สายลมแฮง ยามแลงเซ้า คนผู้หัวใจเหงา
ได้นอนเศร้า อยู่แล้งแล่ง ลมบาดค่อยบาดแฮง
พัดเอาดินไง่กุ้ม มาเป็นปุ้มขี้ไหง่ปิ้ว
ก้อนขี้ฟ้า แล่นลิ้ว มีแต่เมฆบ่มีฝน
เปรียบคือคน บ่มีแฟน ได้อยู่เดียวนอนแล้ง
เหลียวลงนาเข้ากล้าตาย เป็นเฟืองแห้ง
สีเหลืองแดง อยู่กลางท่ง ฝนบ่มาฟ้าบ่ส่ง
มีแต่ลมพัดแล้ง ผืนดินแห่งไหง่ผง
ฝนบ่ตกลงมา นาบ่มีน้ำโห่ง ฝูงงัวควายกะยืนเซ่า
เฮ็ดจั่งได๋เด้น้อ เหลียวเบิ่งเข่าอยู่เล้า กะเหลือน้อย ฮอดบ่หลาย
ชีวิตของบักอ้าย ตกปีโศกอับเฉา ตกปีเงาราหูแทรกซึมในร่าง
นางผู้เคยหวังไว้ เป็นแรงใจ ยามหมองหม่น
คนผู้เคยเชือหมั้น กะผันปิ้น เปลี่ยนแปลง
คนเคยฮัก คือจั่งฟ้ากลั่นแกล้ง ให้แยกจากทางกัน
คือคอยดันสองเฮา ไห้ห่างกันคนก้ำ
จักว่าทำบุญสร้าง อีหยังน้อ เฮ็ดไห้พ้อแต่ความหม่น
คิดต่อเข้าในนา ฮอดกะบ่มีฝน
คิดต่อคนเคยฮัก พรมลิขิตขีดเส้นห้าม ขวางกั้นไห้ห่างไกล
ขืนอยู่บ้านคงบ่ได้ ขืนอยู่ไปคงตายแน่
ใจเป็นแผลแตกเป็นเปี่ยง คือสวรรค์ลำเอี่ยง จำใจจากบ้านทุ่ง
ลาลุงป้าพ่อแม่โต กำหนดโงคืนบ้าน วันได๋น้อสิได้ต่าว
ยามได๋ฝนตกมา ยามได๋นามีต้นเข้า ยามใจท้าวซุ่มเย็น
ยามไดเห็น มองลงนามีน้ำ ยามได๋ใจหายหม่น
ยามได๋น้อ เส้นลิขิตชีวิตคน หายจากความหม่นเศร้า โตท้าวจั่งซิคืนสั้นแล่วพี่น้องเอ้ย