กำลังแสดงผล 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2

หัวข้อ: กิ น อ ย่ า ง ไ ร...จึงจะมีสุขภาพดี

  1. #1
    ศึกษาหาความรู้ สัญลักษณ์ของ lungyai1123
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    กระทู้
    3,644
    บล็อก
    63

    กิ น อ ย่ า ง ไ ร...จึงจะมีสุขภาพดี

    กิ น อ ย่ า ง ไ ร...จึงจะมีสุขภาพดี

    กิ น อ ย่ า ง ไ ร...จึงจะมีสุขภาพดี
    อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา : บรรยาย
    จิรวิทย์ ศุภนันทกานต์ : เขียน/เรียบเรียง


    โรค เป็นธรรมชาติที่ร่างกายถูกเบียดเบียนให้เกิดทุกขเวทนาทางกาย
    ผู้ไม่มีปัญญาบำบัดกาย บำบัดใจด้วยธรรมชาติ
    ก็กลายเป็นโรคกาย-โรคใจ ทุกข์กายแล้วจะทุกข์ใจเพิ่มขึ้น

    พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า

    “ ชาติปิ ทุกฺขา เกิดก็เป็นทุกข์ ชราปิ ทุกฺขา
    แก่ก็เป็นทุกข์ มรณมฺปิ ทุกฺขํ ตายก็เป็นทุกข์ ”

    ขอขอบคุณ-ขอบใจ อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา


    พระ ป.ญาณโสภโณ
    ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘


    ๑. กิ น อ ย่ า ง ไ ร จึ ง จ ะ มี สุ ข ภ า พ ดี

    ไม่ต้องประหลาดใจเลยว่าชีวิตที่ดำรงกันอยู่ทุกวันนี้
    การกินเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย
    เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ ทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ

    พูดถึงเรื่องการกิน เป็นความจำเป็นสำหรับการมีชีวิต
    เพราะอาหารที่เรากินเข้าไปนั้นร่างกายนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อยู่สองประการใหญ่ ๆ

    หนึ่ง ** คือนำไปบำรุงร่างกาย สร้างการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

    สอง **คือทำให้เกิดพลังงาน ให้ร่างกายมีแรงที่จะทำการงานเคลื่อนไหวได้ดี


    สองประการนี้จัดว่าเป็นหน้าที่หลักของอาหาร
    สารอาหารที่ร่างกายต้องการแบ่งเป็น ๖ หมู่
    วันหนึ่ง ๆ ร่างกายต้องการไม่กี่แคลอรี่

    ในวันหนึ่ง ตามปกติวิสัยของคนทั่วไป เรากินอาหารกันสามมื้อ ทุกมื้อทุกวัน
    เราไม่ได้กินด้วยปัญญา คือไม่ได้กินกันตามทฤษฎีอย่างฝรั่งสอน ตามที่เล่าเรียนกันมา
    แต่เรากินกันตามกิเลส กินตามความอร่อย กินตามความอยาก

    เวลาเรียนเรื่องการกิน เราเรียนเพื่อเอาคะแนน
    แต่ในทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เราทำคนละเรื่องกับทฤษฎีที่เล่าเรียนมา

    ดังนั้นพวกเราไม่ต้องประหลาดใจเลยว่าชีวิตที่ดำรงกันอยู่ทุกวันนี้
    การกินเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วย
    เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจ


    เรากินกันเกินความต้องการของร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดความอ้วน
    และความอ้วนก็เป็นต้นเหตุอีกหลายโรค ทั้งโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน
    โรคไขข้อเสื่อม โรคหัวใจ ฯลฯ

    บางพวกกินน้อย เลือกกิน กินไม่ครบหมู่อาหาร
    ก็เป็นโรคขาดอาหาร ผอมอย่างกับผีตายซาก ร่างกายไม่สมบูรณ์

    คนโบราณหรือบรรพบุรุษของเรา ท่านก็สอนเรื่องการกิน
    ว่ากินอย่างไรจึงจะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
    โดยคนโบร่ำโบราณจะสอนว่าให้กินตามมีตามเกิด

    คำว่า กินตามมีตามเกิด คือกินสิ่งที่เกิดขึ้นที่มีตามฤดูกาลนั้น ๆ กินสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว

    ความเจริญทางโลกวันนี้ ทำให้เรากินผิดไปจากที่คนเก่าคนแก่สอน
    ผลไม้มาจากแดนไกลเราก็หากินได้ ผลหมากรากไม้นอกฤดูกาล เราก็ทำกินกันได้

    การกินจึงไม่ได้กินอย่างตามมีตามเกิด
    แต่เป็นการกินอย่างที่อยากจะกินต้องได้กิน จึงมีคำกล่าวที่น่าสนใจกล่าวว่า...

