นอีก เขาจะมายึดรถมาทวงหนี้อีก อะไรกันนักหนา ผมกับเขาก็
พูดกันคำเดิม เขาก็กลับไปอีก น่าจะเป็นรอบที่สี่หรือห้าหรืออาจจะถึงหกครับ เพราะกินเวลามาแล้วเกินสิบปี
สรุปเรื่อง
1) ผมไปซื้อดาวน์รถมอเตอร์ไซด์ ที่ร้านขายซึ่งเป็นร้านสาขา อยู่ที่อำเภอพยัคฆภูมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
2) ให้เพื่อนที่เป็นราชการเป็นคนค้ำประกันให้
3) ผมทำงานที่รังสิต ผ่อนงวดโดยฝากเงินสดผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารังสิตและสาขาฟิวเจอร์รังสิตเป็นหลัก
4) เงินถูกส่งเข้าบัญชีของร้านที่เป็นสาขาใหญ่ที่ตัวจังหวัดมหาสารคาม
5) ผ่อนโดยการฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารครบทั้ง 30 งวด และก็โทรแจ้งปลายทางทุกครั้ง โดยไม่มีปัญหาใดๆ
6) หลังผ่อนหมดไม่นานมีเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สินมาทวงหนี้ที่บ้านตามบัตรประชาชนของผม คือที่อำเภอวาปีปทุม
7) ผมไปติดต่อร้านที่ซื้อรถ คือที่อำเภอพยัคฆภูมพิสัย และไปแจ้งความที่ สน. พยัคฆภูมพิสัย มีพนักงานร้านเป็นพยาน
8) หลังแจ้งความ ทางสาขาใหญ่ก็ยังส่งเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สินมาตามทวงหนี้เรื่อยมา กว่าสิบปีแต่ไม่สามารถทวงได้จนวันนี้
9) ตัวรถเป็นของผม น้องเป็นคนใช้ เจ้าของรถตามกฏหมายคือร้านค้า
ปัญหาของปัญหาจากการคาดการณ์ของผม
1) เจ้าหน้าที่ร้านสาขาที่พยัคฆภูมิพิสัยไม่รายงานเรื่องไปยังสาขาใหญ่ที่ตัวเมืองมหาสารคาม ว่าลูกค้าได้ชำระเงินครบแล้วพร้อมแสดงหลักฐาน
2) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้วแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก
3) ทางร้านสาขาใหญ่ที่ตัวเมืองมหาสารคามโยนความผิดให้กับลูกค้า โดยไม่เคยสำรวจหาปัญหาในองค์กรของตัวเองเลย
4) ลูกค้า(ตัวผมเอง) มองโลกในแง่ดีเกินไป และไม่กระตือรือล้นทำเรื่องโอนให้จบ และไม่รอบคอบทำสำเนาใบเสร็จหรือหลักฐานไว้
ผลลัพธ์ของปัญหา
1) ทำให้เสียอารมณ์เป็นทุกข์ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายร้านค้าก็คิดว่าลูกค้าโกงค่างวด ส่วนลูกค้าก็หงุดหงิดรำคาญเรื่องทวงถามหนี้
2) เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ฝ่ายร้านค้าต้องให้พนักงานมาตามทวงหนี้ ส่วนลูกค้าต้องเสียเวลาเดินทางไปติดต่อ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ เลย
3) รถไม่ได้ต่อทะเบียนเป็นเวลาร่วมสิบกว่าปีแล้ว ทำให้รัฐเสียรายได้จากค่าภาษี และลูกค้าก็ใช้รถแบบไม่ถูกฎหมาย ข้อนี้ตำรวจรับไป
4) ผมต้องเสียเพื่อนดีๆ เพื่อนที่เป็นราชการ คราวหน้าจะพึ่งใคร และเพื่อนก็ว่าผม "มึงทำให้กูติดบัญชีดำ ค้ำประกันให้ญาติพี่น้องไม่ได้เลย"
5) ถ้าผมเอ่ยชื่อร้านค้า ร้านก็จะเสียชื่อเสียง ทั้งๆ ที่โฆษณาในวิทยุย่านสารคาม ร้อยเอ็ดอยู่ทุกวัน แต่นั่นคงไม่ใช่จุดประสงค์ของเวบนี้มั้งครับ
สรุปมีแต่เสียกับเสีย ดีที่รถไม่เคยมีปัญหาไดๆ เนื่องจากใช้อยู่เฉพาะละแวกหมู่บ้านและขับไปนาไปไร่
นำมาเล่าสู่กันฟัง และฝากบอกพี่น้องว่าถ้าท่านผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ทำธุรกรรมใดๆ อย่าลืมเก็บหลักฐานใบเสร็จไว้ให้ครบนะครับ
โดยเฉพาะหนุ่มโสดที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ไม่มีเวลาเคลียร์ห้องเคลียร์เอกสารส่วนตัวต้องระวัง
ขอบคุณครับ
Bookmarks