สมุนไพรไทยกินต้านหวัด...

สมุนไพรไทยกินต้านหวัด...

***สมุนไพรไทยกินต้านหวัด...


ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน
บ้านเราก็หลีกหนีไม่พ้นเช่นกัน
สังเกตได้จากสภาวะอากาศที่แปรปรวนไม่ตรงตามฤดูกาล (คาดว่าปีนี้จะแย่กว่าเดิม)
ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่า หลายคนมีอาการเจ็บป่วยง่าย
โดยเฉพาะอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลหรือหวัดรุนแรง
ยิ่งช่วงไหนระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ
โอกาสที่เชื้อโรคสารพัดจะฉวยโอกาสโจมตีก็มีมากเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เราจึงควรรับประทานอาหารที่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เพียงพอ
ซึ่งมีอยู่ในสารอาหารจำพวกโปรตีนจากเนื้อสัตว์
ไขมันประเภทโอเมก้า-3 โอเมก้า-6 และ วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ
เช่น วิตามินซี วิตามินบี เหล็ก สังกะสี ซีลีเนียม


ทั้งนี้แหล่งของสารอาหารที่มีคุณสมบัติต้านหวัด
ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะใน อาหารที่มีราคาแพง หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเท่านั้น
แต่ผักพื้นบ้านไทยๆ ที่หาซื้อได้ง่ายตามตลาด
ก็มีสรรพคุณในการป้องกันและบรรเทาอาการหวัดเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น

* กระเทียม มีสรรพคุณทางยาโดยเฉพาะการต้านเชื้อโรค
เนื่องจากกระเทียมมีสารอัลลิซิน (allicin) ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อได้
มีกลิ่นฉุนจะเกิดขณะทุบหรือบดกระเทียม
ส่วนกระเทียมโทนที่มีกลิ่นและรสเผ็ดร้อนกว่ากระเทียมธรรมดา
จะให้ประสิทธิภาพมากกว่า
จากการศึกษาพบว่า กระเทียมโทนมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ดีกว่าเพนนิซิลลิน
และเตตร้าซัยคลิน ที่เป็นยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) ที่ใช้โดยทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคท้องเสีย
แผลติดเชื้อ วัณโรค ไทฟอยด์ และกลากเกลื้อนอีกด้วย
ซึ่งกระเทียมสดจัดว่ามีสรรพคุณรักษาอาการติดเชื้อได้ดีที่สุด
เช่น น้ำคั้นหัวกระเทียมผสมน้ำอุ่นและเกลือเล็กน้อย
เพื่อกลั้วคอการบรรเทาและรักษาทอนซิลอักเสบที่เริ่มเป็นหรือฆ่าเชื้อในปาก และลำคอ

* ขิง มีสารประกอบที่ให้รสเผ็ดร้อนอย่างจินเจอรอล และโชกาออล
ที่ช่วยบรรเทาหวัดและไข้หวัดใหญ่ ซึ่งสามารถนำมาปรุงผ่านความร้อน
หรือรับประทานสดก็ได้ นอกจากนี้ขิงยังสามารถบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
คลื่นไส้และวิงเวียนศีรษะได้อีกด้วย

* มะขามป้อม ในส่วนที่กินได้ 100 กรัม
มะขามป้อมมีวิตามินซี 276 มก. เราสามารถนำเนื้อผลแห้ง
หรือสดมารับประทานเพื่อขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ
นอกจากนี้ถ้านำผลแห้งมาต้มดื่มจะช่วยแก้ไข้

* กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีดิบให้มีวิตามินซีสูงที่สุด
โดยเฉพาะกระหล่ำดาวที่ 1 ถ้วย มีวิตามินซีถึง 97 มก.
แถมยังมีสารต้านมะเร็งหลายตัว ช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ได้
โดยเราสามารถรับประทานแบบสดและปรุงสุก
แต่ไม่ควรรับประทานกะหล่ำปลีสดในปริมาณมากๆ
เพราะมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen)
ซึ่งจะไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์
ทำให้ร่างกายขาดไอโอดีน แต่หากนำมาปรุงสุก กอยโตรเจนก็จะสลายไป

* ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ได้รับความนิยม
ในการบรรเทาและรักษาอาการเจ็บคอ ซึ่งเคยมีการศึกษาระบุถึง
ประสิทธิผลในการบรรเทาอาการหวัด (Common cold) ต่อมทอนซินอักเสบ
มีคุณสมบัติแก้ไข้ (antipyretic) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory)
และมีสารแอนโดรกราโฟไลด์เป็นส่วนประกอบสำคัญ
โดยสถาบันการแพทย์แผนไทยได้ระบุการทดลองให้ยาเม็ดสารสกัดฟ้าทะลายโจร
ที่ควบคุมให้มีปริมาณของแอนโดกราโฟไลด์
และดีออกซีแอนโดรกราไฟไลด์รวมกันไม่น้อยกว่า 5 มิลลิกรัม /เม็ด
ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 เวลา ในผู้ที่เป็นไข้หวัด
พบว่าความรุนแรงของทุกอาการไอ เสมหะ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ
อ่อนเพลีย ปวดหู นอนไม่หลับและเจ็บคอน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งเรานำส่วนลำต้นหรือใบสด 1 กำมือ มาทุบและบดต้มกับน้ำจิบเรื่อยๆ

* พริก ปริมาณวิตามินซีในพริกมากน้อยแตกต่างในแต่ละสายพันธุ์
เช่น พริกชี้ฟ้า พริกหยวก ก็มีปริมาณวิตามินซีมากกว่าพริกขี้หนู เป็นต้น
พริกมีสารที่ทำให้เกิดรสเผ็ดที่เรียกว่า Capsaicin
ที่ช่วยบรรเทาให้ระบบทางเดินหายใจโล่งขึ้น
และช่วยให้โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังดีขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างสารไนตริกออกไซด์
ที่ช่วยขยายและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือด
ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

ทั้งนี้เพื่อให้การใช้พืชผักสมุนไพรไทยเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
เราจำเป็นต้องเลือกใช้ให้ถูกชนิด ถูกส่วน ถูกขนาด ถูกวิธี และถูกอาการค่ะ

วิตามินซีกับการต้านหวัด วิตามินซี จัดเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ
และเป็นหนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการ และจำเป็นต้องได้รับทุกวัน
เพื่อช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยเสริมระบบการทำงานของเม็ดเลือดขาว
ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
ซึ่งเมื่อร่างกายขาดวิตามินซีอาจจะส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
เคยมีการศึกษาสนับสนุนว่า วิตามินซีช่วยบรรเทาความรุนแรง
ลดระยะเวลาของการเป็นหวัดและช่วยบรรเทาอาการแพ้ต่างๆ
ได้โดยเฉลี่ยปริมาณวิตามินซีที่ผู้ชายวัยผู้ใหญ่ต้องการคือ 90 มิลลิกรัมต่อวัน
และผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ 75 มิลลิกรัมต่อวัน

แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่ชัดเจนว่า
วิตามินซีเสริมขนาดสูงสามารถป้องกันโรคหวัดได้
แต่ก็มีประโยชน์ต่อผู้ที่ขาดหรือได้รับจากอาหารไม่เพียงพอ
ซึ่งควรได้รับเพิ่มอีก 35 มิลลิกรัม เช่น

* คนสูบบุหรี่
* กำลังเตรียมเข้ารับการผ่าตัด หรือกำลังพักและฟื้นฟูหลังการผ่าตัด
* ผู้ที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ
* คนที่อยู่ในอากาศหนาวนานๆ
* เด็กๆ ที่ขาดสารอาหาร
* หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงที่ให้นมบุตร



คัดลอกจาก...
http://www.healthtoday.net/thailand/nut ... on_92.html
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=19816
บ้านมหา.คอม