    อาหาร เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
    กินง่าย หากินก็ง่าย ทำให้เป็นคนอยู่ง่าย

    แต่...รสชาติของอาหาร เป็นอาหารของกิเลส
    การปรุงแต่งเป็นไปตามกิเลส เพื่อสนองกิเลส ทำให้เป็นคนอยู่ยาก กินยาก


    (มีต่อ)...........


    อาหารการกินทุกชนิดประเภทที่เรากินกัน
    พิจารณาดี ๆ ล้วนเกิดมาแต่ดิน กินเข้าไปก็เพื่อบำรุงธาตุดินในเรือนกาย
    กินเข้าไปอยู่ในท้องไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องกลับไปลงดินอย่างเก่า
    แล้วพืชก็ดูดกลับไปสังเคราะห์กลับมาเป็นอาหารให้เรากินเข้าไปใหม่
    วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดไป

    เนื้อวัวที่ราคาแพงที่สุดในโลกเห็นจะเป็นเนื้อวัวโกเบของญี่ปุ่น
    กิโลกรัมละเป็นหมื่นบาท

    เขาก็เลี้ยงมันด้วยหญ้าที่โตมาจากดิน
    จะบำรุงบำเรอสารอาหารวิเศษอะไรให้กิน
    สารอาหารนั้น ๆ ก็มาจากดินทั้งสิ้น

    เนื้อวัวในเมืองไทย กิโลกรัมละร้อยสองร้อยบาทมันก็กินหญ้าเหมือนกัน

    ดังนั้นสารอาหารที่มีในเนื้อวัวโกเบ
    กับสารอาหารที่มีในเนื้อวัวไทยมันคือสารอาหารชนิดเดียวกัน
    ให้ประโยชน์กับร่างกายเท่ากัน

    เหตุที่อยากกินเนื้อโกเบ เป็นเพราะ กิเลสมันสั่งให้กิน
    ใครที่อยากจะกินเนื้อโกเบ ก็ต้องทำงานหนักกว่าคนที่กินเนื้อวัวของไทย
    ต้องหาเงินมากกว่า ทำงานมากกว่า

    ความอร่อยของอาหารที่เกิดจากการปรุงแต่ง
    ให้เปรี้ยว ให้หวาน ให้มัน ให้เค็ม ให้พิสดารอย่างไร
    เมื่อตักเข้าปากมันอร่อยอยู่ตรงลิ้น พอกลืนผ่านลิ้นก็ไม่รู้รสแล้ว
    ตกถึงท้องอยู่ได้ไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง ร่างกายก็ขับถ่ายออกมาหมด

    กินมื้อละหมื่นก็ถ่าย กินมื้อละยี่สิบสามสิบบาทก็ถ่าย

    ทำอย่างไรให้การกินของเราแต่ละวัน เป็นการกินที่มีปัญญา
    มีสติระลึกได้ว่าเราจะกินเพื่อบำรุงร่างกายให้ทรงอยู่ได้ในแต่ละวัน
    เป็นไปเพื่อประโยชน์ของร่างกายจะไม่กินไปเพื่อให้เกิดทุกข์แก่กาย

    การกินเราจะไม่กินเพื่อไปหล่อเลี้ยงกิเลสตัณหา
    กินไปเพื่อเบียดเบียนสัตว์โลกที่เป็นเพื่อนทุกข์เพื่อสุขของเรา

    ท่านอยากรู้ว่ากินอย่างไรจึงจะมีสุขภาพดี
    ขอให้อ่านในหน้าต่อ ๆ ไป
    ซึ่งจะเป็นสาระที่มาจากการบรรยายของ ท่านอาจารย์สุทธิวัสส์ คำภา
    นักธรรมชาติบำบัดที่ท่านได้มาบรรยาย
    ให้ชมรมรักษ์ธรรมของแฟรี่แลนด์ฟัง

    อ่านแล้วอยากมีสุขภาพดีต้องไปทำรับประทานกันด้วย



    (มีต่อ)

    เครดิต : http://www.dhammajak.net/บ้านมหา.คอม

  2. #2
    ท่องเวบ สัญลักษณ์ของ pui.lab
    วันที่สมัคร
    Jul 2006
    ที่อยู่
    โสดไม่มีใครเอา หรือว่าเราไม่เอาใคร
    กระทู้
    8,954
    บล็อก
    9
    กินเพื่อสุขภาพ ต้องยกนิ้วให้ลุงที่บ้านเลยคะลุงใหญ่
    กินแต่ผักผลไม้เป็นหลัก เนื้อปลา อกไก่ไม่ติดมัน ของทอด ของเค็ม
    แค่พอชิมซือๆ หมูย่าง เนื้อย่างๆ 2-3 เดือนกินครั้ง
    บ้านมหาดอทคอม เว็บไซต์ส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ศิลปิน ความรู้ออนไลน์
    st1: มิตรภาพและรอยยิ้ม กับดีเจคนไกลบ้าน st1:

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •